ได้ขออนุญาตเพื่อนสมาชิกที่ถามมาทางหลังไมค์ว่า จะขอเอาตั้งกระทู้ตอบทางหน้าไมค์ครับ
หลังไมค์อันแรก ๑ คงไม่มีอะไรจะเสริมเพิ่ม
นอกจากจะย้ำ ตามที่คนในตลาดหุ้นที่ประสพความสำเร็จ จะพูดเสมอว่า
(ไม่ใช่ความเห็นของผม มีบางคนเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนพูด)
เราซื้อเพราะเหตุผลอะไร เหตุผลในการถือ และในการขาย
ก็ต้องไปด้วยกัน กับเหตุผลที่เราซื้อ ไม่งั้นเราจะมีแต่ประสบการณ์แนวนอน
ที่วนลูปไปมา ไม่ว่าเราจะได้กำไรหรือขาดทุนในครั้งนั้นๆ
ก็ได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ในที่สุด เพราะหาหลักยึดอะไรที่แน่นอนไม่ได้
ลิงค์ในภาพประกอบ ที่สามารถคลิ๊กอ่านได้คือ
http://www.set.or.th/set/companynews.do?symbol=PSTC&language=th&country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do?headline=%B5%C5%D2%B4%CB%C5%D1%A1%B7%C3%D1%BE%C2%EC+%E0%CD%E7%C1+%E0%CD+%E4%CD+%E0%BE%D4%E8%C1%CA%D4%B9%A4%E9%D2+%3A+PSTC+%E0%C3%D4%E8%C1%AB%D7%E9%CD%A2%D2%C2+19+%B8%D1%B9%C7%D2%A4%C1+2557&time=1418866860000&source=mai&symbol=PSTC&pdf=dat%2Fnews%2F201412%2F14081136.pdf++++++++++++++++++&filename=dat%2Fnews%2F201412%2F14081136.t14++++++++++++++++++&type=H&language=th&country=TH
ส่วนเวบของบริษัท เขาบอกไว้แบบนี้
http://www.pst.co.th/about.php?keyname=derivation
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาถึงคำถามจากเพื่อนสมาชิก ที่ผมขอเวลาคิดก่อนตอบ
จริงๆก็คือ ไม่รู้จะแนะนำอะไรเพิ่ม ลองอ่านคำตอบกันดูครับ
เริ่มด้วยคำถาม ที่ถามมาทางหลังไมค์
ขอตัดเป็นท่อนๆ ออกความเห็นดังนี้
สมาชิกหมายเลข ,,,,,,,,,,,,, 24 ธันวาคม เวลา 17:17 น. [IP : 171........... ] Block
สวัสดีครับ เฮีย endophine ผมติดตาม สินธร - Pantip มาประมาณปีกว่าแล้วครับ แต่พึ่งสมัครสมาชิกประมาณ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ และก็ได้ติดตาม กระทู้ หรือคำสอน ข้อคิดเห็น ของเฮีย endophine ในกระทู้ต่างๆเรื่อยมา..............................................................
