((>T๐T<))
เพิ่งมีโอกาสได้ดู Stand by me Doraemon มาครับ ส่วนตัวประทับใจหนังเรื่องนี้จนอยากบอกต่อ โดยเฉพาะคนที่
เคยอ่าน เคยดูการ์ตูน และเคยชอบโดราเอมอนมาก่อน อยากแนะนำให้ไปดูหนังเรื่องนี้กัน
ซึ้งกันตั้งแต่โปสเตอร์เลยทีเดียว
ใน Stand by me นั้น หนังนำเรื่องแทบทั้งหมด มาจากหนังสือการ์ตูน โดยเอาตอนสั้นๆ 7 ตอน มาผูกเข้าด้วยกัน
ถ้าหากใครเคยอ่าน โดราเอมอนฉบับดั้งเดิม โดยเฉพาะเล่มแรกๆ คงจะเดาทางถูกกันหมดเพราะหนังเรื่องนี้
ค่อนข้างให้ความเคารพบทประพันธ์ดั้งเดิมมาก มีแค่เล็กน้อยที่ถูกดัดแปลงเนื้อเรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้
ความประทับใจน้อยลงเลยครับเพราะตอนสั้นๆ แต่ละตอนส่งบทไปหากันอย่างไม่มีสะดุด
โดยปกติถ้าพูดถึงโดราเอม่อน คนก็มักจะนึกถึงเครื่องมือวิเศษเป็นอันดับแรก แต่หนังกลับให้ความสำคัญ
ไปที่ภาคดราม่าพอสมควร ซึ่งต่างจากโดราเอม่อนดั้งเดิมและภาคผจญภัยทั้งหลายที่เราได้ชมกันมาแล้ว
ประเด็นของเรื่องเน้นไปที่ "ความรัก" "ความสุข" และ "มิตรภาพ"
ครึ่งแรกเด็กเฮฮา ครึ่งหลังดราม่า เด็กหลับ... (ดีแล้วลูก)
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือดนตรีประกอบ แม้ว่าใช้ไม่เยอะมากแต่ขึ้นมาแต่ละจังหวะนี่มันกระแทกใจสุดๆ
เมื่อถึงฉากที่จะเข้าสู่โหมดดราม่า ดนตรีก็เข้ามารองรับได้อย่างเหมาะเจาะ ทวีความซึ้งขึ้นหลายเท่า
2D ก็ซึ้ง มา 3D ก็ยังซึ้ง
ด้านภาพจัดว่าเป็นการทดลองที่แปลกใหม่สำหรับซีรี่ส์โดราเอม่อนทีเดียวครับ ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจไม่คุ้นกับ
การ Overacting แบบ 3D ตัวละครแต่ละตัวแสดงสีหน้ากันแบบจัดเต็มกว่าแบบ 2D มาก (จนบางทีก็รู้สึกว่าเกินไป)
แบบที่ฮอลลีวู๊ดสู้ไม่ได้ เข้าใจว่าทำมาเพื่อให้เข้าถึงเด็กๆรุ่นใหม่ได้ง่าย แต่มันก็ทำให้เสน่ห์เดิมๆ เสียไปมากเหมือนกัน
เสียงพากย์ก็ถือว่าคงความเป็นออริจินอลแบบไทยๆ มีทั้งน้าต๋อย เซมเบ้และทีมงานเก่าๆ ใครที่ดูช่องเก้าการ์ตูน
มาตั้งแต่เด็กคงจะไม่ผิดหวังกัน แต่ที่ไม่ชอบใจคือ ทีมพากย์เปลี่ยนชื่อตัวละครสำคัญสองตัวคือ เซวาชิ กับ เดคิสุงิ
คิดว่าคงเอาของเวอร์ชั่นฝรั่งมาใช้ (มั้ง) ทำให้ เซวาชิ กลายเป็น โซบิ? (Soby) และ เดคิสุงิ การเป็น เอซุกิ? (Ace)
แต่ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับในเครดิตก็ยังคงใช้ชื่อเดิมนะเออ
