ผมขอเทียบในรายการ ซูซูกิ คัพ 2012 (รองแชมป์) กับ ซูซูกิ คัพ 2014(แชมป์)
ทีมชาติไทย2012
กวินทร์
ปิยพล ภานุพงษ์ ชลทิตย์ ธีรทร
อดุลย์ พิชตพงษ์
จักรพันธ์(พรใส) ดัสกร อนุชา
ธีรศิลป์
ทีมชาติไทยยุคนี้เวลาบุกจะเล่นบอลหลายจังหวะ จะเซตบอลตรงกลางและถ่ายบอลไปมากันนาน เน้นความแน่นอน จนทำให้ไม่มีจังหวะแลกกล้าได้กล้าเสียแบบยุคปัจจุบันเท่าที่ควร จะทำให้บอลใช้เวลานานกว่าจะไปถึงกรอบเขตโทษของคู่แข่ง การบุกของทีมชาติไทยะเน้นการขึ้นเกมริมเส้น2ฝั่งและเปิดกลับเข้ามาให้ ธีรศิลป์ จบสกอร์ แต่ไม่มีการเจาะจากตรงกลาง ไม่มีการยิงไกลจากหัวกะโหลก ทำให้ความหลากหลายในการบุกค่อนข้างน้อย กองกลาง อย่าง ดัสกร พิชิตพงษ์ จะเป็นสไตล์ ถ่ายบอลตรงกลางไปมา ไม่ใช่สไตล์แบบเพลเมกเกอร์จริงๆ ไม่มีการยิงไกล ไม่มีการเลี้ยงจี้ไรเลย ซึ่งแตกต่างกับ ชนาธิป กับชัปปุยส์ อย่างสิ้นเชิง ในยุคนั้นจะหวังจ่ายบอลให้ธีรศิลป์ให้พังประตูอย่างเดียว เพราะว่า กลางรุก ยุคนั้น ทั้งดัสกร พิชิตพงษ์ เหมือนจะคอยปั้น หรือคอยพาสบอล ให้แนวรุกอย่างเดียว ซึ่งผมเห็นว่า ทั้งดัสกร พิชิตพงษ์ ควรยิงไกล หรือยิงประตูเองได้ด้วย เหมือนชนาธิป ชัปปุยส์
ทีมชาติไทยยุคนี้ถ้าเทียบกับทีมยุโรป ก็เหมือนบาร์ซ่า ที่ครองบอลได้เยอะจริง แต่ได้แต่ป่วนเปี้ยนไปมา ไม่มีพิษสงอะไร เพราะต่อบอลใช้จังหวะเยอะ อาวุธในการยิงก็มีแค่ธีรศิลป์ กองกลางยุคนั้นเหมือนจะไม่พยายามยิงประตูเลย เหมือนตัวเองมีหน้าที่ส่งอย่างเดียว
ทีมชาติไทย 2014
กวินทร์
นฤบดินทร์ ธนบูรณ์ สุทธินันท์ พีรพัฒน์
สารัส
ชัปปุยส์ ชนาธิป
มงคล อดิศักดิ์ เกริกฤทธ์
ส่วนทีมชาติไทยยุคปัจจุบันจะเล่นเป็นทีมมากกว่าหน่อย จังหวะบุกจะเติมกันหมด ทั้ง มงคล เกริกฤทธ์ ชนาธิป ชาริล ทำให้เกมรุกเด่นกว่ายุคนั้น มีมิติในการเจาะหลากหลายไม่ว่าจะเป็นตรงกลาง ทั้งริมเส้น กองกลางกับกองหน้าทุกคนสามารถยิงประตูได้หมด ทำให้อาวุธในการจบสกอร์มีมากขึ้น เกมรุกจะไม่เน้นการครองบอลไปมาจะเปิดแลกเร็วเลย ไม่ใช้จังหวะต่อบอลเยอะ บอลจากหลังไปหน้าจะไว แต่ต้องปรับความแม่นยำอีกเล็กน้อย
