แชร์ประสบการณ์ Work&Travel 2014 McDonald Alabama USA

กระทู้สนทนา
ผ่านมาก็จะเป็นปีแล้ว อยู่บ้านว่างๆช่วงปีใหม่ ก็เลยถือโอกาสนี้
เล่าประสบการณ์ การไป Work & Travel ครั้งแรกของตนเอง ที่ก็มีทั้งดีเหมือนที่ฝันไว้ ไม่ดีขนาดแบบรับไม่ได้เลยยย
ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ฟังกันนะคะ เพื่ออเป็นข้อมูล สำหรับผู้ที่สนใจ อยากจะลองไปค้นหาตัวเอง เพิ่มเติมประสบการณ์ชีวิตในช่วงปิดเทอมกันค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า ก่อนที่จะทำการสมัคร เสียเงินไปกับโครงการนี้
คือว่าเราค่อนข้างหาข้อมูล ทั้งจากในเว็บ จากคนรอบข้างที่ไปมาแล้ว จากข้อมูลเอเจนซี่หลายๆแห่งเอง
ค่อนข้างเยอะมากกก ชั่งใจนานมาก จะไปดีมั้ยน้าาา เพราะว่าปีเดียวกัน ก็มีเพื่อนไปกับของดิสนีย์ แล้วก็มีไปที่สิงคโปร์ด้วย

แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ก็เลือกอันนี้ค่ะ เพราะว่า เราเองก็ไม่เคยเดินทางไกลๆขนาดนี้มาก่อน และเพราะว่ากำลังเรียนเอกภาษาอังกฤษอยู่ด้วย
เลยคิดว่า จะไปทั้งที ก็ขอไปให้ถึงอเมริกาเลยแล้วกัน จะได้เอามาพัฒนาทักษะการพูด การฟังของตนเองให้มันดีขึ้น

ว่าแล้วก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลจะไปของเอเจนซี่ที่ไหนดี อันไหนโอเค ไม่โอเค ดูแลดี ดูแลไม่ดี
เริ่มสมัครสมาชิกเว็บนี้ก็เพราะว่า ต้องการหาข้อมูลนี่แหละค่ะ และสุดท้าย เราก็เลือกมาหนึ่งเอเจนซี่
ส่วนตัวแล้วตอนนั้นคิดว่าโอเคเลยแหละ รุ่นพี่ที่สนิทด้วยไปมาเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็โอเคมากเลยระดับหนึ่ง (อยากรู้บริษัทไหน หลังไมค์ได้ค่ะ)
ก็สมัครในช่วง early ด้วย ได้ส่วนลดนู่นนี่นั่น (อยากเซฟเงินแม่ให้ได้มากที่สุด)

จ่ายค่าแรกเริ่มโครงการไปแล้ว ทีนี้ก็มาดูงาน ในเว็บก็มีงานให้เลือกเยอะนะคะ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว เค้าจะอ้างอิงมาจากปีที่แล้ว
ก็คือสรุปแล้ว งานก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดค่ะ อันไหนคอนเฟิร์มเร็ว คนที่สมัครช่วงแรกๆ ก็จองก่อน สัมภาษณ์เสร็จ ได้งาน สบายตัวกันไปปปป
ไอ้เราก็ใหม่มาก ไม่รู้จะอะไรยังไง ก็หาดู เลื่อนๆ ดูงานพวกนั้นไปเรื่อยๆ ดูทุกวัน อัพเดตบ้าง ไม่อัพเดตบ้าง
แอบโชคดีที่มีรุ่นพี่เคยไปมาก่อน พี่เค้าก็ให้เราขยันเข้าไปที่บริษัท ไปให้พี่ๆเค้ารู้จักหน้า คุ้นเคยกันซะ แล้วก็ไปดูด้วยว่ามีงานอะไรบ้าง เพราะว่าในเว็บจะไม่อัพเดตเท่าที่เราไปดูเอง