บทน้อย เป็นคนดีสาวไม่สน แถมยังถูกเปลี่ยนชื่ออีก น่าสงสารสุดหล่อคนนี้จริงจริ๊ง
ความสำเร็จในญี่ปุ่น สถิติที่น่าสนใจ
ความสำเร็จของ Stand by me Doraemon ในญี่ปุ่น เรียกได้ว่าถล่มทลายทีเดียว เป็นอนิเมชั่น 3D เรื่องแรกของญี่ปุ่น
ที่ประสบความสำเร็จมหาศาล รายได้ในปีนี้เป็นรอง แค่ Frozen เรื่องเดียว (ญี่ปุ่นถือเป็นที่หนึ่งในโลกด้าน 2D
แต่ใน 3D นั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก)
และที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนดูของโดราเอม่อนนั้นประกอบด้วยคนทุกเพศทุกวัย มีแค่ 20%
เท่านั้นที่เป็นเด็กต่ำกว่าอายุ 20 ปี ที่เหลือก็คละกันไปตั้งแต่วัยทำงานจนถึงวัยเลิกทำงาน
และเป็นผู้หญิงและผู้ชายในอัตราส่วนที่พอๆ กัน (53% กับ 47%)
ที่น่าตกใจคือ ผลสำรวจบอกว่าคนญี่ปุ่น 88% เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ เชื่อแล้วว่าคนญี่ปุ่นผูกพันกับเจ้าทานุกิสีฟ้า
ตัวนี้มากมายจริงๆ
เพื่อนกัน...ตลอดไป
แนะนำสำหรับคนที่จะไปดู
สำหรับผู้ใหญ่ที่ไปดู แนะนำให้เลือกรอบดีๆครับ เพราะอาจมีพ่อแม่พาเด็กมาดู และเด็กมักจะส่งเสียงดัง
ทำให้อรรถรสการชมภาพยนตร์ของท่านเสียไปได้ จขกท.ก็ดูรอบเด็กเยอะ แต่โชคยังดีที่เป็นหนังพากย์
ไทย จึงช่วยให้เราไม่ต้องโฟกัสกับซับไตเติลมาก ทำให้ไม่เสียสมาธิมากมายจนทำให้เสียอารมณ์
แต่หากเปรียบเทียบกับอนิเมชั่นเรื่องอื่นของฮอลลีวู๊ดก็จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกัน Stand by Me ไม่ได้โดดเด่น
ทั้งบท งานภาพและเทคนิค แต่เพราะเป็นตัวละครที่เราผูกพันและหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้ ทำให้โดราเอม่อน
เป็นได้มากกว่า 3D อนิเมชั่นฟอร์มใหญ่ธรรมดาสำหรับหลายคน มันทำให้เรานึกย้อนกลับไปในวันเวลาเก่าๆ แทนที่
การดูหนังแบบแสวงหาความแปลกใหม่อย่างไม่รู้จบอย่างที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้
ดังนั้นที่สำคัญก่อนไปดูคือ ปล่อยใจให้สบาย วางความเป็นผู้ใหญ่ทิ้งไว้สักพัก ทำตัวเหมือนเราเป็นเด็กคนหนึ่ง (แต่อย่าส่งเสียงดัง)
ปล่อยให้หนังพาใจเราไป ผมเชื่อว่าการไม่คาดหวังน่าจะทำให้ได้อะไรกลับมามากกว่าการตั้งความหวังไว้ก่อนเสมอครับ
ดังนั้นถ้าหากว่ามีคนบอกให้เอาทิชชู่เข้าไป ก็อย่าเอาเข้าไปเลยจะดีกว่า
มาดูกันเยอะๆ นะคะ
สุดท้ายก็ขอฝากเพลงเพราะๆ เพลงนี้ไว้ให้ทุกคนครับ
คำมั่นของทานตะวัน (ひまわりの約束)
Stand by me Doraemon ost.
ความหมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เธอร้องไห้ทำไมกันล่ะ ก็ฉันยังไม่ได้ร้องเลยนะ
ทำไมเธอดูเศร้ายิ่งกว่าฉันเสียอีกเนี่ย จนฉันเริ่มจะสับสนแล้วสิว่าใครเป็นคนที่เสียใจมากกว่ากัน
เธอรู้ไหม วันที่ไร้ค่าเพียงหนึ่งวัน แต่ถ้าเราอยู่ด้วยกัน มันจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่มีความหมาย
ฉันขอแค่เพียงได้อยู่เคียงข้างเธอ (*)
มันจะมีบ้างไหม อะไรซักอย่าง ที่ตัวฉันนั้นจะพอทำได้
ฉันเพียงแค่อยากให้เธอยิ้มได้ ในทุกเมื่อเชื่อวัน
ความอบอุ่นและความอ่อนโยนของที่ซื่อตรงของเธอ ซึ่งเปรียบดั่งทุกสิ่งทุกอย่างของดอกทานตะวัน
ฉันอยากส่งความรู้สึกนี้ให้กับเธอ เพราะฉันรู้... ฉันรู้ว่าความสุขมันอยู่กับเราแล้ว ที่ตรงนี้..
อนาคตยังคงส่องแสงอยู่ตรงหน้าเรา
หากว่ามีวันนึงที่เราสองต้องลาจาก
ต้องเดินไปบนเส้นทางที่แยกห่าง แต่ฉันก็ยังเชื่อ เชื่อว่าวันนึง.. เราจะต้องได้พบกันอีก
รอยเท้าของสองเราที่ไกลห่าง จะทับกันเป็นเพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้
ความเป็นจริงที่มีเธออยู่ข้างๆ และช่วงเวลาที่หมุนรอบตัวเราขณะนี้ ฉันจะไม่มีวันลืม
เมื่อถึงวันที่เราต้องลาจาก เมื่อถึงคราวที่เราต้องโบกมือให้กัน ฉันขอให้ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มอยู่เช่นนี้
ความอบอุ่นและความอ่อนโยนของที่ซื่อตรงของเธอ เปรียบได้ดั่งทุกสิ่งทุกอย่างของดอกทานตะวัน
ฉันอยากจะมอบมันคืนแก่เธอทั้งหมด แต่ฉันรู้ เธอก็จะบอกฉันว่า "ฉันได้มามากพอแล้วนะ"
ฉันขอแค่เพียงได้อยู่เคียงข้างเธอ (*)
มันจะมีบ้างไหม อะไรซักอย่าง ที่ตัวฉันจะพอทำได้
ฉันเพียงแค่อยากให้เธอยิ้มได้ ในทุกเมื่อเชื่อวัน
ความอบอุ่นและความอ่อนโยนของที่ซื่อตรงของเธอ เปรียบได้ดั่งทุกสิ่งทุกอย่างของดอกทานตะวัน
จากนี้ไป ฉันอยากจะส่งมันให้กับเธอด้วย เพราะฉันค้นพบแล้ว ว่าความสุขที่แท้จริง มันเป็นเช่นไร..
