ปีใหม่ ดูแต่หนังผี รู้สึกว่าอันนี้น่ากลัวไม่ใช่น้อย
เรียงตามความน่ากลัวที่ดู
Sinister > Jessabelle > Babadook > Annabelle
ในบรรดา 4 เรื่อง
สำหรับ เจสซี่ ดูเป็นเรื่องสุดท้าย ระดับความใคร่ดูก็ตกลงไปมาก หลังจากพีคไปกับซินิสเตอร์
สิ่งที่น่าสนใจที่ชอบคือ บรรยากาศลึกลับบริเวณบ้าน เรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น บวกกับความลึกลับเชิงไสยศาสตร์แปลกๆ
อันนี้ทำให้ฉีกความจำเจไปได้บ้างจาก หนังสือเด็กบาบาดุก กับ ตุ๊กตาแอนนาเบล
เรื่องราวไม่ได้สลับซับซ้อนมาก เพราะถึง 3 ใน 4 ของหนังก็เดาเรื่องตอนจบได้ แต่ต้องยอมรับว่า ถึงจะเดาได้ก็ยังน่าติดตาม
สิ่งที่ดีที่สุด คือ เมื่อดูจบแล้ว พอมานึกทบทวนข้อความ คำพูดของแต่ละคน มันลงตัวมาก อันนี้ต้องชมคนเขียนบท
สามารถจัดวางการเฉลยไว้ทั้งหมดให้คนดูชม โดยยังไม่เฉลย แต่พอเฉลยเท่านั้นแหล่ะ เฉลยเลย
สิ่งที่จัดวางไว้ เมื่อกลับมาทบทวน เฮ้ย เออ นี่มันเฉลยไว้โต้งๆๆ ตั้งแต่หัวเรื่องถึงกลางเรื่องแล้วนี่หว่า
ข้อเสียใหญ่ของหนังเรื่องนี้ เป็นแบบเดียวกับหนังผีฝรั่งแทบทุกเรื่อง
คือ ผีมันไม่น่ากลัว
อันนี้คิดว่าเป็นที่แนวคิดของฝรั่ง ที่น่าจะคิดว่า ดังนี้
1. ผี คือ ซาตาน ปีศาจร้าย วิญญาณชั่ว - ซึ่งหนังในการตีความกลุ่มนี้จะไปทางการสู้กับซาตาน การบูชายันต์ การต้องสาป ศาสตร์มืด การล้างแค้น
2. ผี คือ ซอมบี้ การเข้าสิงในสิ่งของ บุคคล - อันนี้ก็จะเห็น ผีวัตถุ การไล่ผี
เราจึงจะเห็น ตุ๊กตาเดินได้ ซอมบี้กัดหู หรือ หมอผีจากโบสถ์ การแก้คำสาป แก้อาถรรพ์ เห็นซาตาน
หรือถ้าเห็นเป็นตัววิญญาณ ก็จะมาในลักษณะแบบ คู่ชกคู่ปล้ำ จับแขนกระชากถู จับกดน้ำ ชกเบ้าตากันได้ หรือมาวิ่งกระโดกกระเดก ยืนตรงนั้น โผล่ตรงนี้
ซึ่งอันนี้แตกต่างจากแนวคิดแบบไทยๆ เช่น
ผี คือ วิญญาณของคนที่ตายแล้ว ในรูปแบบต่างๆ
การนำเสนอเราจึงจะเห็น วิญญาณตามสถานที่ตาย ถนน บ้านเก่า โรงเรียน โรงแรม สถานที่เกิดเหตุ หรือ สถานที่ที่วิญญาณยึดติด
รูปแบบก็จะเป็นในลักษณะ ได้ยิน เห็น ได้กลิ่น น้อยที่จะได้สัมผัสกัน มีบ้างที่มีพลังเคลื่อนไหววัตถุ แต่จะมาแบบ ลางผีบอก สะกดจิต สะกิดใจ
แต่เอาจริงๆ หนังผีฝรั่งก็ยังมีในลักษณะวิญญาณคนตายกลับมาหา หรือมาวนเวียนเหมือนไทยแหล่ะ แต่โดยมากเหมือนจะไม่เชื่อ ปฏิกิริยาที่เขียนให้ตัวละครในเรื่องจึงเป็นลักษณะพิสุจน์แบบฐานวิทยาศาสตร์ ไม่เหมือนไทยที่จะให้ตัวละครคิดแบบฐานไสยศาสตร์ (เว้นแต่ตัวละครที่สร้างเมื่อเพื่อท้าทายโง่ๆ)
