สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยตั้งแต่เล่นพันทิป ปกติคอยอ่านอย่างเดียวแต่วันนี้อยากตั้งกระทู้แชร์เรื่อง
อาจจะแท็กผิดห้องไปบ้าง อาจจะจัดเรียงกระทู้แปลกๆนิดนึงนะคะ ถ้าอ่านยากบอกนะคะเราจะปรับปรุงค่ะ
ใครที่สงสัยว่าแต่งรึเปล่า เราออกตัวก่อนเลยนะคะว่าไม่แต่งไม่นิยายแน่นอน ที่มาเล่านี่อยากระบายล้วนๆเลย
เฟลกับเรื่องนี้มากๆมาพักนึงแต่ว่าตอนนี้โอเคแล้วค่ะ 555555555555
เข้าเรื่องเลยนะคะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ช่วงปลายๆ ส.ค. ปีที่แล้ว ช่วงที่มหาลัยเพิ่งเปิดเทอมพอดี
เราปี 1 ค่ะได้มีโอกาสคุยกับคนๆนึง ขอเรียกว่าวีแล้วกันเนอะ ตอนแรกก็คุยๆไปไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่ คุยเฉยๆสนุกๆ
คุยจนระยะนึงรู้สึกว่าสนิทกันมาก คุยกันทุกวัน คุยโทรศัพท์ (โทรมาคุยกัน โทรมาร้องเพลงด้วย 55555)
ตอนหลังเขาก็มาขอคาทกเราค่ะ (kakaotalk ที่เป็นแอพแชทเกาหลี) ตอนนั้นเราก็ให้นะแต่ก็แอบเอะใจ ทำไมไม่ขอไลน์หว่า แต่ก็ปล่อยไป เราก็ให้ไอดีคาทกเขาแล้วเราก็คุยกัน ก็มีโทรมาบ้าง คอลคุยกันในคาทกบ้าง
เราอยู่หอไงคะ ก็ต้องติดต่อกับคนทางบ้านบาง โปรโปรศัพท์เราเป็นแบบเหมาเน็ต โทรฟรี 150 นาที
ช่วงนั้นคือไม่ค่อยได้โทรหาแม่เลยเพราะว่าโทรคุยกับวีจนเลยพิกัดโทรฟรี =_= (ตอนนั้นแอบเลวมากค่ะ ยิงให้แม่โทรกลับฝ่ายเดียวเลย)
แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแม่นะคะ เราก็คุยกันปกติเพียงแต่เราไม่ได้เป็นฝ่ายโทรไปแค่นั้นเอง แม่เราไม่ได้เล่นไลน์ค่ะ เล่นแค่เฟส เวลาคุยกันก็จะโทรคุยกันแค่นั้น
ตอนนั้นรู้สึกเรากับวีค่อนข้างติดกันมากอ่ะ คุยแบบคุยทุกเรื่องแทบตลอดเวลาเลย แบบมีหยอดๆกันด้วย ส่งเพลงให้กันไปๆมาๆ
เราก็คิดนะคะ 555555555 วีก็คิดเหมือนกันดูจากคำพูดคำจา เราว่าเราก็ไม่ได้คิดไปเองอ่ะค่ะ
แต่เราเป็นพวกเชื่อใจนะ คือเราจริงใจให้กับทุกคนที่คุยแล้วก็เชื่อใจทุกคนที่คุยด้วย แต่บนความเชื่อใจเราก็มีต่อมเผือกอยู่ค่ะ 555555555
ตอนนั้นที่คุยกันเราถามวีทำไรอยู่ เขาหลุดออกมาบอกว่าเขาเล่น between มาเล่นด้วยกันมั้ย ด้วยความติดตลกเราก็ตอบกลับไป เล่นทำไมอ่ะ ไม่เล่นหรอก ขี้เกียจ
มานึกได้ตอนหลัง แล้วเล่นบีทวีนกับใครวะ =_= เราเลยสืบๆส่องๆทุกอย่างจากสกิลของเราทั้งหมดที่มีค่ะ (เรารู้สึกเราเป็นคนที่เผือกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากค่ะ เผือกใคร อยากรู้เรื่องอะไรก็ได้รู้เรื่องหมดเลย ที่สำคัญเจ้าตัวไม่รู้ด้วยว่าเราสืบมารู้เรื่องหมดแล้ว) เลยรู้มาว่าจริงๆแล้วเขามีแฟนอยู่แล้วล่ะ