ตอนนี้ผมอายุ 24 ปีครับ ตั้งแต่เป็นเด็กจนอายุ 23 ปี ผมมีเงินเก็บประมาณ สามแสนครับ และก็เริ่มเล่นหุ้นเมื่อประมาณ ปีที่แล้วช่วงต้นปี ก็เล่นแบบ เก็งกำไร ตามอารมณ์ อยากได้เงินเร็วๆ ซึ่งทำให้ ผมได้บทเรียนจากส่วนนี้มาก็คือ เงินผมขาดทุนจากการเล่นหุ้น ไปสองแสนบาท ซึ่งก็ยังทำให้ผม รู้สึกเจ็บปวดกับตรงจุดนี้ อยู่เสมอมา แต่ผมก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีครับ
คำตอบ
อายุตอนเริ่มเข้าตลาดใกล้เคียงกันเลยครับ แต่ที่น่าทึ่งกว่าผมมากๆก็คือ
สามารถเก็บเงินได้ถึงสามแสนบาท และสามารถเอาเงินที่หาได้เอง นำมาซื้อขายหุ้น
เรื่องอยากได้เงินเร็วๆ เชื่อว่า คนเข้าตลาดหุ้นใหม่ๆ ทุกคน
จะมีฝัน ๓ ร. อยู่ในใจคือ
รวยเร็วๆ รวยมากๆ รวยง่ายๆ
สมัยผมอาจจะไม่ถูกปลุกเร้าเป้าหมาย ๓ ร. มากเท่าสมัยนี้
เป็นแค่ความคิดและการกระทำ
ที่เกิดตามมาจากประสบการณ์ตรง เมื่อเข้าไปซื้อหุ้นแล้วได้กำไรหุ้นมาแบบง่ายๆ
ส่วนสมัยนี้ นักลงทุนหน้าใหม่เกือบทั้งหมด
ถูกปลุกเร้าเป้าหมาย ๓ ร. จากสารพัดทิศทาง
ทั้งจากสารพัดสื่อ ไม่ว่าทางเวบบอร์ดหุ้น ทางไลน์ ทางเฟซบุค ทางหนังสือรวยหุ้น..... ทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อ....ฯลฯ
แม้แต่ ตลท.เองก็ตัวดีเลย ออกโฆษณามาแต่ละชิ้น "ปากว่าตาขยิบ"
บอกให้คนลงทุน แต่ดันแบ่งไฮโล tfex กองใหญ่ให้เป็นกองย่อยๆ
หวังล่อนักลงทุนหน้าใหม่ที่มีเงินน้อย
เข้าไปเล่นเกมไฮโล แทงสูง แทงต่ำ เพื่อหวัง ๓ ร.
คงสรุปได้ว่า นักลงทุนสมัยนี้โชคร้ายกว่าสมัยผม
เพราะถูกปลุกระดมความเชื่อเรื่อง ๓ ร. ตั้งแต่ยังไม่เหยีบบเข้าตลาดหุ้นด้วยซ้ำ
ของผม ที่เอาตัวไม่รอดในตอนนั้น
ก็แค่ทำผิดร้ายแรงที่สุดในชีวิตการลงทุน
ด้วยการทำสิ่งที่ตัวเอง ไม่สามารถแบกรับความเสียหายได้
คือซื้อหุ้นด้วยมาร์จิ้น ซึ่งกว่าผลลัพธ์จะออกมา ก็ยังทอดยาวเป็นปีๆ
แต่สมัยนี้ ความผิดร้ายแรง อาจจะหมดตัวภายในเวลาอาทิตย์เดียว
ด้วย สารพัดตราสารอนุพันธ์ ที่เอามาล่อด้วยคำพูดหวานๆว่า
ขึ้นก็กำไร ลงก็กำไร
ไม่เคยมีการบอกเพิ่มว่า
ลงก็ขาดทุน ขึ้นก็ขาดทุนเหมือนกัน
ผมมีความเชื่อว่า คุณ...ขาดทุนจาก tfex หรือไม่ก็ dw
เพราะถ้าซื้อขายหุ้น ไม่น่าจะขาดทุนได้มากขนาดนั้น ?