Jessabelle (2014)
เรียงตามความน่ากลัวที่ดู
Sinister > Jessabelle > Babadook > Annabelle
ในบรรดา 4 เรื่อง
สำหรับ เจสซี่ ดูเป็นเรื่องสุดท้าย ระดับความใคร่ดูก็ตกลงไปมาก หลังจากพีคไปกับซินิสเตอร์
สิ่งที่น่าสนใจที่ชอบคือ บรรยากาศลึกลับบริเวณบ้าน เรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น บวกกับความลึกลับเชิงไสยศาสตร์แปลกๆ
อันนี้ทำให้ฉีกความจำเจไปได้บ้างจาก หนังสือเด็กบาบาดุก กับ ตุ๊กตาแอนนาเบล
เรื่องราวไม่ได้สลับซับซ้อนมาก เพราะถึง 3 ใน 4 ของหนังก็เดาเรื่องตอนจบได้ แต่ต้องยอมรับว่า ถึงจะเดาได้ก็ยังน่าติดตาม
สิ่งที่ดีที่สุด คือ เมื่อดูจบแล้ว พอมานึกทบทวนข้อความ คำพูดของแต่ละคน มันลงตัวมาก อันนี้ต้องชมคนเขียนบท
สามารถจัดวางการเฉลยไว้ทั้งหมดให้คนดูชม โดยยังไม่เฉลย แต่พอเฉลยเท่านั้นแหล่ะ เฉลยเลย
สิ่งที่จัดวางไว้ เมื่อกลับมาทบทวน เฮ้ย เออ นี่มันเฉลยไว้โต้งๆๆ ตั้งแต่หัวเรื่องถึงกลางเรื่องแล้วนี่หว่า
ข้อเสียใหญ่ของหนังเรื่องนี้ เป็นแบบเดียวกับหนังผีฝรั่งแทบทุกเรื่อง
คือ ผีมันไม่น่ากลัว
อันนี้คิดว่าเป็นที่แนวคิดของฝรั่ง ที่น่าจะคิดว่า ดังนี้
1. ผี คือ ซาตาน ปีศาจร้าย วิญญาณชั่ว - ซึ่งหนังในการตีความกลุ่มนี้จะไปทางการสู้กับซาตาน การบูชายันต์ การต้องสาป ศาสตร์มืด การล้างแค้น
2. ผี คือ ซอมบี้ การเข้าสิงในสิ่งของ บุคคล - อันนี้ก็จะเห็น ผีวัตถุ การไล่ผี
เราจึงจะเห็น ตุ๊กตาเดินได้ ซอมบี้กัดหู หรือ หมอผีจากโบสถ์ การแก้คำสาป แก้อาถรรพ์ เห็นซาตาน
หรือถ้าเห็นเป็นตัววิญญาณ ก็จะมาในลักษณะแบบ คู่ชกคู่ปล้ำ จับแขนกระชากถู จับกดน้ำ ชกเบ้าตากันได้ หรือมาวิ่งกระโดกกระเดก ยืนตรงนั้น โผล่ตรงนี้
ซึ่งอันนี้แตกต่างจากแนวคิดแบบไทยๆ เช่น
ผี คือ วิญญาณของคนที่ตายแล้ว ในรูปแบบต่างๆ
การนำเสนอเราจึงจะเห็น วิญญาณตามสถานที่ตาย ถนน บ้านเก่า โรงเรียน โรงแรม สถานที่เกิดเหตุ หรือ สถานที่ที่วิญญาณยึดติด
รูปแบบก็จะเป็นในลักษณะ ได้ยิน เห็น ได้กลิ่น น้อยที่จะได้สัมผัสกัน มีบ้างที่มีพลังเคลื่อนไหววัตถุ แต่จะมาแบบ ลางผีบอก สะกดจิต สะกิดใจ
แต่เอาจริงๆ หนังผีฝรั่งก็ยังมีในลักษณะวิญญาณคนตายกลับมาหา หรือมาวนเวียนเหมือนไทยแหล่ะ แต่โดยมากเหมือนจะไม่เชื่อ ปฏิกิริยาที่เขียนให้ตัวละครในเรื่องจึงเป็นลักษณะพิสุจน์แบบฐานวิทยาศาสตร์ ไม่เหมือนไทยที่จะให้ตัวละครคิดแบบฐานไสยศาสตร์ (เว้นแต่ตัวละครที่สร้างเมื่อเพื่อท้าทายโง่ๆ)