เราก็แบบ อ้าววววว ไรวะ มีแฟนอยู่แล้วแล้วมาหยอดตรูทำไม เราไม่ได้คิดไปเองจริงๆนะคะว่าเขาหยอดเรา
คือมันมีหลายช่วงเลยแหละที่คุยกันจนแบบ เข้าด้ายเข้าเข็มมากๆๆๆ มากจนถึงขั้นขอคบตอนนั้นก็ได้แต่เขาก็ไม่ทำ เขาบอกรอเวลาอะไรทำนองนี้ ตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยเข้าใจนะก็เลยปล่อยผ่านไป
พอเรารู้แล้วว่าถ้าเราจะเผือกเรื่องของวีกับอีกคนนึงได้ที่ไหนเราก็เผือกมาโดยตลอดค่ะ เผือกเงียบๆโดยที่วีไม่รู้
ตอนนั้นเรายังทำตัวปกติมาก ยังคุยกับวีเหมือนเดิมทุกอย่าง คือเขาไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าเรารู้อะไรมาบ้าง
หลังๆเราก็แกล้งพูดประชดประชันแซะๆวีทำนองว่าแอบคุยกับใครอยู่รึเปล่าไรงี้ เขาก็ตอบว่าจะให้คุยกับใคร คุยกับเราคนเดียว (จ้าาาาา กล้าเนอะ)
แล้วจุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นค่ะ จากการเผือกไปเผือกมาของเรา จากความรู้สึกเต็มๆของเรามันก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
คือใจที่ให้มันเริ่มลดตั้งแต่วันที่เผือกเจอวันแรก แล้วมันก็ค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆๆๆๆๆๆ ช่วงนั้นวีกับเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันด้วยค่ะ
คือปกติถามปุ๊บตอบปั๊บประมาณนี้ แต่นี่เหมือนกว่าจะตอบคือต้องรอร๊อรอ บางทีไม่ตอบเลยก็มี ไม่ค่อยโทรคุยกันแล้วด้วย
เราไม่ใช่พวกชอบตื๊อด้วยค่ะ ไม่คุยคือไม่คุย เราเคารพสิทธิ์ของคู่สนทนาคือถ้าเขาอยากคุยคงทักเรามาเองแหละ เราคิดอย่างงี้ตลอดเลยค่ะ
นั่นก็คือเรากับเขาก็เริ่มห่างๆกันละ
ทีนี้มาถึงจุดเปลี่ยนรอบที่สองคือช่วงนั้นเดือน ต.ค. ผังคอน+ราคาบัตรคอนก็มา วีเขาชอบเพลงของบังทันค่ะ เป็นแฟนเพลงเขาเลยอยากไปคอนบังทัน (บังทันคือวงเคป็อปเกาหลีนะคะ อีกชื่อนึงคือวง BTS เป็นวงฮิพฮอพค่ะ) เราเองก็ซัพพอร์ตวงนี้อยู่ด้วย
ตอนแรกเราก็จะไปบัตรแพงสุด ไปกับเพื่อน แต่วีบอกว่าอยากได้แต่พ่อไม่ให้ไปเพราะมันตรงกับช่วงปิดเทอม ต้องกลับบ้าน เราก็แบบขอพ่อสิ บอกพ่อว่าของานเดียวนะแล้วจะไม่ขออีกเลย บลาๆๆๆๆ เราก็แนะนำเขาทุกทางค่ะ อยากให้เขาไป วีบอกถ้าได้ไปจะฝากเราจอง เราก็โอเค