อ้อ ลืมบอก คือว่า พอเราติดต่อจ่ายเงินค่าโครงการ บลาๆๆ เรียบร้อย เราก็จะรู้ค่ะว่า พี่ที่ดูแลเราเนี่ยเป็นใคร ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเราดวงซวยก็ได้ เพราะว่าพี่ที่ดูแลเราเนี่ย ค่อนข้างโหด คือพี่เค้าเป็นคนตรงๆ แล้วก็ ไม่รู้สิ คือเราก็พยายามทำตัวว่าง่าย ไม่มีปัญหา เป็นเด็กดี ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านไปได้ด้วยดี แม้ว่า รุ่นพี่ของเราที่เคยไปมา จะบอกกับเราว่า มีพี่คนอื่นอีกนะ ที่เค้าใจดีสุดๆ ดูแลเด็กๆดีมาก ขยันตามเอกสาร ขยัยเตรียมเอกสารให้ งานเข้ามา เราอยากทำอะไร ถ้าเกิดว่ามันเข้ามา พี่เค้าก็จะบอกเราโดยเร็ว คือฟังแล้วนางฟ้ามาก (หลังไมค์ได้ค่ะ) แต่ว่า เราคงโชคไม่ดีด้วย คือว่า โทรไปแล้วพี่คนนั้นเค้ารับพอดี แล้วปีที่ผ่านมา พี่นางฟ้าของรุ่นพี่เรา เค้าก็ไม่ได้ทำในส่วนของการดูแล เตรียมเอกสารเด็กด้วย เราก็เลยอยู่กับพี่คนนี้
ตลอดช่วงเวลาที่อยุ่ คือว่า ส่วนหนึ่งเราก็เข้าใจพี่เอเจนซี่นะ เค้าดูแลเด็กจำนวนหลายร้อยคน พี่ๆเองก็มีกันไม่กี่คน เพราะฉะนั้น พี่คนหนึ่งก็จะทำหน้าที่ดูแลเด็กจำนวนเยอะไม่ใช่น้อย ดังนั้น พี่เค้าก็อาจจะดูแลเราได้ไม่ทั่วถึง เอกสารไม่ทักมาบ้าง จะเอาเอกสารกระชั้นชิดบ้าง จองตั่วไม่ทัน ไปจองเอาทีหลังก็แพงบ้าบอบ้าง เราไปแล้วก็ไม่ค่ยทักมา ไม่ค่อยถามว่าเป็นไงบ้าง โอเคมั้ย อะไรประมาณนี้ คือเราก็เข้าใจเค้าค่ะ เพราะฉะนั้น ก็โตๆกันแล้ว จบปีสามแล้ว ก็ดูแลตัวเองไปป พี่ไม่ถาม เราก็หมั่นถามพี่เค้า ไปอยู่นู่นก็ช่วยเหลือตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระใคร

งานที่เราเล็งไว้ คือ .... ทำแมคโดนัลที่ฮาวายค่ะ หาข้อมูลเยอะมากกกกก บอกเลย คือว่า ใจไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่ที่พี่เค้าบอกว่ายังไม่เต็มเเล้ว