ตอนนี้ผมเลยเริ่มวางแผนชีวิตใหม่ โดยตอนนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอิสรภาพทางการเงิน แต่ต้องการให้ พออายุแก่ไปเรื่อยๆ เราสามารถ มีออม มีใช้ ดูแล พ่อแม่ พี่น้อง ได้อย่างสบาย มีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข
คำตอบ
ผมว่า คุณ...เริ่มมีประสบการณ์แนวตั้ง ในเวลาที่รวดเร็วมาก ผิดก็รู้จักถอย
แล้วเริ่มหาแนวทางที่เหมาะสมกับความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง
รู้อะไร ก็ไม่เท่ารู้จักตัวเอง
ผมเชื่อว่า ถ้าเรามีแต่ประสบการณ์แนวนอน วนลูบไปมา
จะอยู่ในตลาดไปกี่ปี ก็จะไม่มีผลงานดีไปกว่า
คนที่เข้าตลาดใหม่ๆ แล้วเริ่มสะสมประสบการณ์แนวตั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว
การวางแผนชีวิต ของผมตอนนี้ก็คือ
ตอนนี้ผมทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ รายได้ หลักประมาณ 26,000 บาท ต่อเดือน
แต่อาจจะได้ค่า OT,ค่าเดินทาง เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่เดือนไปครับ
และมีรายได้เสริม บ้างเป็นครั้งคราว ประมาณ 2,000 บาทต่อเดือนครับ
และตอนนี้กำลังจะทำธุรกิจ ที่อาศัยเงินทุนไม่มาก เพื่อขยายโอกาสให้ตัวเอง ในเวลาว่างที่เหลือครับ รายได้ผมตอนนี้จะอยู่ประมาณ 26,000 บาทครับ
คำตอบ
ค่อนข้างทึ่ง ที่คนรุ่นใหม่บางส่วน
ยังมีแนวทางการหาเงิน ที่ไม่เร่งรีบจะทำอะไรให้ได้ดังใจในเวลาที่รวดเร็ว
สิ่งที่ผมอ่านเจอคือ
คุณ... เป็นคนที่รู้จักมองหาช่องทางใหม่ๆ ในการหาเงิน
นอกจากจะหาเร็วเงิน ๆ จากตลาดหุ้น ซึ่งไม่ประสพความสำเร็จในตอนนี้
ส่วนค่าใช้จ่ายของผมนั้น
fixed-cost จะมี ค่ารถ 6,000 บาท (เป็นการช่วยกันผ่อนกับที่บ้านครับ)
เงินให้แม่ 2,000 บาทครับ
และจะมีเงิน ออมสำหรับผมกับแฟน เดือนละ 4,000 บาทครับ (เป็นเงินออมไว้สำหรับหุ้น 2,000 เงินสด 2,000 ครับ)
และจะซื้อกองทุน LTF 4,000 บาท ทุกเดือนครับ เผื่อช่วยในการลดหย่อนภาษีครับ
ส่วนที่เหลือจะพยายาม ใช้ ประมาณ 5,000 บาท ต่อเดือน
ส่วนอีก 5,000 บาทที่เหลือ อาจจะเก็บออมไว้ในเงินลงทุนสำหรับลงทุนในหุ้นนะครับ
ตอนนี้สินทรัพย์ทางการเงินที่ผมมี คือ ทุนที่เหลือในพอร์ทหุ้น 1 แสนบาท
และตอนนี้กำลังพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆเรื่อยๆครับ เช่นการทำงาน ที่มีโอกาสพัฒนา เพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น การสอบเพิ่มระดับ ที่สร้างโอกาสให้แก่ตัวเอง
เฮีย endophine พอมีคำแนะนำดีดีในการ ดำเนินชีวิตให้ผมมั้ยครับ
ขอบคุณมากนะครับที่รับฟัง
คำตอบ
ที่ผมขอเวลาคิดก่อนตอบ เพราะไม่รู้จะแนะนำอะไรเพื่ม
อ่านดูแล้ว คุณ.... มีเป้าหมายที่วางไว้ชัดเจนแล้ว มีวินัยในการใช้จ่ายเงิน
เพียงแต่มาพลาดครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น
ดูด้านการใช้จ่าย ก็มีวินัยในการใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่มีรายได้ดีกว่า แล้วก็ใช้จ่ายตามคนอื่น
จริงๆแล้ว มีสิ่งหนึ่งผมกับภรรยา ทำมาตลอดชีวิตคือ
ไม่เคยก่อหนี้เพื่อการบริโภค
มีรายได้เท่าไร ก็ใช้จ่ายไปตามรายได้ที่หาได้
พอมีรายได้เพิ่ม ค่อยใช้จ่ายเพิ่ม
ทุกวันนี้ภรรยาผม ไม่มีบัตรเครดิต ส่วนผมมีบัตรเครดิตวงเงินห้าหมื่นบาท
