ผมเชื่อว่าหลายคนเจอปัญหานี้นะ เป็นปัญหาใหญ่พอสมควร
จริงๆ มีวิธีแก้ครับ ... สำหรับท่านที่ใช้ Android ทุกท่าน ตั้งแต่ มือถือ ไปยัน แท็บเล็ตครับ
*ภาพที่ใช้สาธิตจะเป็นของ Sony Xperia
สำหรับ iPhone
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับคนใช้ iPhone ผมต้องบอกว่า เสียใจด้วยครับ คุณคงไม่ได้ไปต่อสำหรับกระทู้นี้
เพราะการ setting บน network mode ของ iPhone นั้นจะเป็นการเลือก 4G > 3G / 3G > 2G ครับ
เค้ามาของเค้าแบบนั้น ผมก็เอวังด้วยประการทั้งปวง
วิธีทำ
สำหรับมือถือ Android ที่ใช้งาน 3G ได้ ไม่ว่าจะคลื่นความถี่ใดๆ (3G บน 850 / 900 / 2100) เข้าไปปรับได้ที่
Settings > More ... > Mobile Networks > NETWORK MODE
ในช่องสุดท้ายจะมีให้เลือก ซึ่งจะมีผลตามนี้ครับ
WCDMA only > จับเฉพาะ 3G อย่างเดียว (3G/H/H+) คลื่นความถี่ไหนก็ได้ที่เครื่องรับได้
GSM only > จับเฉพาะ 2G อย่างเดียว (E) คลื่นความถี่ไหนก็ได้ที่เครื่องรับได้
WCDMA (preferred) / GSM > ให้จับ 3G เป็นหลัก ถ้าจับไม่ได้ ให้จับ 2G แทน และกลับมาจับ 3G เมื่อมีให้จับ
LTE (preferred) / WCDMA / GSM > ให้จับ 4G (LTE/LTE-A) เป็นหลัก ถ้าไม่มี 4G ให้จับ จะเลือกจับ 3G และ 2G ตามลำดับ
วิธีนี้แนะนำสำหรับคนที่จะใช้ 3G ล้วนๆ นะครับ ให้เลือก ......
WCDMA only ......
เท่านี้ก็จะใช้ 3G ได้อย่างไม่สะดุด ไม่มีขึ้น E มากวนใจเลย
ข้อดี
+ จับ 3G อย่างเดียว คลื่นความถี่ไหนก็ได้ ไม่ยุ่งกับ 2G เลย
+ ใช้งาน 3G ได้นิ่ง ในพื้นที่ที่มี 3G ครอบคลุมทั่วถึง (ขึ้นกับมือถือด้วยว่าจับความถี่ไหนได้บ้าง)
+ มือถือที่รับ 3G ได้หลายความถี่ จะสลับความถี่เองบน 3G เท่านั้น (ใช้งานอาจจะมีเห็นว่าคลื่นหายเป็นพักๆ ตอนสลับคลื่นบ้างแต่ไม่เป็นปัญหา)
ข้อเสีย
- ถ้าหลุดพื้นที่ 3G แล้วมีแต่ 2G จะใช้งานไม่ได้เลย ต้องมาตั้งค่าตรงนี้ใหม่ให้เป็น GSM เพื่อใช้ 2G
- ถ้าอยู่ขอบพื้นที่ 3G แล้วโทรคุยโทรศัพท์อยู่ อาจจะหลุดได้ง่าย
แต่ ... ก็มีคำเตือนนิดนึง ว่า ...