แต่ว่า สุดท้ายแล้วได้ ... แมคโดนัล อลาบามา ค่ะ
คือว่า มันเป็นความผิดของเราเอง เราด่วนตัดสินใจ ใจร้อนเอง
ขอเล่าเลยนะคะ คือว่า ช่วงนั้นมันก็ปลายปีแล้ว ธันวาแล้วค่ะ แต่ว่างานเราก็ยังไม่ได้เลย ด้วยความที่ไม่เคยไป เป็นครั้งแรก ก็กลัวจะไม่ได้งาน วีซ่ายังไม่ได้ทำ กำหนดวันไปไม่ได้ ตั๋วพี่ยิ้มก็ไม่ทำใหซะที คือว่า ทุกอย่างดูกระชั้นชิดไปหมด สุดท้าย พี่ที่ดูแลเราเค้าก็โทรเข้ามาค่ะ แล้วก็ถามเราว่า มีงานแมคฯเหมือนกัน แต่ว่าเป็นที่นี่นะ สนใจไปมั้ย นายจ้างจะบินมาสัมภาษณ์เราเอง ที่.... อะไรยังไงก็ว่าไป พี่เค้าก็บอกว่า งานนี้เค้ารับเอา 60 คน แต่คนค่อนข้างมาเยอะ เพราะว่า คนที่ยังไม่มีงานก็เยอะ ถ้าเราไม่เอางานนี้ ก็กลัวว่าจะมีงานอื่นที่เราอาจจะไม่โอเค คือใจเรากะไปทำพวกอาหารฟาสฟู้ด เราก็บอกเค้าไปโดยตรงว่า งานเฮ้าส์ งานสวนสนุกไม่เอานะ พี่เค้าก็กลัวว่ามันจะไม่มีแล้ว แมคฯที่ฮาวายก็ยังไม่คอนเฟิร์มมาเลย บลาๆๆ ด้วยความที่ตอนนั้นไม่อยากมีปัญหา ก็บอกพี่เค้าไปว่า โอเคค่ะ ได้ค่ะ พี่เค้าก็บอกมาว่า เออ เราอาจจะไม่ได้ เพราะว่าก็ใหม่ แล้วคนก็มาสัมภาษณ์เยอะ ถือว่าเป็นการลองสนามแล้วกัน แต่ก็มีบอกมานะคะ ว่า ถ้าได้ หนูก็ต้องเอานะ คือใจตอนนั้นก็คือว่า เออ เราคงไม่ได้หรอก ลองไปดูหน่อยแล้วกัน จะได้ไม่ตื่นสนามเวลาสัมภาษณ์งานอื่น

ถึงเวลาก็ไปสัมภาษณ์ค่ะ ผลออกมาว่าผ่าน เค้ารับ สุดท้ายก็เลย ... เลยตามเลย แมคโดนัล อลาบามาค่ะ

หลังจากที่โอเค เรามีงานเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มหาข้อมูลค่ะ ว่ารัฐนี้อยู่ไหน มีอะไรเด่น ลักษณะอากาศ ลักษณะภุมิประเทศเป็นไง ก็ค่อยๆหาไปค่ะ ช่วงนั้นก็เข้าพันทิพบ่อยมาก หาว่า มีใครเคยไปมาบ้าง ก็ไม่ค่อยมีข้อมูลเลยค่ะ ก็เลยตัดสินใจว่า ไปเวิร์คกลับมา ยังไงก็จะมาแชร์ประสบการณ์เพื่อให้คนอื่นๆ ที่จะไปรัฐนี้ จะได้รู้ข้อมูลไว้ก่อน แล้วก็จะได้ เตรียมตัวเตรียมใจ นึกออกว่า สภาพเมืองเค้าเป็นยังไงค่ะ
จากการหาข้อมุล ก็คือเริ่มสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้วค่ะ เพราะว่า ก็เจอน้าาา คนที่เค้าไปเวิร์คมาก่อน อ่านไปอ่านมา เอ้าย้ายเมือง รายละเอียดก็มีน้อยมาก เริ่มเอะใจแล้วแหละตอนนั้น แต่ว่าก็ไม่อยากเรื่องมาก เราเป็นคนยังไงก็ได้ เราไม่รู้ ก็ลองไปดูก่อน ไม่ดีค่อยหาทางแก้ ตอนนั้นก็แอบศึกษา หาข้อมูลเรื่องย้ายเมือง การโดนลอยแพ นู่นนี่นั่นไว้เผื่อด้วยค่ะ

