ความแตกต่างระหว่างทีมชาติเยอรมัน และทีมชาติไทย: ตอนที่ 1

เราขอทำตามสัญญา จากกระทู้นี้ http://ppantip.com/topic/33051472 เราจะมาเจาะลึกกันว่า ความแตกต่างหลักๆของการทำทีมชาติที่ได้แชมป์โลก 4 สมัย รั้งอันดับที่ 1 ของโลกบนฟีฟ่าแร้งกิ้งอย่างทีมชาติเยอรมัน กับทีมชาติไทยที่ตอนนี้ทำได้มากสุดคือ “ฝัน” จะไปบอลโลก และมีอันดับบนฟีฟ่าแร้งกิ้งที่ 142 นั้นมีอะไรบ้าง

เนื่องจากมีหลายประเด็นให้พูดถึง จขกท จึงจะขอแตกเป็นสองกระทู้นะคะ การจัดการของไทยบางเรื่องเราอาจไม่ลงรายละเอียดค่ะ เพราะคิดว่าหลายๆคนน่าจะพอนึกออกว่าการบริหารจัดการของเราเป็นแบบไหน และยอมรับด้วยว่าข้อมูลของสมาชิกห้องนี้บางคนอาจจะแม่นกว่าเราด้วยซ้ำ เราจะว่าแต่เรื่องของการทำงานในส่วนที่เราควรสนใจว่าน่าจะนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ของไทยเรานะคะ

วิสัยทัศน์ขององค์กร
เมื่อเยอรมันทำผลงานได้ลุ่มๆดอนๆในระดับโลกเยอรมันมองขาดแล้วว่าปัญหาคือการขาดแคลนผู้เล่นรุ่นเล็กที่จะมาทดแทนรุ่นพี่ เยอรมันแก้ปัญหาด้วยการพัฒนาทีมเยาวชน แผนนี้เกิดราวปี 2000 และ 14 ปีหลังจากนั้นเยอรมันได้แชมป์โลกอีกครั้ง ด้วยนักเตะเด็กค่อนทีม
ขอบคุณข้อมูลจากคุณสารานุกรมกัลโช่ จากกระทู้นี้ค่ะ http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2011/12/S11446196/S11446196.html

ส่วนไทยอ่ะหรอ มีแผนเหมือนกัน แต่เป็นแผนทำคาร์แคร์ระดับโลกขร่ะ
“บังยี” วางอัดฉีด “ไทย” ไปบอลโลก 300 ล้าน !!!
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9570000146944


http://bit.ly/1xCSZWo (คลิปข่าวฉบับเต็ม)

ทั่นคะ เท่าที่ฟัง ยังไม่ได้ยินแผนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยขร่ะ ฟังจากน้ำเสียงทั่นเองทั่นย้งไม่มั่นใจเลยค่ะว่าเราจะได้ไปรัสเซีย ตอน ปี 2018 อ่ะขร่ะ

วิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร
Wolfgang Niersbach คือประธานสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันหรือชื่อเต็มในภาษาเยอรมันคือ Deutscher Fussball Bund และใช้ตัวย่อว่า DFB (หลังจากนี้เราจะเรียกว่าเดเอฟเบไปตลอดนะคะ) ซึ่งก็เทียบได้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ที่มี นายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคมอยู่ นาย Niersbach ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานในปี 2012 และเป็นประธานคนที่ 11 สิ่งที่เราได้เห็นจากการทำงานของประธานเดเอฟเบคนนี้ กับทีมชาติเยอรมันชุดที่ผ่านมาที่น่าเอามาพูดถึงก็คือ

-    ยังคงสนับสนุนโค้ชเลิฟให้คุมทีมชาติเยอรมันต่อไปแม้จะพลาดแชมป์ยูโร 2012
แม้เยอรมันยังคงวืดแชมป์ยูโรมาต่อเนื่องเป็นเวลา 16 ปีก็ตาม แต่ Niersbach ยังคงสนับสนุนให้เลิฟเป็นกุนซือทีมชาติต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการโทษกัน ไม่มีการด่าออกสื่อ ไม่มีการไล่ตะเพิดออกจากตำแหน่ง แถมยังให้สัมภาษณ์ว่าเลิฟนั้นยังคงเป็น “โค้ชทีมชาติเยอรมันในอุดมคติ” อีกต่างหาก เลิฟนั้นเป็นโค้ชที่โดนวิพากษ์วิจารณ์การทำทีมฟุตบอลทีมชาติมาโดยตลอด คนในวงการฟุตบอลบางคน วิจารณ์เลิฟโหดมาก การตกรอบ semi final ของยูโร 2012 แน่นอนว่าต้องโดนด่ายับอยู่แล้ว แต่ Niersbach เอง ได้ออกมาสยบทุกข่าวด้วยการคอนเฟิร์มว่าจะยังคงใช้บริการเลิฟต่อไปแน่นอน และหลังจากนั้นในปี 2014 เลิฟก็ได้ต่อสัญญากับเดเอฟเบออกไปจนถึงปี 2016 ตอนที่เยอรมันได้แชมป์ถ้าใครดูตอนมอบถ้วย เลิฟกอดกับ Niersbach แน่นนนนน เลย เราคิดว่า Niersbach ทำหน้าที่หัวหน้าได้ดีมาก ให้การสนับสนุนเลิฟแบบไม่มีเงื่อนไข ทำให้อย่างน้อยการทำงานของเลิฟก็ง่ายขึ้นอีกนิด