พอมาอีกวันวีมาบอกขอพ่อให้ได้แล้วแต่ต้องไป 1500 (บัตรถูกสุด) วีก็อื้มๆแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราก็แบบ อ้าวไหนบอกจะฝากจองไว้ (เราวางแผนไปจองรอบพรีเซลค่ะ) แต่ก็ไม่ได้ท้วงเขา ก็ปล่อยๆไป
เราเลยกลับไปนั่งคิดอีกที เอาไงดีจะไปบัตรราคาเดิมหรือไปดอยดี เผื่อบอกวีว่าไปดอยแล้ววีจะฝากจองจะได้นั่งด้วยกัน คิดไปคิดมาเราก็ตัดสินใจได้ โอเคเราไปดอย เราก็บอกวีว่าเราไปดอยนะ เหมือนเดิมค่ะ วีก็อื้มๆแต่ไม่ได้พูดอะไร เราก็ปล่อยเขาไป
จากนั้นมาก็เริ่มคุยกันไม่บ่อยเหมือนเดิมแล้วค่ะ เราเองก็ยังคอยส่องเผือกเขาอยู่เรื่อยๆ จนต้น พ.ย. วีทักมาว่าเนี่ย เครียด ไม่มีตังไปคอน (พรีเซลบัตรวันที่ 6 พ.ย.ค่ะ) ตอนนั้นเรารู้แล้วไงว่าเขาจะไปกับอีกคนนึงของเขาละเราเลยบอกว่า ก็ขอยืมคนที่ไปด้วยสิ
เขาก็บ่นนั่นบ่นนี่ไรไม่รู้ อย่างที่บอกว่าความรู้สึกเรามันก็ลดๆลง ไม่เหมือนเดิมแล้วไง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงปลอบวีอ่ะแต่นี่พอเขาบ่นมากเราเลยแกล้งพูดว่า เออไม่มีก็ไม่ต้องไป 55555555 วีก็บอกว่าพูดงี้เสียใจว่ะ แล้วก็อือๆช่างมัน แล้วก็หายไปเลยไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
เราก็ยังคอยส่องวีกับคนนั้นอยู่ตลอด เขาก็ดูโอเค มีความสุขดีโดยที่ไม่มีเรา มีจะเอาของไปให้กันที่คอนด้วย เราก็นั่งอ่านเฉยๆพยายามใส่ใจให้น้อยที่สุด
สุดท้ายเราตกลงกับตัวเองค่ะ เลิกส่อง ตัดใจ เลิกยุ่งเลิกพูดคุย ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใช้ชีวิตของเราได้โดยที่ไม่ต้องคุยกับวีอีกเลยค่ะ
มีเหตุการณ์เด็ดค่ะแต่เราไม่รู้จะไปแทรกไว้ส่วนไหนดี นี่เป้นเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับวีมากสุดๆ ตรงกับช่วงที่เราไม่ค่อยได้คุยกันแล้วนั่นแหละค่ะ คือเราเป็นเด็กโคฟเวอร์ก็กลับหอเย็นวันศุกร์ เสาร์เช้าก็ตื่นเช้าไปซ้อมเต้น
วันนั้นเราไปว้อมเต้นปกติแต่เหมือนวีมีธุระต้องทำที่มหาลัยกับอาจารย์ กับเพื่อนๆแต่พอไปถึงยังไม่มีใครมาวีก็เลยโทรมาคุยกับเราค่ะ แปปเดียวก็วาง
พอวางปุ๊บเรารีบเข้าไปส่องวีกับแฟนวีเลย ปรากฎว่าแฟนวียังไม่ตื่น จุดนั้นเราแบบ ถ้าแฟนแกตื่นแกก็คงจะโทรคุยกับแฟนแหละเนอะ แกเห็นฉันเป็นตัวอะไรของแกวะ
แล้วนั่นก็ทำให้เราเสียความรู้สึกกับวีมากที่สุดเลยค่ะ เป็นที่ปรึกษาได้แต่ไม่ชอบเป็นที่สองหรืออันดับรองของใครเวลาที่ตัวจริงไม่อยู่ เป็นอะไรที่เรารับไม่ได้มากจริงๆค่ะ