ขอข้ามขั้นตอนการเตรียมเอกสาร การซื้อตั๋วไปเลยนะคะ

พอไปถึงจริงๆ เราไปถึงช้า ถึงเอาช่วงหลังๆ ก็เกือบปลายเดือนมีนาแล้วค่ะ ตอนที่นั่งเครื่องมาจากไทย รู้สึกตัวเองโชคดีมาก คือเราได้นั่งใกล้กับพี่ผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งค่ะ พี่เค้าก็เคยไปเวิร์คมาก่อน ปัจจุบันพี่เค้าทำงานอยู่ที่ เวอร์จิเนีย เค้าก็ชวนคุย ตอนนั้นพี่เค้าก็เริ่มบอกแล้วค่ะ ว่าอลาบาม่าเป็นยังไง
พี่เค้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนที่เค้าไป (ก็คือย้อนกลับไปหลายปีอยู่) เค้าทำงานเป็น cashier ของ seven eleven ที่เวอร์จีเนียเลย แล้วก็มีเพื่อนเป็นคน อิตาลีหรือโรมาเนีย หรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหละค่ะ จำไม่ได้ เค้าย้ายมาจากอลาบาม่า เป็นเพื่อนที่ไปโครงการ work & travel เหมือนกัน เพื่อนพี่เค้าบอกว่า ที่ต้องย้ายเมืองเพราะว่า พี่เค้าทำงานเกี่ยวกับรับส่งพัสดุ แล้วก็โดนจี้ค่ะ หลังจากนั้นจึงทำเรื่องขอย้ายงาน ย้ายเมือง ณ ตอนนั้น ความคิดเราคือ เห้ย โหดไปป่ะวะ เรื่องจริงหรือว่าพี่เค้าหลอกเรากันแน่วะ แต่ว่าก็ไม่ลืมขอเฟส กับเบอร์พี่เค้าไว้นะคะ ตอนนั้นใจหวิวๆละ



แล้วก็พอไปถึงค่ะ เราเลือกลงที่ Mobile, AL เลย
ก็มีแท๊กซี่มารอรับนะคะ ดวงไม่ดีอีกละ -_- คือว่า โดนแท๊กซี่หลอกง่ะ ตอนแรกก่อนไปนี่รู้สึกค่อนข้างเป็นปลื้มกะภาษาอังกฤษตัวเองอยู่นิดหน่อย ว่าเราก็พอสื่อสารกะคนอื่นรู้เรื่อง แต่ว่าพอไปถึงแล้ว คือ ง่อยมากกก เค้าฟังเราไม่ค่อยออก เราเองก็ฟังเค้าไม่ค่อยออก ดีนะ ที่มีพี่ๆเพื่อนๆที่มาเวิร์คพร้อมกันเค้ามาก่อนแล้วส่งรูปที่อยู่ไปให้ ก็เลยยื่นให้เค้าดู

คุณลุงผิวสีขับรถแท๊กซี่มาส่งให้ถึงที่ค่ะ เค้าคิดเรา 70$ แอบอ่านก่อนไปว่า ควรให้ทิปการบริการ แท๊กซี่ หรือร้านอาหาร 10 เปอร์เซนต์ ก็... จัดไปเลยจ้าาา ให้ลุงแกไป 80$ พอไปถึง ก็เห็นมีเด็กไทยประปรายย เค้าก็มาช่วยเราขนของขึ้น จัดแจงหาห้องให้ พอไปถึงขึ้นไปข้างบน ถึงรู้ว่า เอ๊า นี่โดนแท๊กซี่หลอกเก็บเงินเกิน เค้าจ่ายกันรวมทิปแล้วค่ะ 65$ ไม่ก้ 70$ บางคนจ่าย 60$ ตอนนั้นรุ้สึกโกรธมาก แถมตอนที่เราลง เรายังไปช่วยแกแบกกระเป๋าเราลงอีก แกบอกว่าแขนแกไม่ค่อยดี ตอนนั้นโคตรรู้สึกแย่ค่ะ


ถึงเขตเมืองที่พักของเราแล้วค่ะ Daphne


ทางเข้าที่พักค่ะ ที่ที่เราอยู่ชื่อว่า Value Place


ในห้องหนึ่งจะอยู่ได้สูงสุด 4 คน เฉลี่ยค่าห้องรวมทุกอย่างแล้วตกคนละประมาณ 87-90$ ค่ะ ถ้าอยู่กัน 4 คนนะคะ

การทำความสะอาด ค่อนข้างเน่ามากค่ะ คือว่า เราอยู่กัน 4 คน แต่ว่า คนทำความสะอาดจะมา 2 อาทิตย์ครั้ง
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้นะคะ ใน 1 ห้องจะมีห้องน้ำให้ 1 ห้องเช่นกัน มีมุมทำครัวให้ค่ะ มีเตา ตู้เย็น ไมโครเวฟ


จากประตูห้องเข้ามาจะเจอมุมทำอาหารก่อนเลยค่ะ


ขนมที่ซื้อไปตุนๆกันไว้ ตลอด 3 เดือนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่