ส่วนของไทยนี่เราไม่แน่ใจเท่าไหร่ หากท่านใดจะเสริมข้อมูลส่วนนี้ เชิญได้เลยค่ะ

-    หลังจากได้แชมป์โลกสมัยที่สี่ Niersbach ประกาศแผนงานอีก 10 ปีข้างหน้า
ภายหลังจากเยอรมันประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกสมัยที่สี่แล้ว อย่าคิดว่านั่นคือที่สุดเดเอฟเบแล้ว เพราะประธานเดเอฟเบได้เชิญสื่อมวลชนมาฟังท่านแถลงแผนงานในอีก 10 ปีข้างหน้าแล้วโดยส่วนหนึ่งของเป้าหมายของดเอฟเบคือ

1)    เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโร 2024 โดยเดเอฟเบได้ข้อสรุปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2013 ว่าจะเสนอตัวล่วงหน้า 10 ปี ทั้งนี้จะไม่มีการสร้างสนามเพิ่มแต่อย่างใด

2)    เสนอตัวเป็น FIFA Executive Committee Member โดยแคมเปญของ Niersbach คือการปรับปรุงภาพลักษณ์ขององค์กรฟีฟ่า (ที่ตอนนี้คนเริ่มจะไม่เชื่อถือเท่าไหร่แล้วจากข่าวต่างๆที่ออกมา)

3)    การสร้างอคาเดมีของเดเอฟเบขึ้นใหม่ ซึ่งจะเริ่มงานในปี 2017

4) การผลักดันฟุตบอลแบบสมัครเล่นในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการ re-launch เว็บไซต์สำหรับฟุตบอลสมัครเล่นในเยอรมัน การสนับสนุนเงินทุนให้กับสโมสรฟุตบอลสมัครเล่นทั่วประเทศเพื่อทำให้ค่าธรรมเนียมสมาชิกของสโมสรถูกลง เพราะ “Football must always remain affordable”

ข้อนี้ให้เราวิเคราะห์นะ เราว่าวิสัยทัศน์ของเดเอฟเบดีมากเลย คือไม่ได้ต้องการมุ่งเน้นกีฬาฟุตบอลเพื่อความเป็นเลิศเพียงอย่างเดียว แต่เน้นให้กีฬาฟุตบอลไปสู่รากหญ้าด้วย เอาเงินลงไปสนับสนุนฟุตบอลแบบสมัครเล่นทั่วประเทศ ทำให้สโมสรเหล่านั้นมีเงินทุนหมุนเวียนจะได้ไม่ต้องเก็บค่าสมาชิกแพงๆ เพราะถ้าแพงมากๆคนก็จะเข้ามาเล่นน้อย แถมมีการทำการศึกษามาแล้วเสร็จสรรพว่าอัตราค่าสมาชิกของสโมสรฟุตบอลในเยอรมันสำหรับเด็ก 1 คนเฉลี่ยอยู่ที่คนละ 3.5 ยูโร อันนี้ยิ่งเห็นชัดเลยว่าต้องการให้เด็กๆเข้ามาเล่นกีฬาฟุตบอลมากขึ้น แล้วพอเด็กๆหันมาเล่นฟุตบอลมากขึ้น (แทนที่จะไปเล่นกีฬาอื่น) เยอรมันก็จะมีบุคลากรด้านฟุตบอลมากขึ้น ส่งเสริมให้ลีคแข็งแกร่ง ทีมชาติแข็งแกร่งไปด้วย โอ้ววว มันสุดยอดมากกกก


นาย Wolfgang Niersbach (ภาพจาก www.dfb.de)

ส่วนแผนของสมาคมฟุตบอลไทยนี่เราไม่แน่ใจจริงๆแต่สัญญาว่าจะไปหามานะคะแล้วจะมาเติมให้ทีหลัง แต่ถ้าหากท่านไหนมีข้อมูลเชิญแชร์ได้เลยค่ะ

มาเอดิทเพิ่มรูปของ Niersbach เข้ามาเผื่อใครอยากเทียบโหงวเฮ้งกับทั่นบังยี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่