1) ถ้าอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ การเลือก
WCDMA only ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะถ้ามือถือรองรับ 3G หลายย่านความถี่
(เช่น รองรับ 3G บน 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100 ) มือถือจะสลับจับ 3G บนคลื่นความถี่ต่างๆ เอง ใช้งานได้ไม่สะดุดครับ
2) ถ้าเดินทางต่างจังหวัด อยู่บนรถ ไปจังหวัดเล็กๆ แนะนำให้เลือกเป็น
WCDMA (preferred) / GSM ดีกว่า เผื่อตรงนั้นไม่มี 3G
เพราะถ้าหลุดก็ยังมาจับ 2G แต่ถ้าเลือกแบบข้อ 1 คือจบ ใช้งานมือถือไม่ได้เลย
3) ทั้งหมดขึ้นกับมือถือด้วยว่าใช้ 3G ย่านความถี่อะไรได้บ้าง
เครื่องหลักหมื่นส่วนใหญ่จะจับได้หมดทุกความถี่ ตั้งแต่ 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100 เป็นส่วนมาก ฉะนั้นหายห่วง
4) ถ้ามือถือรุ่นเล็กๆ ราคาไม่แพง ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ 850 / 2100 ก็จะเป็น 900 / 2100 ถ้าในกรณีนี้ ชัดเจนครับ
dtac / truemove-h จะได้เปรียบกว่าเพราะมี 3G ให้ใช้ทั้ง 850 / 2100 ยังไงก็สลับไปมาได้เอง
ais ส่วนใหญ่เป็น 2100 เกือบทุกพื้นที่ ยกเว้นบางพื้นที่ที่มี 3G บน 900 ด้วย แต่ก็หาได้ไม่เยอะครับ
=====================================================================
จากประสบการณ์ การเลือก WCDMA ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะใช้งาน 3G ได้ลื่นกว่า การเลือกจับแบบ WCDMA (preferred) / GSM อยู่มากทีเดียวครับ ตามหัวเมืองใหญ่ก็เช่นกัน เช่น โคราช, ขอนแก่น, หาดใหญ่, เชียงใหม่, พัทยา เป็นต้น (อาจจะมีบ้างที่คลื่นลดเหลือ 1-2 ขีดบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ไปจับ E อยู่ดี) ที่สำคัญคือไม่ได้กินแบตอย่างที่คิดด้วย ถึงแม้จะสลับความถี่กันอุตลุตก็ตามครับ
ถ้าผมอยู่ในกรุงเทพฯ ผมก็จับเฉพาะ WCDMA อย่างเดียวมานานละครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
แก้ปัญหามือถือ Android ใช้ 3G ดีๆ โดดไปจับ EDGE ให้อยู่หมัด
จริงๆ มีวิธีแก้ครับ ... สำหรับท่านที่ใช้ Android ทุกท่าน ตั้งแต่ มือถือ ไปยัน แท็บเล็ตครับ
*ภาพที่ใช้สาธิตจะเป็นของ Sony Xperia
สำหรับ iPhone
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วิธีทำ
สำหรับมือถือ Android ที่ใช้งาน 3G ได้ ไม่ว่าจะคลื่นความถี่ใดๆ (3G บน 850 / 900 / 2100) เข้าไปปรับได้ที่
Settings > More ... > Mobile Networks > NETWORK MODE
ในช่องสุดท้ายจะมีให้เลือก ซึ่งจะมีผลตามนี้ครับ
WCDMA only > จับเฉพาะ 3G อย่างเดียว (3G/H/H+) คลื่นความถี่ไหนก็ได้ที่เครื่องรับได้
GSM only > จับเฉพาะ 2G อย่างเดียว (E) คลื่นความถี่ไหนก็ได้ที่เครื่องรับได้
WCDMA (preferred) / GSM > ให้จับ 3G เป็นหลัก ถ้าจับไม่ได้ ให้จับ 2G แทน และกลับมาจับ 3G เมื่อมีให้จับ
LTE (preferred) / WCDMA / GSM > ให้จับ 4G (LTE/LTE-A) เป็นหลัก ถ้าไม่มี 4G ให้จับ จะเลือกจับ 3G และ 2G ตามลำดับ
วิธีนี้แนะนำสำหรับคนที่จะใช้ 3G ล้วนๆ นะครับ ให้เลือก ...... WCDMA only ......