วีสำหรับเราคือคนที่ไม่จริงใจ เราไม่รู้ว่าวีคิดอะไรอยู่ตอนคุยกับเรา ถ้ามีแฟนแล้วจะมาจีบเราทำไม ประเด็นคือเราไม่รู้ว่าวีมีแฟนแล้ว แฟนวีเองก็ไม่รู้ว่าวีคุยกับเรา แฟนวีก็ชอบแกล้งล้อวีว่าแอบคุยกับกิ๊กป่ะ วีก็บอกว่าเปล่า ไม่ได้คุย คุยกับแฟนคนเดียว (เหมือนๆกันที่วีบอกเราว่าไม่ได้คุยกับคนอื่น คุยกับเราแค่คนเดียวนั้นแหละ)
ถามว่าเราเสียใจมั้ยที่ไม่ได้คุยกับวีต่อ ไม่เสียใจค่ะแต่ว่าเสียดายเวลามากกว่า เราคิดว่าถ้าตอนนั้นเราไม่ได้คุยกับวีเราคงจะได้คุยกับคนอื่นที่ดีกว่านี้ เสียดายเวลามากๆค่ะ ช่วงนั้นคิดตลอดเลยว่าไม่น่ามารู้จักกันเลยเนอะ
แต่ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ เป็นปกติ เราไม่ได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย อย่างที่บอกว่าเราดีใจมากกว่า ดีใจที่เราตัดใจตัวเองได้
ที่มาแชร์ก็มีเท่านี้แหละค่ะ ไม่มีอะไรมาก เหมือนอยากระบายมากกว่า 55555555555555
สำหรับเพื่อนๆพี่ๆที่มีประสบการณ์คล้ายๆเราแล้วอยากแชร์ก็แชร์ลงในนี้ด้วยกันได้นะคะ หรือใครอยากจะติชมอะไรกับเหตุการณ์ของเราก็ได้เลยค่ะ เราน้อมรับทุกคำติชมแล้วก็จะอ่านทุกๆความคิดเห็นค่ะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคนมากค่ะที่ตามอ่านจนจบ
ป.ล.แท็กเฉลิมกรุงเพราะมีนักร้องเกาหลี (บังทัน) มาเอี่ยวเรื่องด้วยนิดหน่อย 55555555555555
ดิทแก้คำผิดนะคะ
(แชร์ประสบการณ์) เคยมั้ยรู้สึกเสียดายเวลาที่เคยคุยกับคนๆนึงไป
อาจจะแท็กผิดห้องไปบ้าง อาจจะจัดเรียงกระทู้แปลกๆนิดนึงนะคะ ถ้าอ่านยากบอกนะคะเราจะปรับปรุงค่ะ
ใครที่สงสัยว่าแต่งรึเปล่า เราออกตัวก่อนเลยนะคะว่าไม่แต่งไม่นิยายแน่นอน ที่มาเล่านี่อยากระบายล้วนๆเลย
เฟลกับเรื่องนี้มากๆมาพักนึงแต่ว่าตอนนี้โอเคแล้วค่ะ 555555555555
เข้าเรื่องเลยนะคะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ช่วงปลายๆ ส.ค. ปีที่แล้ว ช่วงที่มหาลัยเพิ่งเปิดเทอมพอดี
เราปี 1 ค่ะได้มีโอกาสคุยกับคนๆนึง ขอเรียกว่าวีแล้วกันเนอะ ตอนแรกก็คุยๆไปไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่ คุยเฉยๆสนุกๆ
คุยจนระยะนึงรู้สึกว่าสนิทกันมาก คุยกันทุกวัน คุยโทรศัพท์ (โทรมาคุยกัน โทรมาร้องเพลงด้วย 55555)
ตอนหลังเขาก็มาขอคาทกเราค่ะ (kakaotalk ที่เป็นแอพแชทเกาหลี) ตอนนั้นเราก็ให้นะแต่ก็แอบเอะใจ ทำไมไม่ขอไลน์หว่า แต่ก็ปล่อยไป เราก็ให้ไอดีคาทกเขาแล้วเราก็คุยกัน ก็มีโทรมาบ้าง คอลคุยกันในคาทกบ้าง
เราอยู่หอไงคะ ก็ต้องติดต่อกับคนทางบ้านบาง โปรโปรศัพท์เราเป็นแบบเหมาเน็ต โทรฟรี 150 นาที