ที่เคยใช้เต็มวงเงินไม่เกินสองสามครั้งเท่านั้น
ผมคิดเอาแบบง่ายๆ คือ ถ้าเราไม่มีหนี้ ก็แสดงว่า รายได้ เราต้องมากกว่ารายจ่าย
(ไม่นับหนี้สินที่ก่อเพื่อการสร้างรายได้ ไม่ใช่เพื่อการบริโภค)
ใครจะลองเอาไปคิดเล่นๆแบบนี้ ก็ได้นะ
การซื้อกองทุน ltf เพื่อลดหย่อนภาษีทุกๆเดือน
ก็เข้าข่ายการลงทุนแบบ dca เพียงแต่ว่า ให้คนที่เขามีอาชีพทางนี้ เปฺ็นคนจัดการแทน
การซื้อหุ้น หรือกองทุนแบบ ทะยอยซื้อสะสม ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า
ถ้ากองทุนนั้นผลงานดี หรือหุ้นตัวนั้นมีปันผลต่อเนื่อง ยังไงก็กำไรแน่ๆ ในระยะยาว
จึงเห็นด้วย ที่สะสมเงินแบบนี้
เพราะเป้าหมายเริ่มเปลี่ยนจาก รวยเร็วๆ รวยง่ายๆ รวยมากๆ มาเป็นรวยช้าๆแต่ยั่งยืนแทน
ส่วนพอร์ตหุ้นที่เหลือหนึ่งแสนบาท ไม่แน่ใจว่า เป็นเงินสดหรือเป็นหุ้น
ถ้าเป็นเงินสด เป็นผม จะไม่ซื้อหุ้น จนกว่าผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะออกมา
ยังไงก็ขออวยพรให้ประสพความสำเร็จในชีวิต
จากการเป็นคนมีวินัยในการหาเงิน ใช้เงิน
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ หลังไมค์ว่าด้วย "๙ก้าวแล้ว๖หกล้ม" ที่ถามมาคือ หกล้มไปแล้วจะลุกขึ้นมาก้าวเดินใหม่อย่างไร ?
หลังไมค์อันแรก ๑ คงไม่มีอะไรจะเสริมเพิ่ม
นอกจากจะย้ำ ตามที่คนในตลาดหุ้นที่ประสพความสำเร็จ จะพูดเสมอว่า
(ไม่ใช่ความเห็นของผม มีบางคนเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนพูด)
ก็ต้องไปด้วยกัน กับเหตุผลที่เราซื้อ ไม่งั้นเราจะมีแต่ประสบการณ์แนวนอน
ที่วนลูปไปมา ไม่ว่าเราจะได้กำไรหรือขาดทุนในครั้งนั้นๆ
ก็ได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ในที่สุด เพราะหาหลักยึดอะไรที่แน่นอนไม่ได้
ลิงค์ในภาพประกอบ ที่สามารถคลิ๊กอ่านได้คือ
http://www.set.or.th/set/companynews.do?symbol=PSTC&language=th&country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do?headline=%B5%C5%D2%B4%CB%C5%D1%A1%B7%C3%D1%BE%C2%EC+%E0%CD%E7%C1+%E0%CD+%E4%CD+%E0%BE%D4%E8%C1%CA%D4%B9%A4%E9%D2+%3A+PSTC+%E0%C3%D4%E8%C1%AB%D7%E9%CD%A2%D2%C2+19+%B8%D1%B9%C7%D2%A4%C1+2557&time=1418866860000&source=mai&symbol=PSTC&pdf=dat%2Fnews%2F201412%2F14081136.pdf++++++++++++++++++&filename=dat%2Fnews%2F201412%2F14081136.t14++++++++++++++++++&type=H&language=th&country=TH
ส่วนเวบของบริษัท เขาบอกไว้แบบนี้
http://www.pst.co.th/about.php?keyname=derivation
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาถึงคำถามจากเพื่อนสมาชิก ที่ผมขอเวลาคิดก่อนตอบ
จริงๆก็คือ ไม่รู้จะแนะนำอะไรเพิ่ม ลองอ่านคำตอบกันดูครับ
เริ่มด้วยคำถาม ที่ถามมาทางหลังไมค์
ขอตัดเป็นท่อนๆ ออกความเห็นดังนี้
สมาชิกหมายเลข ,,,,,,,,,,,,, 24 ธันวาคม เวลา 17:17 น. [IP : 171........... ] Block
สวัสดีครับ เฮีย endophine ผมติดตาม สินธร - Pantip มาประมาณปีกว่าแล้วครับ แต่พึ่งสมัครสมาชิกประมาณ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ และก็ได้ติดตาม กระทู้ หรือคำสอน ข้อคิดเห็น ของเฮีย endophine ในกระทู้ต่างๆเรื่อยมา..............................................................
