คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เข้าไปเถอะครับ ไม่พังหรอก ถ้าพังเค้าไม่ทำให้มันโยกง่าย ๆ แต่ว่าเวลาโยกกลับมา D ถ้าคุณเหยียบคนเร่งแร
ๆ ไปด้วย
มันจะทำให้เกิดแรงกระชาก ทอกช์มหาศาล ตรงนั้นแหละครับ ไอส่วนส่วนต่าง ๆ มันจะถูกกระชาก ไปถึงช่วงล่างเลย
แต่ ๆ
เกียร์ auto รถทั่วไป มันไม่มีส่วนใดสัมผัสกันน่ะครับ ไม่มีหรอกครับที่เข้าแล้วเฟืองเกียร์หักอะไรนั้น คิดกันไปเองครับ มันแช่อยู่ในน้ำมัน
แต่ที่จะพังน่าจะตัวส่งกำลัง มากกว่า
เพิ่มเติม แต่สิ่งที่บอกว่าไม่ควรทำก็คือ บางคนเข้า N ปล่อยไหล เพราะเห็นว่าไหลดีกว่า ตอนไฟแดงไกล ๆ แบบนี้ไม่ควรทำ
เพราะเวลาที่เข้า N ส่วนมากแล้ว ปั้มน้ำมันเกียร์จะไม่ทำงาน ทำให้ไม่ส่งน้ำมันไปหล่อลื่น ทำให้เกียร์ร้อนและเสียหายได้
ตามนี้น่ะครับ ไม่พูดถึง คลัชคู่
ๆ ไปด้วย
มันจะทำให้เกิดแรงกระชาก ทอกช์มหาศาล ตรงนั้นแหละครับ ไอส่วนส่วนต่าง ๆ มันจะถูกกระชาก ไปถึงช่วงล่างเลย
แต่ ๆ
เกียร์ auto รถทั่วไป มันไม่มีส่วนใดสัมผัสกันน่ะครับ ไม่มีหรอกครับที่เข้าแล้วเฟืองเกียร์หักอะไรนั้น คิดกันไปเองครับ มันแช่อยู่ในน้ำมัน
แต่ที่จะพังน่าจะตัวส่งกำลัง มากกว่า
เพิ่มเติม แต่สิ่งที่บอกว่าไม่ควรทำก็คือ บางคนเข้า N ปล่อยไหล เพราะเห็นว่าไหลดีกว่า ตอนไฟแดงไกล ๆ แบบนี้ไม่ควรทำ
เพราะเวลาที่เข้า N ส่วนมากแล้ว ปั้มน้ำมันเกียร์จะไม่ทำงาน ทำให้ไม่ส่งน้ำมันไปหล่อลื่น ทำให้เกียร์ร้อนและเสียหายได้
ตามนี้น่ะครับ ไม่พูดถึง คลัชคู่
ความคิดเห็นที่ 5
พูดเฉพาะเกียออโต้ แบบทอร์คคอนเวอเตอร์ นะ
เกียร์แบบนี้ ไม่ว่าจะเข้า D รึ N ถ้าล้อขับเคลื่อนหมุน เกียร์ก็หมุน(แต่ทอร์คฯไม่ต่อกำลัง)
ขณะเข้าเกียร์ D ปั๊มจะส่งน้ำมันเกียร์เพื่อหล่อลื่นให้ทั่วห้องเกียร์ พอเข้าN ปั๊มหยุดส่งน้ำมัน แต่เกียร์หมุนอยู่+น้ำมันเกียร์ที่อยู่ในอ่างไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น
ผลคือน้ำมันเกียร์ร้อน การหล่อลื่นเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำบ่อยๆน้ำมันเกียร์ร้อนจนเสื่อม ทำให้การหล่อลื่นแย่ลง เกียร์พังเร็วขึ้น
แน่นอน ไม่พังภายในปีสองปี แต่ระยะยาว พังก่อนคันอื่นแน่ๆ
ผิดกับเกียร์ธรรมดา ที่เฟืองเกียร์จะเป็นตัวกวักน้ำมันขึ้นมาหล่อลื่นห้องเกียร์ เกียร์ธรรมดาจึงถูลู่ถูกัง ลากได้ ใช้งานหนักได้ดีกว่า พังยากกว่า ขอแค่น้ำมันเกียร์ไม่แห้งหมด เป็นใช้ได้ครับ
ปล.แก้คำผิด
เกียร์แบบนี้ ไม่ว่าจะเข้า D รึ N ถ้าล้อขับเคลื่อนหมุน เกียร์ก็หมุน(แต่ทอร์คฯไม่ต่อกำลัง)
ขณะเข้าเกียร์ D ปั๊มจะส่งน้ำมันเกียร์เพื่อหล่อลื่นให้ทั่วห้องเกียร์ พอเข้าN ปั๊มหยุดส่งน้ำมัน แต่เกียร์หมุนอยู่+น้ำมันเกียร์ที่อยู่ในอ่างไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น
ผลคือน้ำมันเกียร์ร้อน การหล่อลื่นเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำบ่อยๆน้ำมันเกียร์ร้อนจนเสื่อม ทำให้การหล่อลื่นแย่ลง เกียร์พังเร็วขึ้น
แน่นอน ไม่พังภายในปีสองปี แต่ระยะยาว พังก่อนคันอื่นแน่ๆ
ผิดกับเกียร์ธรรมดา ที่เฟืองเกียร์จะเป็นตัวกวักน้ำมันขึ้นมาหล่อลื่นห้องเกียร์ เกียร์ธรรมดาจึงถูลู่ถูกัง ลากได้ ใช้งานหนักได้ดีกว่า พังยากกว่า ขอแค่น้ำมันเกียร์ไม่แห้งหมด เป็นใช้ได้ครับ
ปล.แก้คำผิด
แสดงความคิดเห็น
เกียร์ AT ขณะที่รถวิ่ง เราผลักมาที่ N ได้หรือไม่ครับ //////////////
ถ้าเปนเกียร์ AT จะทำได้หรือไม่ จาก D ไป N ขณะที่รถวิ่งอยู่
จะทำให้เกียร์เสียหายหรือไม่ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาตอบ