แม้แต่Alastaire Crooke อดีตสายลับMI-6ของอังกฤษ นักการทูต นักคิด นักเขียนออกมายอมรับว่า เปโตรดอลล่าร์ ซึ่งเป็นเสาหลักของมหาอำนาจทางการเงิน เศรษฐกิจและการทหารของสหรัฐฯตลอดระยะเวลา41ปีที่ผ่านมา
กำลังจะเข้าสู่จุดจบเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ตรึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย และการค้าที่ไม่ใช้ดอลล่าร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
Crookeบอกว่า การเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินโลกกำลังเกิดขึ้นจาก3ปัจจัยหลักที่จะสร้างวิกฤติที่สมบูรณ์แบบคือ
1. ความพยายามของรัสเซียและอิหร่านที่จะหลีกเลี่ยงการแซงชั่นจากโลกตะวันตก
2. นโยบายดอกเบี้ย0%ของเฟดเดอรัล รีเชิรฟของสหรัฐฯ และ
3. ความต้องการของจีนที่จะซื้อน้ำมันเพิ่มจากตะวันออกกลาง
นโยบายการแซงชั่นของสหรัฐฯต่อประเทศที่เป็นเป้าที่ต้องถูกทำลายทางเศรษฐกิจกลับมีผลตรงกันข้ามคือทำให้เกิดมีการค้าขายโดยไม่ต้องพึ่งพาดอลล่าร์ รัสเซียและอิหร่านจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการค้าที่ใช้ดอลล่าร์อีกต่อไป ไม่ว่าจะมีการใช้เงินหยวนของจีน หรือเงินรูเบิ้ลของรัสเซียมากขึ้นในการค้า และจะมีผลกระทบต่อการบริหารสำรองน้ำมันของอิหร่าน ซีเรียและอิรัค ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่สำคัญ ผลที่ตามมาคือการแซงชั่นของสหรัฐฯไม่ได้ผล และเกิดมีการค้าขายน้ำมันนอกเกมดอลล่าร์ หรือการควบคุมของสหรัฐฯขึ้นมา
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียได้กล่าวว่า รัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ต้องการลดบทบาทการผูกขาดของดอลล่าร์ในตลาดน้ำมันโลก นอกจากนี้รัสเซียยังได้ร่วมมือกับกลุ่มBRICSในการสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่จะใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลล่าร์ เนื่องจากรายได้จากการส่งออกจากน้ำมันเทียบเท่า60-70%จากรายได้ทั้งหมดของรัสเซีย จึงไม่น่าแปลกใจที่ปูตินไม่ต้องการเป็นเบี้ยล่างของดอลล่าร์ตลอดไป
การแซงชั่นเป็นตัวเร่งให้ปูตินต้องนำพารัสเซียออกจากระบบดอลล่าร์ นี้ปูตินได้เซ็นสัญญาขายก๊าซระยะยาว2ฉบับกับจีนโดยการซื้อขายจะไม่เกี่ยวข้องกับดอลล่าร์ นอกจากนี้ปูตินยังได้ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับอินเดียและอิหร่าน รัสเซียจะช่วยอิหร่านสร้างโรงงานผลิตพลังงานนิวเคลียร์
นี้คือสาเหตุหลักของความตรึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย โดยมียุโรปเข้าพวกหนุนสหรัฐฯในการแซงชั่นรัสเซีย โดยอ้างวิกฤติยูเครน เพราะว่าถ้ารัสเซียสามารถจับมือกับจีนในการเพิ่มการค้านอกระบบดอลล่าร์ได้ จะเป็นจุดจบของเปโตรดอลล่าร์