ตอนนี้ผมอายุ 24 ปีครับ ตั้งแต่เป็นเด็กจนอายุ 23 ปี ผมมีเงินเก็บประมาณ สามแสนครับ และก็เริ่มเล่นหุ้นเมื่อประมาณ ปีที่แล้วช่วงต้นปี ก็เล่นแบบ เก็งกำไร ตามอารมณ์ อยากได้เงินเร็วๆ ซึ่งทำให้ ผมได้บทเรียนจากส่วนนี้มาก็คือ เงินผมขาดทุนจากการเล่นหุ้น ไปสองแสนบาท ซึ่งก็ยังทำให้ผม รู้สึกเจ็บปวดกับตรงจุดนี้ อยู่เสมอมา แต่ผมก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีครับ
อายุตอนเริ่มเข้าตลาดใกล้เคียงกันเลยครับ แต่ที่น่าทึ่งกว่าผมมากๆก็คือ
สามารถเก็บเงินได้ถึงสามแสนบาท และสามารถเอาเงินที่หาได้เอง นำมาซื้อขายหุ้น
เรื่องอยากได้เงินเร็วๆ เชื่อว่า คนเข้าตลาดหุ้นใหม่ๆ ทุกคน
จะมีฝัน ๓ ร. อยู่ในใจคือ
รวยเร็วๆ รวยมากๆ รวยง่ายๆ
สมัยผมอาจจะไม่ถูกปลุกเร้าเป้าหมาย ๓ ร. มากเท่าสมัยนี้
เป็นแค่ความคิดและการกระทำ
ที่เกิดตามมาจากประสบการณ์ตรง เมื่อเข้าไปซื้อหุ้นแล้วได้กำไรหุ้นมาแบบง่ายๆ
ส่วนสมัยนี้ นักลงทุนหน้าใหม่เกือบทั้งหมด
ถูกปลุกเร้าเป้าหมาย ๓ ร. จากสารพัดทิศทาง
ทั้งจากสารพัดสื่อ ไม่ว่าทางเวบบอร์ดหุ้น ทางไลน์ ทางเฟซบุค ทางหนังสือรวยหุ้น..... ทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อ....ฯลฯ
แม้แต่ ตลท.เองก็ตัวดีเลย ออกโฆษณามาแต่ละชิ้น "ปากว่าตาขยิบ"
บอกให้คนลงทุน แต่ดันแบ่งไฮโล tfex กองใหญ่ให้เป็นกองย่อยๆ
หวังล่อนักลงทุนหน้าใหม่ที่มีเงินน้อย
เข้าไปเล่นเกมไฮโล แทงสูง แทงต่ำ เพื่อหวัง ๓ ร.