ช่วงนั้นคือไม่ค่อยได้โทรหาแม่เลยเพราะว่าโทรคุยกับวีจนเลยพิกัดโทรฟรี =_= (ตอนนั้นแอบเลวมากค่ะ ยิงให้แม่โทรกลับฝ่ายเดียวเลย)
แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแม่นะคะ เราก็คุยกันปกติเพียงแต่เราไม่ได้เป็นฝ่ายโทรไปแค่นั้นเอง แม่เราไม่ได้เล่นไลน์ค่ะ เล่นแค่เฟส เวลาคุยกันก็จะโทรคุยกันแค่นั้น
ตอนนั้นรู้สึกเรากับวีค่อนข้างติดกันมากอ่ะ คุยแบบคุยทุกเรื่องแทบตลอดเวลาเลย แบบมีหยอดๆกันด้วย ส่งเพลงให้กันไปๆมาๆ
เราก็คิดนะคะ 555555555 วีก็คิดเหมือนกันดูจากคำพูดคำจา เราว่าเราก็ไม่ได้คิดไปเองอ่ะค่ะ
แต่เราเป็นพวกเชื่อใจนะ คือเราจริงใจให้กับทุกคนที่คุยแล้วก็เชื่อใจทุกคนที่คุยด้วย แต่บนความเชื่อใจเราก็มีต่อมเผือกอยู่ค่ะ 555555555
ตอนนั้นที่คุยกันเราถามวีทำไรอยู่ เขาหลุดออกมาบอกว่าเขาเล่น between มาเล่นด้วยกันมั้ย ด้วยความติดตลกเราก็ตอบกลับไป เล่นทำไมอ่ะ ไม่เล่นหรอก ขี้เกียจ
มานึกได้ตอนหลัง แล้วเล่นบีทวีนกับใครวะ =_= เราเลยสืบๆส่องๆทุกอย่างจากสกิลของเราทั้งหมดที่มีค่ะ (เรารู้สึกเราเป็นคนที่เผือกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากค่ะ เผือกใคร อยากรู้เรื่องอะไรก็ได้รู้เรื่องหมดเลย ที่สำคัญเจ้าตัวไม่รู้ด้วยว่าเราสืบมารู้เรื่องหมดแล้ว) เลยรู้มาว่าจริงๆแล้วเขามีแฟนอยู่แล้วล่ะ
เราก็แบบ อ้าววววว ไรวะ มีแฟนอยู่แล้วแล้วมาหยอดตรูทำไม เราไม่ได้คิดไปเองจริงๆนะคะว่าเขาหยอดเรา
คือมันมีหลายช่วงเลยแหละที่คุยกันจนแบบ เข้าด้ายเข้าเข็มมากๆๆๆ มากจนถึงขั้นขอคบตอนนั้นก็ได้แต่เขาก็ไม่ทำ เขาบอกรอเวลาอะไรทำนองนี้ ตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยเข้าใจนะก็เลยปล่อยผ่านไป
พอเรารู้แล้วว่าถ้าเราจะเผือกเรื่องของวีกับอีกคนนึงได้ที่ไหนเราก็เผือกมาโดยตลอดค่ะ เผือกเงียบๆโดยที่วีไม่รู้
ตอนนั้นเรายังทำตัวปกติมาก ยังคุยกับวีเหมือนเดิมทุกอย่าง คือเขาไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าเรารู้อะไรมาบ้าง
หลังๆเราก็แกล้งพูดประชดประชันแซะๆวีทำนองว่าแอบคุยกับใครอยู่รึเปล่าไรงี้ เขาก็ตอบว่าจะให้คุยกับใคร คุยกับเราคนเดียว (จ้าาาาา กล้าเนอะ)
แล้วจุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นค่ะ จากการเผือกไปเผือกมาของเรา จากความรู้สึกเต็มๆของเรามันก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
คือใจที่ให้มันเริ่มลดตั้งแต่วันที่เผือกเจอวันแรก แล้วมันก็ค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆๆๆๆๆๆ ช่วงนั้นวีกับเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันด้วยค่ะ
คือปกติถามปุ๊บตอบปั๊บประมาณนี้ แต่นี่เหมือนกว่าจะตอบคือต้องรอร๊อรอ บางทีไม่ตอบเลยก็มี ไม่ค่อยโทรคุยกันแล้วด้วย
เราไม่ใช่พวกชอบตื๊อด้วยค่ะ ไม่คุยคือไม่คุย เราเคารพสิทธิ์ของคู่สนทนาคือถ้าเขาอยากคุยคงทักเรามาเองแหละ เราคิดอย่างงี้ตลอดเลยค่ะ
นั่นก็คือเรากับเขาก็เริ่มห่างๆกันละ
ทีนี้มาถึงจุดเปลี่ยนรอบที่สองคือช่วงนั้นเดือน ต.ค. ผังคอน+ราคาบัตรคอนก็มา วีเขาชอบเพลงของบังทันค่ะ เป็นแฟนเพลงเขาเลยอยากไปคอนบังทัน (บังทันคือวงเคป็อปเกาหลีนะคะ อีกชื่อนึงคือวง BTS เป็นวงฮิพฮอพค่ะ) เราเองก็ซัพพอร์ตวงนี้อยู่ด้วย
ตอนแรกเราก็จะไปบัตรแพงสุด ไปกับเพื่อน แต่วีบอกว่าอยากได้แต่พ่อไม่ให้ไปเพราะมันตรงกับช่วงปิดเทอม ต้องกลับบ้าน เราก็แบบขอพ่อสิ บอกพ่อว่าของานเดียวนะแล้วจะไม่ขออีกเลย บลาๆๆๆๆ เราก็แนะนำเขาทุกทางค่ะ อยากให้เขาไป วีบอกถ้าได้ไปจะฝากเราจอง เราก็โอเค
พอมาอีกวันวีมาบอกขอพ่อให้ได้แล้วแต่ต้องไป 1500 (บัตรถูกสุด) วีก็อื้มๆแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราก็แบบ อ้าวไหนบอกจะฝากจองไว้ (เราวางแผนไปจองรอบพรีเซลค่ะ) แต่ก็ไม่ได้ท้วงเขา ก็ปล่อยๆไป
เราเลยกลับไปนั่งคิดอีกที เอาไงดีจะไปบัตรราคาเดิมหรือไปดอยดี เผื่อบอกวีว่าไปดอยแล้ววีจะฝากจองจะได้นั่งด้วยกัน คิดไปคิดมาเราก็ตัดสินใจได้ โอเคเราไปดอย เราก็บอกวีว่าเราไปดอยนะ เหมือนเดิมค่ะ วีก็อื้มๆแต่ไม่ได้พูดอะไร เราก็ปล่อยเขาไป
จากนั้นมาก็เริ่มคุยกันไม่บ่อยเหมือนเดิมแล้วค่ะ เราเองก็ยังคอยส่องเผือกเขาอยู่เรื่อยๆ จนต้น พ.ย. วีทักมาว่าเนี่ย เครียด ไม่มีตังไปคอน (พรีเซลบัตรวันที่ 6 พ.ย.ค่ะ) ตอนนั้นเรารู้แล้วไงว่าเขาจะไปกับอีกคนนึงของเขาละเราเลยบอกว่า ก็ขอยืมคนที่ไปด้วยสิ
เขาก็บ่นนั่นบ่นนี่ไรไม่รู้ อย่างที่บอกว่าความรู้สึกเรามันก็ลดๆลง ไม่เหมือนเดิมแล้วไง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงปลอบวีอ่ะแต่นี่พอเขาบ่นมากเราเลยแกล้งพูดว่า เออไม่มีก็ไม่ต้องไป 55555555 วีก็บอกว่าพูดงี้เสียใจว่ะ แล้วก็อือๆช่างมัน แล้วก็หายไปเลยไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
เราก็ยังคอยส่องวีกับคนนั้นอยู่ตลอด เขาก็ดูโอเค มีความสุขดีโดยที่ไม่มีเรา มีจะเอาของไปให้กันที่คอนด้วย เราก็นั่งอ่านเฉยๆพยายามใส่ใจให้น้อยที่สุด