เปโตรดอลล่าร์คือระบบการเงินโลกที่มาแทนข้อตกลงBretton Woods ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่2 ตอนนั้นสหรัฐฯเป็นฝ่ายชนะสงครามและมีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก มีการออกแบบโครงสร้างการเงินใหม่โดยที่ดอลล่าร์จะมีค่าคงที่ไม่ผันผวนเพราะว่าผูกกับทองคำที่ค่า$35ต่อออนซ์ เงินสกุลอื่นๆของโลกกลายเป็นบริวารของดอลล่าร์ด้วยการผูกค่าเงินตัวเองกับดอลล่าร์และกับทองอีกต่อหนึ่ง มีการจัดตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกเพื่อเป็นสถาบันหลักในการดูแลดอลล่าร์ เสถียรภาพของโครงสร้างการเงินโลกค่อนข้างดี เพราะว่าภายใต้ระบบมาตรฐานทองคำนี้ รัฐบาลหรือธนาคารกลางค่อนข้างจะมีวินัยทางการคลังและการเงิน
แต่สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯมีการใช้จ่ายขาดดุลเพิ่ม และมีการทำสงครามเวียดนาม ประเทศต่างๆที่ถือดอลล่าร์มีการเอาดอลล่าร์มาแลกทองคำเพราะว่าไม่มั่นใจในเงินเฟ้อที่ตามมาจากการเพิ่มดอลล่าร์เข้าไปในระบบเพื่อสนองการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อทองร่อยหรอลงประธานาธิบดีนิกสันในปี1971ยกเลิกที่จะผูกดอลล่าร์กับทองคำ คือปิดหน้าต่างของเฟดเดอรัล รีเชิร์ฟไม่ให้คนถือดอลล่าร์มาขึ้นทองอีกต่อไป ถือว่าเป็นการผิดชำระหนี้ทอง (gold default) เพื่อที่จะรักษาความเป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไป ถือว่าหน้าด้านมากที่ผิดนัดชำระหนี้ทองตอนนั้น ฝรั่งเศสขอแลกดอลล่าร์กับทอง สหรัฐฯบอกว่าโนเวย์ ซอร์รี่ ฝรั่งเศสได้แต่ทำหน้าจ๋อย อย่างว่าสหรัฐฯฟอร์มใหญ่ทำ
อะไรก็ดูดี
ในปี1973 สหรัฐฯทำข้อตกลงกับซาอุดิฯ และประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางให้ขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์อย่างเดียว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนสหรัฐฯจะสนับสนุนรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ให้อยู่ในอำนาจต่อไปผ่านการขายอาวุธ การหนุนหลังด้านการทหาร และความมั่นคง ในเมื่อประเทศต่างๆต้องซื้อน้ำมัน จึงจำเป็นต้องสำรองดอลล่าร์ หรือขายของให้ได้ดอลล่าร์ ทำให้เกิดมีดีมานด์สำหรับดอลล่าร์หรือเปโตรดอลล่าร์ที่จะยังคงความเป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไป ทั้งๆที่สหรัฐฯพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง หรือหลักทรัพย์อะไรหนุนหลัง ตั้งแต่นั้นมาโลกเข้าสู่ระบบดอลล่าร์กระดาษ ซึ่งสร้างความสะดวกให้พวกนายธนาคารในการเพิ่มเครดิตอย่างไม่จำกัด อันนำมาสู่การสร้างระบบหนี้ต่อหนี้ (debt-based system)ที่ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ เพราะว่าไม่มีอะไรมารั้งอีกแล้ว