คงสรุปได้ว่า นักลงทุนสมัยนี้โชคร้ายกว่าสมัยผม
เพราะถูกปลุกระดมความเชื่อเรื่อง ๓ ร. ตั้งแต่ยังไม่เหยีบบเข้าตลาดหุ้นด้วยซ้ำ
ของผม ที่เอาตัวไม่รอดในตอนนั้น
ก็แค่ทำผิดร้ายแรงที่สุดในชีวิตการลงทุน
ด้วยการทำสิ่งที่ตัวเอง ไม่สามารถแบกรับความเสียหายได้
คือซื้อหุ้นด้วยมาร์จิ้น ซึ่งกว่าผลลัพธ์จะออกมา ก็ยังทอดยาวเป็นปีๆ
แต่สมัยนี้ ความผิดร้ายแรง อาจจะหมดตัวภายในเวลาอาทิตย์เดียว
ด้วย สารพัดตราสารอนุพันธ์ ที่เอามาล่อด้วยคำพูดหวานๆว่า
ขึ้นก็กำไร ลงก็กำไร
ไม่เคยมีการบอกเพิ่มว่า
ลงก็ขาดทุน ขึ้นก็ขาดทุนเหมือนกัน
ผมมีความเชื่อว่า คุณ...ขาดทุนจาก tfex หรือไม่ก็ dw
เพราะถ้าซื้อขายหุ้น ไม่น่าจะขาดทุนได้มากขนาดนั้น ?
ตอนนี้ผมเลยเริ่มวางแผนชีวิตใหม่ โดยตอนนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอิสรภาพทางการเงิน แต่ต้องการให้ พออายุแก่ไปเรื่อยๆ เราสามารถ มีออม มีใช้ ดูแล พ่อแม่ พี่น้อง ได้อย่างสบาย มีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข
ผมว่า คุณ...เริ่มมีประสบการณ์แนวตั้ง ในเวลาที่รวดเร็วมาก ผิดก็รู้จักถอย
แล้วเริ่มหาแนวทางที่เหมาะสมกับความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง
รู้อะไร ก็ไม่เท่ารู้จักตัวเอง
ผมเชื่อว่า ถ้าเรามีแต่ประสบการณ์แนวนอน วนลูบไปมา
จะอยู่ในตลาดไปกี่ปี ก็จะไม่มีผลงานดีไปกว่า
คนที่เข้าตลาดใหม่ๆ แล้วเริ่มสะสมประสบการณ์แนวตั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว
การวางแผนชีวิต ของผมตอนนี้ก็คือ
ตอนนี้ผมทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ รายได้ หลักประมาณ 26,000 บาท ต่อเดือน
แต่อาจจะได้ค่า OT,ค่าเดินทาง เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่เดือนไปครับ
และมีรายได้เสริม บ้างเป็นครั้งคราว ประมาณ 2,000 บาทต่อเดือนครับ
และตอนนี้กำลังจะทำธุรกิจ ที่อาศัยเงินทุนไม่มาก เพื่อขยายโอกาสให้ตัวเอง ในเวลาว่างที่เหลือครับ รายได้ผมตอนนี้จะอยู่ประมาณ 26,000 บาทครับ
ค่อนข้างทึ่ง ที่คนรุ่นใหม่บางส่วน
ยังมีแนวทางการหาเงิน ที่ไม่เร่งรีบจะทำอะไรให้ได้ดังใจในเวลาที่รวดเร็ว
สิ่งที่ผมอ่านเจอคือ
คุณ... เป็นคนที่รู้จักมองหาช่องทางใหม่ๆ ในการหาเงิน
นอกจากจะหาเร็วเงิน ๆ จากตลาดหุ้น ซึ่งไม่ประสพความสำเร็จในตอนนี้
ส่วนค่าใช้จ่ายของผมนั้น
fixed-cost จะมี ค่ารถ 6,000 บาท (เป็นการช่วยกันผ่อนกับที่บ้านครับ)
เงินให้แม่ 2,000 บาทครับ