สุดท้ายเราตกลงกับตัวเองค่ะ เลิกส่อง ตัดใจ เลิกยุ่งเลิกพูดคุย ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใช้ชีวิตของเราได้โดยที่ไม่ต้องคุยกับวีอีกเลยค่ะ
มีเหตุการณ์เด็ดค่ะแต่เราไม่รู้จะไปแทรกไว้ส่วนไหนดี นี่เป้นเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับวีมากสุดๆ ตรงกับช่วงที่เราไม่ค่อยได้คุยกันแล้วนั่นแหละค่ะ คือเราเป็นเด็กโคฟเวอร์ก็กลับหอเย็นวันศุกร์ เสาร์เช้าก็ตื่นเช้าไปซ้อมเต้น
วันนั้นเราไปว้อมเต้นปกติแต่เหมือนวีมีธุระต้องทำที่มหาลัยกับอาจารย์ กับเพื่อนๆแต่พอไปถึงยังไม่มีใครมาวีก็เลยโทรมาคุยกับเราค่ะ แปปเดียวก็วาง
พอวางปุ๊บเรารีบเข้าไปส่องวีกับแฟนวีเลย ปรากฎว่าแฟนวียังไม่ตื่น จุดนั้นเราแบบ ถ้าแฟนแกตื่นแกก็คงจะโทรคุยกับแฟนแหละเนอะ แกเห็นฉันเป็นตัวอะไรของแกวะ
แล้วนั่นก็ทำให้เราเสียความรู้สึกกับวีมากที่สุดเลยค่ะ เป็นที่ปรึกษาได้แต่ไม่ชอบเป็นที่สองหรืออันดับรองของใครเวลาที่ตัวจริงไม่อยู่ เป็นอะไรที่เรารับไม่ได้มากจริงๆค่ะ
วีสำหรับเราคือคนที่ไม่จริงใจ เราไม่รู้ว่าวีคิดอะไรอยู่ตอนคุยกับเรา ถ้ามีแฟนแล้วจะมาจีบเราทำไม ประเด็นคือเราไม่รู้ว่าวีมีแฟนแล้ว แฟนวีเองก็ไม่รู้ว่าวีคุยกับเรา แฟนวีก็ชอบแกล้งล้อวีว่าแอบคุยกับกิ๊กป่ะ วีก็บอกว่าเปล่า ไม่ได้คุย คุยกับแฟนคนเดียว (เหมือนๆกันที่วีบอกเราว่าไม่ได้คุยกับคนอื่น คุยกับเราแค่คนเดียวนั้นแหละ)
ถามว่าเราเสียใจมั้ยที่ไม่ได้คุยกับวีต่อ ไม่เสียใจค่ะแต่ว่าเสียดายเวลามากกว่า เราคิดว่าถ้าตอนนั้นเราไม่ได้คุยกับวีเราคงจะได้คุยกับคนอื่นที่ดีกว่านี้ เสียดายเวลามากๆค่ะ ช่วงนั้นคิดตลอดเลยว่าไม่น่ามารู้จักกันเลยเนอะ
แต่ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ เป็นปกติ เราไม่ได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย อย่างที่บอกว่าเราดีใจมากกว่า ดีใจที่เราตัดใจตัวเองได้
ที่มาแชร์ก็มีเท่านี้แหละค่ะ ไม่มีอะไรมาก เหมือนอยากระบายมากกว่า 55555555555555
สำหรับเพื่อนๆพี่ๆที่มีประสบการณ์คล้ายๆเราแล้วอยากแชร์ก็แชร์ลงในนี้ด้วยกันได้นะคะ หรือใครอยากจะติชมอะไรกับเหตุการณ์ของเราก็ได้เลยค่ะ เราน้อมรับทุกคำติชมแล้วก็จะอ่านทุกๆความคิดเห็นค่ะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคนมากค่ะที่ตามอ่านจนจบ
ป.ล.แท็กเฉลิมกรุงเพราะมีนักร้องเกาหลี (บังทัน) มาเอี่ยวเรื่องด้วยนิดหน่อย 55555555555555
ดิทแก้คำผิดนะคะ