สหรัฐฯเปลี่ยนจากการผูกดอลล่าร์กับทองคำสำรองของตัวเอง เป็นการผูกดอลล่าร์กับน้ำมันของซาอุดิฯและตะวันออกกลาง อันนี้ลักไก่ได้ประเสริฐ(ประชด)ดีแท้ เพราะว่าเอาน้ำมันของแขกมาหนุนค่าเงินตัวเอง และเพื่อไม่ให้แขกเอาดอลล่าร์ไปซื้อทอง สหรัฐฯเลยใช้นโยบายขาดดุลมากๆ เพื่อว่ากระทรวงการคลังจะได้ออกบอนด์ (US Treasuries) มากู้ยืมเงินมากๆ เพื่อว่าแขกจะได้เอาเงินดอลล่าร์จากการขายน้ำมันไปถือบอนด์ของสหรัฐฯ นับว่าเป็นการรีไซเกิ้ลดอลล่าร์กลับไป วิธีการนี้ทำให้แขกไม่ต้องเอาดอลล่าร์ไปซื้อทองนะ เพราะว่าทองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเงินกระดาษ ยูซื้อทองไป ก็แค่เก็บดูแสงวาววับไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร มาถือบอนด์ของไอดีกว่า จ่ายดอกเบี้ยให้ด้วย ดอลล่าร์ต่อดอลล่าร์ แขกเห็นดีเห็นงามไปด้วย เมื่อได้ที่US Treasuries กลายเป็นทรัพย์สินดอลล่าร์ที่มีค่ามากที่สุดที่แขกขายน้ำมันต้องถือ ระบบแบงค์ถือUS Treasuriesเป็นทรัพย์สินในกองทุนของตัวเอง มีการยกยอเครดิตของสหรัฐฯให้AAA ทั้งๆที่US Treasuriesเป็นหนี้ แต่เวลาคนถือUS Treasuriesถือว่าเป็นทรัพย์สินที่วิเศษสุด โลกกลับตาลปัตรเมื่อหนี้กลายเป็นสิ่งมีค่า
(debt is good) สหรัฐฯทำทุกอย่างเพื่อให้US Treasuriesบดบังรัศมีของทอง
(gold is useless) ในเมื่อผู้เล่นทุกคนติดกับดอลล่าร์สหรัฐฯเลยสร้างหนี้ผ่านUS Treasuriesจนทุกวันนี้มีขนาดใหญ่ถึง$12ล้านล้าน หรือประมาณ1ใน 7ของจีดีพีของโลก อยากได้หนี้กระดาษดีนักก็
พิมพ์หนี้ให้ถือท่วมโลกไปเลย
ไม่รู้ว่าแขกและประเทศอื่นๆที่เสพติดดอลล่าร์กระดาษโง่หรือฉลาด เพราะว่าถือดอลล่าร์กระดาษในทุนสำรองระหว่างประเทศกันทั้งนั้น แล้วค่อยๆลดการถือทองหรือขายทองออกไป เพียงเพราะว่าดอลล่าร์กระดาษจ่ายดอกเบี้ย ทองไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย เปโตรดอลล่าร์บังเกิดขึ้นมาด้วยการลวงโลกด้วยประการฉะนี้ และในขณะเดียวกันทองถูกบดบังรัศมีจากเปโตรดอลล่าร์ด้วยประการฉะนี้
เครดิต: Thanong Fanclub
อวสานเปโตร-ดอลลาร์ ชาตินี้ตอนสายๆ หรือชาติหน้าตอนบ่ายๆดี?
Crookeบอกว่า การเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินโลกกำลังเกิดขึ้นจาก3ปัจจัยหลักที่จะสร้างวิกฤติที่สมบูรณ์แบบคือ
1. ความพยายามของรัสเซียและอิหร่านที่จะหลีกเลี่ยงการแซงชั่นจากโลกตะวันตก
2. นโยบายดอกเบี้ย0%ของเฟดเดอรัล รีเชิรฟของสหรัฐฯ และ
3. ความต้องการของจีนที่จะซื้อน้ำมันเพิ่มจากตะวันออกกลาง
นโยบายการแซงชั่นของสหรัฐฯต่อประเทศที่เป็นเป้าที่ต้องถูกทำลายทางเศรษฐกิจกลับมีผลตรงกันข้ามคือทำให้เกิดมีการค้าขายโดยไม่ต้องพึ่งพาดอลล่าร์ รัสเซียและอิหร่านจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการค้าที่ใช้ดอลล่าร์อีกต่อไป ไม่ว่าจะมีการใช้เงินหยวนของจีน หรือเงินรูเบิ้ลของรัสเซียมากขึ้นในการค้า และจะมีผลกระทบต่อการบริหารสำรองน้ำมันของอิหร่าน ซีเรียและอิรัค ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่สำคัญ ผลที่ตามมาคือการแซงชั่นของสหรัฐฯไม่ได้ผล และเกิดมีการค้าขายน้ำมันนอกเกมดอลล่าร์ หรือการควบคุมของสหรัฐฯขึ้นมา