Credit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://flickrhivemind.net/Tags/doraemon,%EB%8F%84%EB%9D%BC%EC%97%90%EB%AA%BD/Interesting
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000095188
http://www.boxofficemojo.com/intl/japan/yearly/
http://lyricstranslate.com/en/himawari-no-yakusoku-%E3%81%B2%E3%81%BE%E3%82%8F%E3%82%8A%E3%81%AE%E7%B4%84%E6%9D%9F-sunflowers-promise.html
[ดูแล้วอยากบอกต่อ] โดราเอม่อน เพื่อนกัน...ตลอดไป ((>T๐T<))
เพิ่งมีโอกาสได้ดู Stand by me Doraemon มาครับ ส่วนตัวประทับใจหนังเรื่องนี้จนอยากบอกต่อ โดยเฉพาะคนที่
เคยอ่าน เคยดูการ์ตูน และเคยชอบโดราเอมอนมาก่อน อยากแนะนำให้ไปดูหนังเรื่องนี้กัน
ซึ้งกันตั้งแต่โปสเตอร์เลยทีเดียว
ใน Stand by me นั้น หนังนำเรื่องแทบทั้งหมด มาจากหนังสือการ์ตูน โดยเอาตอนสั้นๆ 7 ตอน มาผูกเข้าด้วยกัน
ถ้าหากใครเคยอ่าน โดราเอมอนฉบับดั้งเดิม โดยเฉพาะเล่มแรกๆ คงจะเดาทางถูกกันหมดเพราะหนังเรื่องนี้
ค่อนข้างให้ความเคารพบทประพันธ์ดั้งเดิมมาก มีแค่เล็กน้อยที่ถูกดัดแปลงเนื้อเรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้
ความประทับใจน้อยลงเลยครับเพราะตอนสั้นๆ แต่ละตอนส่งบทไปหากันอย่างไม่มีสะดุด
โดยปกติถ้าพูดถึงโดราเอม่อน คนก็มักจะนึกถึงเครื่องมือวิเศษเป็นอันดับแรก แต่หนังกลับให้ความสำคัญ
ไปที่ภาคดราม่าพอสมควร ซึ่งต่างจากโดราเอม่อนดั้งเดิมและภาคผจญภัยทั้งหลายที่เราได้ชมกันมาแล้ว
ประเด็นของเรื่องเน้นไปที่ "ความรัก" "ความสุข" และ "มิตรภาพ"
ครึ่งแรกเด็กเฮฮา ครึ่งหลังดราม่า เด็กหลับ... (ดีแล้วลูก)
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือดนตรีประกอบ แม้ว่าใช้ไม่เยอะมากแต่ขึ้นมาแต่ละจังหวะนี่มันกระแทกใจสุดๆ
เมื่อถึงฉากที่จะเข้าสู่โหมดดราม่า ดนตรีก็เข้ามารองรับได้อย่างเหมาะเจาะ ทวีความซึ้งขึ้นหลายเท่า
2D ก็ซึ้ง มา 3D ก็ยังซึ้ง
ด้านภาพจัดว่าเป็นการทดลองที่แปลกใหม่สำหรับซีรี่ส์โดราเอม่อนทีเดียวครับ ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจไม่คุ้นกับ
การ Overacting แบบ 3D ตัวละครแต่ละตัวแสดงสีหน้ากันแบบจัดเต็มกว่าแบบ 2D มาก (จนบางทีก็รู้สึกว่าเกินไป)
แบบที่ฮอลลีวู๊ดสู้ไม่ได้ เข้าใจว่าทำมาเพื่อให้เข้าถึงเด็กๆรุ่นใหม่ได้ง่าย แต่มันก็ทำให้เสน่ห์เดิมๆ เสียไปมากเหมือนกัน
เสียงพากย์ก็ถือว่าคงความเป็นออริจินอลแบบไทยๆ มีทั้งน้าต๋อย เซมเบ้และทีมงานเก่าๆ ใครที่ดูช่องเก้าการ์ตูน
มาตั้งแต่เด็กคงจะไม่ผิดหวังกัน แต่ที่ไม่ชอบใจคือ ทีมพากย์เปลี่ยนชื่อตัวละครสำคัญสองตัวคือ เซวาชิ กับ เดคิสุงิ
คิดว่าคงเอาของเวอร์ชั่นฝรั่งมาใช้ (มั้ง) ทำให้ เซวาชิ กลายเป็น โซบิ? (Soby) และ เดคิสุงิ การเป็น เอซุกิ? (Ace)