และจะมีเงิน ออมสำหรับผมกับแฟน เดือนละ 4,000 บาทครับ (เป็นเงินออมไว้สำหรับหุ้น 2,000 เงินสด 2,000 ครับ)
และจะซื้อกองทุน LTF 4,000 บาท ทุกเดือนครับ เผื่อช่วยในการลดหย่อนภาษีครับ
ส่วนที่เหลือจะพยายาม ใช้ ประมาณ 5,000 บาท ต่อเดือน
ส่วนอีก 5,000 บาทที่เหลือ อาจจะเก็บออมไว้ในเงินลงทุนสำหรับลงทุนในหุ้นนะครับ
ตอนนี้สินทรัพย์ทางการเงินที่ผมมี คือ ทุนที่เหลือในพอร์ทหุ้น 1 แสนบาท
และตอนนี้กำลังพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆเรื่อยๆครับ เช่นการทำงาน ที่มีโอกาสพัฒนา เพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น การสอบเพิ่มระดับ ที่สร้างโอกาสให้แก่ตัวเอง
เฮีย endophine พอมีคำแนะนำดีดีในการ ดำเนินชีวิตให้ผมมั้ยครับ
ขอบคุณมากนะครับที่รับฟัง
ที่ผมขอเวลาคิดก่อนตอบ เพราะไม่รู้จะแนะนำอะไรเพื่ม
อ่านดูแล้ว คุณ.... มีเป้าหมายที่วางไว้ชัดเจนแล้ว มีวินัยในการใช้จ่ายเงิน
เพียงแต่มาพลาดครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น
ดูด้านการใช้จ่าย ก็มีวินัยในการใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่มีรายได้ดีกว่า แล้วก็ใช้จ่ายตามคนอื่น
จริงๆแล้ว มีสิ่งหนึ่งผมกับภรรยา ทำมาตลอดชีวิตคือ
ไม่เคยก่อหนี้เพื่อการบริโภค
มีรายได้เท่าไร ก็ใช้จ่ายไปตามรายได้ที่หาได้
พอมีรายได้เพิ่ม ค่อยใช้จ่ายเพิ่ม
ทุกวันนี้ภรรยาผม ไม่มีบัตรเครดิต ส่วนผมมีบัตรเครดิตวงเงินห้าหมื่นบาท
ที่เคยใช้เต็มวงเงินไม่เกินสองสามครั้งเท่านั้น
ผมคิดเอาแบบง่ายๆ คือ ถ้าเราไม่มีหนี้ ก็แสดงว่า รายได้ เราต้องมากกว่ารายจ่าย
(ไม่นับหนี้สินที่ก่อเพื่อการสร้างรายได้ ไม่ใช่เพื่อการบริโภค)
ใครจะลองเอาไปคิดเล่นๆแบบนี้ ก็ได้นะ
การซื้อกองทุน ltf เพื่อลดหย่อนภาษีทุกๆเดือน
ก็เข้าข่ายการลงทุนแบบ dca เพียงแต่ว่า ให้คนที่เขามีอาชีพทางนี้ เปฺ็นคนจัดการแทน
การซื้อหุ้น หรือกองทุนแบบ ทะยอยซื้อสะสม ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า
ถ้ากองทุนนั้นผลงานดี หรือหุ้นตัวนั้นมีปันผลต่อเนื่อง ยังไงก็กำไรแน่ๆ ในระยะยาว
จึงเห็นด้วย ที่สะสมเงินแบบนี้
เพราะเป้าหมายเริ่มเปลี่ยนจาก รวยเร็วๆ รวยง่ายๆ รวยมากๆ มาเป็นรวยช้าๆแต่ยั่งยืนแทน
ส่วนพอร์ตหุ้นที่เหลือหนึ่งแสนบาท ไม่แน่ใจว่า เป็นเงินสดหรือเป็นหุ้น
ถ้าเป็นเงินสด เป็นผม จะไม่ซื้อหุ้น จนกว่าผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะออกมา
ยังไงก็ขออวยพรให้ประสพความสำเร็จในชีวิต
จากการเป็นคนมีวินัยในการหาเงิน ใช้เงิน