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียได้กล่าวว่า รัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ต้องการลดบทบาทการผูกขาดของดอลล่าร์ในตลาดน้ำมันโลก นอกจากนี้รัสเซียยังได้ร่วมมือกับกลุ่มBRICSในการสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่จะใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลล่าร์ เนื่องจากรายได้จากการส่งออกจากน้ำมันเทียบเท่า60-70%จากรายได้ทั้งหมดของรัสเซีย จึงไม่น่าแปลกใจที่ปูตินไม่ต้องการเป็นเบี้ยล่างของดอลล่าร์ตลอดไป
การแซงชั่นเป็นตัวเร่งให้ปูตินต้องนำพารัสเซียออกจากระบบดอลล่าร์ นี้ปูตินได้เซ็นสัญญาขายก๊าซระยะยาว2ฉบับกับจีนโดยการซื้อขายจะไม่เกี่ยวข้องกับดอลล่าร์ นอกจากนี้ปูตินยังได้ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับอินเดียและอิหร่าน รัสเซียจะช่วยอิหร่านสร้างโรงงานผลิตพลังงานนิวเคลียร์
นี้คือสาเหตุหลักของความตรึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย โดยมียุโรปเข้าพวกหนุนสหรัฐฯในการแซงชั่นรัสเซีย โดยอ้างวิกฤติยูเครน เพราะว่าถ้ารัสเซียสามารถจับมือกับจีนในการเพิ่มการค้านอกระบบดอลล่าร์ได้ จะเป็นจุดจบของเปโตรดอลล่าร์
เปโตรดอลล่าร์คือระบบการเงินโลกที่มาแทนข้อตกลงBretton Woods ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่2 ตอนนั้นสหรัฐฯเป็นฝ่ายชนะสงครามและมีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก มีการออกแบบโครงสร้างการเงินใหม่โดยที่ดอลล่าร์จะมีค่าคงที่ไม่ผันผวนเพราะว่าผูกกับทองคำที่ค่า$35ต่อออนซ์ เงินสกุลอื่นๆของโลกกลายเป็นบริวารของดอลล่าร์ด้วยการผูกค่าเงินตัวเองกับดอลล่าร์และกับทองอีกต่อหนึ่ง มีการจัดตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกเพื่อเป็นสถาบันหลักในการดูแลดอลล่าร์ เสถียรภาพของโครงสร้างการเงินโลกค่อนข้างดี เพราะว่าภายใต้ระบบมาตรฐานทองคำนี้ รัฐบาลหรือธนาคารกลางค่อนข้างจะมีวินัยทางการคลังและการเงิน
แต่สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯมีการใช้จ่ายขาดดุลเพิ่ม และมีการทำสงครามเวียดนาม ประเทศต่างๆที่ถือดอลล่าร์มีการเอาดอลล่าร์มาแลกทองคำเพราะว่าไม่มั่นใจในเงินเฟ้อที่ตามมาจากการเพิ่มดอลล่าร์เข้าไปในระบบเพื่อสนองการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อทองร่อยหรอลงประธานาธิบดีนิกสันในปี1971ยกเลิกที่จะผูกดอลล่าร์กับทองคำ คือปิดหน้าต่างของเฟดเดอรัล รีเชิร์ฟไม่ให้คนถือดอลล่าร์มาขึ้นทองอีกต่อไป ถือว่าเป็นการผิดชำระหนี้ทอง (gold default) เพื่อที่จะรักษาความเป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไป ถือว่าหน้าด้านมากที่ผิดนัดชำระหนี้ทองตอนนั้น ฝรั่งเศสขอแลกดอลล่าร์กับทอง สหรัฐฯบอกว่าโนเวย์ ซอร์รี่ ฝรั่งเศสได้แต่ทำหน้าจ๋อย อย่างว่าสหรัฐฯฟอร์มใหญ่ทำอะไรก็ดูดี