ความต่างของทีมชาติไทย ยุคซิโก้ กับยุควินนี่
ทีมชาติไทย2012
กวินทร์
ปิยพล ภานุพงษ์ ชลทิตย์ ธีรทร
อดุลย์ พิชตพงษ์
จักรพันธ์(พรใส) ดัสกร อนุชา
ธีรศิลป์
ทีมชาติไทยยุคนี้เวลาบุกจะเล่นบอลหลายจังหวะ จะเซตบอลตรงกลางและถ่ายบอลไปมากันนาน เน้นความแน่นอน จนทำให้ไม่มีจังหวะแลกกล้าได้กล้าเสียแบบยุคปัจจุบันเท่าที่ควร จะทำให้บอลใช้เวลานานกว่าจะไปถึงกรอบเขตโทษของคู่แข่ง การบุกของทีมชาติไทยะเน้นการขึ้นเกมริมเส้น2ฝั่งและเปิดกลับเข้ามาให้ ธีรศิลป์ จบสกอร์ แต่ไม่มีการเจาะจากตรงกลาง ไม่มีการยิงไกลจากหัวกะโหลก ทำให้ความหลากหลายในการบุกค่อนข้างน้อย กองกลาง อย่าง ดัสกร พิชิตพงษ์ จะเป็นสไตล์ ถ่ายบอลตรงกลางไปมา ไม่ใช่สไตล์แบบเพลเมกเกอร์จริงๆ ไม่มีการยิงไกล ไม่มีการเลี้ยงจี้ไรเลย ซึ่งแตกต่างกับ ชนาธิป กับชัปปุยส์ อย่างสิ้นเชิง ในยุคนั้นจะหวังจ่ายบอลให้ธีรศิลป์ให้พังประตูอย่างเดียว เพราะว่า กลางรุก ยุคนั้น ทั้งดัสกร พิชิตพงษ์ เหมือนจะคอยปั้น หรือคอยพาสบอล ให้แนวรุกอย่างเดียว ซึ่งผมเห็นว่า ทั้งดัสกร พิชิตพงษ์ ควรยิงไกล หรือยิงประตูเองได้ด้วย เหมือนชนาธิป ชัปปุยส์
ทีมชาติไทยยุคนี้ถ้าเทียบกับทีมยุโรป ก็เหมือนบาร์ซ่า ที่ครองบอลได้เยอะจริง แต่ได้แต่ป่วนเปี้ยนไปมา ไม่มีพิษสงอะไร เพราะต่อบอลใช้จังหวะเยอะ อาวุธในการยิงก็มีแค่ธีรศิลป์ กองกลางยุคนั้นเหมือนจะไม่พยายามยิงประตูเลย เหมือนตัวเองมีหน้าที่ส่งอย่างเดียว
ทีมชาติไทย 2014
กวินทร์
นฤบดินทร์ ธนบูรณ์ สุทธินันท์ พีรพัฒน์
สารัส
ชัปปุยส์ ชนาธิป
มงคล อดิศักดิ์ เกริกฤทธ์
ส่วนทีมชาติไทยยุคปัจจุบันจะเล่นเป็นทีมมากกว่าหน่อย จังหวะบุกจะเติมกันหมด ทั้ง มงคล เกริกฤทธ์ ชนาธิป ชาริล ทำให้เกมรุกเด่นกว่ายุคนั้น มีมิติในการเจาะหลากหลายไม่ว่าจะเป็นตรงกลาง ทั้งริมเส้น กองกลางกับกองหน้าทุกคนสามารถยิงประตูได้หมด ทำให้อาวุธในการจบสกอร์มีมากขึ้น เกมรุกจะไม่เน้นการครองบอลไปมาจะเปิดแลกเร็วเลย ไม่ใช้จังหวะต่อบอลเยอะ บอลจากหลังไปหน้าจะไว แต่ต้องปรับความแม่นยำอีกเล็กน้อย