แต่ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับในเครดิตก็ยังคงใช้ชื่อเดิมนะเออ
บทน้อย เป็นคนดีสาวไม่สน แถมยังถูกเปลี่ยนชื่ออีก น่าสงสารสุดหล่อคนนี้จริงจริ๊ง
ความสำเร็จในญี่ปุ่น สถิติที่น่าสนใจ
ความสำเร็จของ Stand by me Doraemon ในญี่ปุ่น เรียกได้ว่าถล่มทลายทีเดียว เป็นอนิเมชั่น 3D เรื่องแรกของญี่ปุ่น
ที่ประสบความสำเร็จมหาศาล รายได้ในปีนี้เป็นรอง แค่ Frozen เรื่องเดียว (ญี่ปุ่นถือเป็นที่หนึ่งในโลกด้าน 2D
แต่ใน 3D นั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก)
และที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนดูของโดราเอม่อนนั้นประกอบด้วยคนทุกเพศทุกวัย มีแค่ 20%
เท่านั้นที่เป็นเด็กต่ำกว่าอายุ 20 ปี ที่เหลือก็คละกันไปตั้งแต่วัยทำงานจนถึงวัยเลิกทำงาน
และเป็นผู้หญิงและผู้ชายในอัตราส่วนที่พอๆ กัน (53% กับ 47%)
ที่น่าตกใจคือ ผลสำรวจบอกว่าคนญี่ปุ่น 88% เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ เชื่อแล้วว่าคนญี่ปุ่นผูกพันกับเจ้าทานุกิสีฟ้า
ตัวนี้มากมายจริงๆ
เพื่อนกัน...ตลอดไป
แนะนำสำหรับคนที่จะไปดู
สำหรับผู้ใหญ่ที่ไปดู แนะนำให้เลือกรอบดีๆครับ เพราะอาจมีพ่อแม่พาเด็กมาดู และเด็กมักจะส่งเสียงดัง
ทำให้อรรถรสการชมภาพยนตร์ของท่านเสียไปได้ จขกท.ก็ดูรอบเด็กเยอะ แต่โชคยังดีที่เป็นหนังพากย์
ไทย จึงช่วยให้เราไม่ต้องโฟกัสกับซับไตเติลมาก ทำให้ไม่เสียสมาธิมากมายจนทำให้เสียอารมณ์
แต่หากเปรียบเทียบกับอนิเมชั่นเรื่องอื่นของฮอลลีวู๊ดก็จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกัน Stand by Me ไม่ได้โดดเด่น
ทั้งบท งานภาพและเทคนิค แต่เพราะเป็นตัวละครที่เราผูกพันและหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้ ทำให้โดราเอม่อน
เป็นได้มากกว่า 3D อนิเมชั่นฟอร์มใหญ่ธรรมดาสำหรับหลายคน มันทำให้เรานึกย้อนกลับไปในวันเวลาเก่าๆ แทนที่
การดูหนังแบบแสวงหาความแปลกใหม่อย่างไม่รู้จบอย่างที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้
ดังนั้นที่สำคัญก่อนไปดูคือ ปล่อยใจให้สบาย วางความเป็นผู้ใหญ่ทิ้งไว้สักพัก ทำตัวเหมือนเราเป็นเด็กคนหนึ่ง (แต่อย่าส่งเสียงดัง)
ปล่อยให้หนังพาใจเราไป ผมเชื่อว่าการไม่คาดหวังน่าจะทำให้ได้อะไรกลับมามากกว่าการตั้งความหวังไว้ก่อนเสมอครับ
ดังนั้นถ้าหากว่ามีคนบอกให้เอาทิชชู่เข้าไป ก็อย่าเอาเข้าไปเลยจะดีกว่า
มาดูกันเยอะๆ นะคะ
สุดท้ายก็ขอฝากเพลงเพราะๆ เพลงนี้ไว้ให้ทุกคนครับ
คำมั่นของทานตะวัน (ひまわりの約束)
Stand by me Doraemon ost.
ความหมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Credit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้