ในปี1973 สหรัฐฯทำข้อตกลงกับซาอุดิฯ และประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางให้ขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์อย่างเดียว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนสหรัฐฯจะสนับสนุนรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ให้อยู่ในอำนาจต่อไปผ่านการขายอาวุธ การหนุนหลังด้านการทหาร และความมั่นคง ในเมื่อประเทศต่างๆต้องซื้อน้ำมัน จึงจำเป็นต้องสำรองดอลล่าร์ หรือขายของให้ได้ดอลล่าร์ ทำให้เกิดมีดีมานด์สำหรับดอลล่าร์หรือเปโตรดอลล่าร์ที่จะยังคงความเป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไป ทั้งๆที่สหรัฐฯพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง หรือหลักทรัพย์อะไรหนุนหลัง ตั้งแต่นั้นมาโลกเข้าสู่ระบบดอลล่าร์กระดาษ ซึ่งสร้างความสะดวกให้พวกนายธนาคารในการเพิ่มเครดิตอย่างไม่จำกัด อันนำมาสู่การสร้างระบบหนี้ต่อหนี้ (debt-based system)ที่ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ เพราะว่าไม่มีอะไรมารั้งอีกแล้ว
สหรัฐฯเปลี่ยนจากการผูกดอลล่าร์กับทองคำสำรองของตัวเอง เป็นการผูกดอลล่าร์กับน้ำมันของซาอุดิฯและตะวันออกกลาง อันนี้ลักไก่ได้ประเสริฐ(ประชด)ดีแท้ เพราะว่าเอาน้ำมันของแขกมาหนุนค่าเงินตัวเอง และเพื่อไม่ให้แขกเอาดอลล่าร์ไปซื้อทอง สหรัฐฯเลยใช้นโยบายขาดดุลมากๆ เพื่อว่ากระทรวงการคลังจะได้ออกบอนด์ (US Treasuries) มากู้ยืมเงินมากๆ เพื่อว่าแขกจะได้เอาเงินดอลล่าร์จากการขายน้ำมันไปถือบอนด์ของสหรัฐฯ นับว่าเป็นการรีไซเกิ้ลดอลล่าร์กลับไป วิธีการนี้ทำให้แขกไม่ต้องเอาดอลล่าร์ไปซื้อทองนะ เพราะว่าทองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเงินกระดาษ ยูซื้อทองไป ก็แค่เก็บดูแสงวาววับไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร มาถือบอนด์ของไอดีกว่า จ่ายดอกเบี้ยให้ด้วย ดอลล่าร์ต่อดอลล่าร์ แขกเห็นดีเห็นงามไปด้วย เมื่อได้ที่US Treasuries กลายเป็นทรัพย์สินดอลล่าร์ที่มีค่ามากที่สุดที่แขกขายน้ำมันต้องถือ ระบบแบงค์ถือUS Treasuriesเป็นทรัพย์สินในกองทุนของตัวเอง มีการยกยอเครดิตของสหรัฐฯให้AAA ทั้งๆที่US Treasuriesเป็นหนี้ แต่เวลาคนถือUS Treasuriesถือว่าเป็นทรัพย์สินที่วิเศษสุด โลกกลับตาลปัตรเมื่อหนี้กลายเป็นสิ่งมีค่า (debt is good) สหรัฐฯทำทุกอย่างเพื่อให้US Treasuriesบดบังรัศมีของทอง (gold is useless) ในเมื่อผู้เล่นทุกคนติดกับดอลล่าร์สหรัฐฯเลยสร้างหนี้ผ่านUS Treasuriesจนทุกวันนี้มีขนาดใหญ่ถึง$12ล้านล้าน หรือประมาณ1ใน 7ของจีดีพีของโลก อยากได้หนี้กระดาษดีนักก็พิมพ์หนี้ให้ถือท่วมโลกไปเลย
ไม่รู้ว่าแขกและประเทศอื่นๆที่เสพติดดอลล่าร์กระดาษโง่หรือฉลาด เพราะว่าถือดอลล่าร์กระดาษในทุนสำรองระหว่างประเทศกันทั้งนั้น แล้วค่อยๆลดการถือทองหรือขายทองออกไป เพียงเพราะว่าดอลล่าร์กระดาษจ่ายดอกเบี้ย ทองไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย เปโตรดอลล่าร์บังเกิดขึ้นมาด้วยการลวงโลกด้วยประการฉะนี้ และในขณะเดียวกันทองถูกบดบังรัศมีจากเปโตรดอลล่าร์ด้วยประการฉะนี้
เครดิต: Thanong Fanclub