เท่านี้ก็จะใช้ 3G ได้อย่างไม่สะดุด ไม่มีขึ้น E มากวนใจเลย
ข้อดี
+ จับ 3G อย่างเดียว คลื่นความถี่ไหนก็ได้ ไม่ยุ่งกับ 2G เลย
+ ใช้งาน 3G ได้นิ่ง ในพื้นที่ที่มี 3G ครอบคลุมทั่วถึง (ขึ้นกับมือถือด้วยว่าจับความถี่ไหนได้บ้าง)
+ มือถือที่รับ 3G ได้หลายความถี่ จะสลับความถี่เองบน 3G เท่านั้น (ใช้งานอาจจะมีเห็นว่าคลื่นหายเป็นพักๆ ตอนสลับคลื่นบ้างแต่ไม่เป็นปัญหา)
ข้อเสีย
- ถ้าหลุดพื้นที่ 3G แล้วมีแต่ 2G จะใช้งานไม่ได้เลย ต้องมาตั้งค่าตรงนี้ใหม่ให้เป็น GSM เพื่อใช้ 2G
- ถ้าอยู่ขอบพื้นที่ 3G แล้วโทรคุยโทรศัพท์อยู่ อาจจะหลุดได้ง่าย
แต่ ... ก็มีคำเตือนนิดนึง ว่า ...
1) ถ้าอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ การเลือก WCDMA only ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะถ้ามือถือรองรับ 3G หลายย่านความถี่
(เช่น รองรับ 3G บน 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100 ) มือถือจะสลับจับ 3G บนคลื่นความถี่ต่างๆ เอง ใช้งานได้ไม่สะดุดครับ
2) ถ้าเดินทางต่างจังหวัด อยู่บนรถ ไปจังหวัดเล็กๆ แนะนำให้เลือกเป็น WCDMA (preferred) / GSM ดีกว่า เผื่อตรงนั้นไม่มี 3G
เพราะถ้าหลุดก็ยังมาจับ 2G แต่ถ้าเลือกแบบข้อ 1 คือจบ ใช้งานมือถือไม่ได้เลย
3) ทั้งหมดขึ้นกับมือถือด้วยว่าใช้ 3G ย่านความถี่อะไรได้บ้าง
เครื่องหลักหมื่นส่วนใหญ่จะจับได้หมดทุกความถี่ ตั้งแต่ 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100 เป็นส่วนมาก ฉะนั้นหายห่วง
4) ถ้ามือถือรุ่นเล็กๆ ราคาไม่แพง ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ 850 / 2100 ก็จะเป็น 900 / 2100 ถ้าในกรณีนี้ ชัดเจนครับ
dtac / truemove-h จะได้เปรียบกว่าเพราะมี 3G ให้ใช้ทั้ง 850 / 2100 ยังไงก็สลับไปมาได้เอง
ais ส่วนใหญ่เป็น 2100 เกือบทุกพื้นที่ ยกเว้นบางพื้นที่ที่มี 3G บน 900 ด้วย แต่ก็หาได้ไม่เยอะครับ
=====================================================================
จากประสบการณ์ การเลือก WCDMA ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะใช้งาน 3G ได้ลื่นกว่า การเลือกจับแบบ WCDMA (preferred) / GSM อยู่มากทีเดียวครับ ตามหัวเมืองใหญ่ก็เช่นกัน เช่น โคราช, ขอนแก่น, หาดใหญ่, เชียงใหม่, พัทยา เป็นต้น (อาจจะมีบ้างที่คลื่นลดเหลือ 1-2 ขีดบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ไปจับ E อยู่ดี) ที่สำคัญคือไม่ได้กินแบตอย่างที่คิดด้วย ถึงแม้จะสลับความถี่กันอุตลุตก็ตามครับ
ถ้าผมอยู่ในกรุงเทพฯ ผมก็จับเฉพาะ WCDMA อย่างเดียวมานานละครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด