+++ สวัสดีเพื่อนๆพีนทิปทุกท่านครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ +++
ขอเริ่มเลยละกันครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราวๆหนึ่งปีก่อนครับ ผมเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่มหาลัยปีสาม ผมมีความสนใจด้านพระเครื่องเป็นอย่างมาก และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
ช่วงแรกที่ผมเริ่มต้นมาให้ความสนใจกับพระเครื่อง ผมยังดูพระแยกเก๊แท้ไม่เป็น จึงไม่ค่อยมีความกล้าที่จะเช่าพระเดี่ยวๆสักเท่าไร ทำให้ในแต่ละครั้งที่ผมเช่ามา จะเช่ามาเป็นแบบเหมารวมๆกันไปหมด ได้ทั้งแท้มั่งเก๊มั่งปนๆกันไป จนมีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้เช่าพระล๊อตใหญ่ เหมามาทั้งหมดราวๆพันองค์เห็นจะได้ ครั้งนั้นผมทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น วันๆผมเอาแต่ส่องพระ จนผมพบกันกุมารทองอยู่องค์หนึ่ง ลักษณะเหมือนทำจากดินเผา ตัวผมเองก็ดูไม่เป็นหรอกครับตอนนั้นผมคิดว่าเก๊ชัวร์ เลยไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็โยนไปเก็บไว้ที่เดิม ต่อมาก็เจอกับชูชกองค์สีขาวออกเหลืองๆ อยู่ในกรอบแช่ด้วยน้ำมัน ผมเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรอีกเช่นเคยเลยเอาไปวางๆไว้รวมๆกัน
เนื่องจากผมพักอยู่ที่หอพักและที่บ้านผมเองก็ไม่สนับสนุนให้ผมซื้อขายพระเท่าไร ทำให้เวลาที่แม่มาเยี่ยมที่หอผมจะต้องเอาพระทั้งหมดไปฝากไว้ที่หอแฟนซึ่งอยู่ในซอยเดียวกัน และก็ลืมไว้ที่นั่นอีกนานเลยจนกระทั่งวันหนึ่งที่แฟนผมเค้าไปดูดวงมา และโดนหมอดูทักบางอย่างซึ่งทั้งประหลาดและตรงอย่างไม่น่าเชื่อ
หมอดูคนนี้เหมือนเป็นคนมีสัมผัสที่หก เค้าบอกแฟนผมว่าเค้ามองเห็นบางอย่างในห้องของแฟนผม บางอย่างที่มืดดำ เต็มไปด้วยควันสีดำเต็มไปหมด ที่ชัดสุดคือวิญญาณสองตน ตนหนึ่งเป็นเด็กไว้จุก อีกตนเป็นชายชรา แฟนผมฟังดังนั้นก็ตกใจเพราะตอนที่ผมเจอกุมารทองแฟนผมก็นั่งอยู่ด้วย ผมเคยหยิบให้เธอดู แล้วบอกว่า
"ดูสิ มีกุมารทองด้วย แต่ดูยังไงๆก็คงเก๊อยู่แล้วมั้ง 555"
ทำให้แฟนผมกลัวมากเลยเอาพระทั้งหมดกลับมาคืนผม ซึ่งผมเองก็เข้าใจดี คืนแรกที่รับรู้ผมยอมรับว่าผมกลัวมาก ผมสวดมนต์บทหลักๆแทบทุกบท(ผมเคยบวชมาก่อนตั้งแต่ตอนอายุเก้าขวบ แล้วก็บวชมาทั้งหมดสามครั้งแล้ว ทำให้สวดมนต์ค่อนข้างคล่อง) ใช้เวลาสวดแต่ละคืนราวๆ 15-20 นาที ต่อให้ง่วงแค่ไหนก็จะต้องสวดก่อนนอนทุกคืน และจะใส่พระติดตัวอยู่ตลอด
แต่การเรียนมหาลัยก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการสอบและติวหนังสือกับเพื่อนจนดึก ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เขามีชื่อเล่นเชื่อเดียวกันกับผม เราสนิทกันมาก และเพื่อนคนนี้ก็มีสัมผัสพิเศษด้วยเช่นกัน เพราะเค้าโดนผีอำแทบทุกวันจนหลังๆสามารถหลับได้ทั้งๆที่โดนอำอยู่(ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเค้าทำได้ไง เค้าบอกแค่ว่าขยับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหลับตาต่อไปเดี๋ยวก็หลับเอง) วันนั้นเราติวหนังสือกันจนดึกเค้าก็เลยขอนอนหอผม เค้าเตรียมที่นอนปิ๊กนิ๊กมากจากบ้านแล้วก็ปูนอนอยู่ข้างๆเตียงของผม ผมเองก็สวดมนต์เหมือนปกติ แต่ตัวของเพื่อนคนนี้ไม่ห้อยพระ แล้วก็สวดมนต์อรหังสัมมา(แบบกราบพระสามครั้งปกติ) ผมเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระของผมให้เค้าฟังหมดแล้ว ผมเลยถามเค้าว่า
"นัทไม่กลัวเหรอ" (เราชื่อ "นัท" เหมือนกันครับ)
"เราโดนจนชินละ 5555"
ส่วนเรื่องห้อยพระผมก็เคยถามเค้านะ เค้าก็บอกแค่ว่าไม่ชอบให้อะไรมาอยู่ที่คอ พระอะอยู่ที่ใจ (เค้าก็เคยบวชมาเหมือนกันครับ) ผมเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ พอเช้ามาผมก็ลุกขึ้นแปรงฟันอาบน้ำตามปกติ หลังจากสอบเสร็จวันนั้นนัทก็เรียกผมไปคุย แล้วก็บอกว่าเมื่อคืนโดนอำ แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเพิ่ม จนผ่านมาสักอาทิตย์นึงเค้าโดนอำหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากแค่ขยับตัวไม่ได้เป็นแน่นหน้าอกมากขึ้น จนเค้าเข้ามาคุยกับผมอย่างจริงจัง
"เมื่อคืนเราโดนอำอีกแล้ว น่าจะครั้งที่สามได้แล้วมั้ง แต่ทุกครั้งเราจะโดนหนักขึ้นตลอดเลย เดี๋ยววันนี้เรากลับไปนอนบ้านนะ" (ถึงเราจะสนิทกันมากแต่ผมกับนัทก็จะเรียกตัวเองว่าเรา แล้วก็เรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเล่นบางครั้งก็ชื่อจริง จนบางครั้งเพื่อนก็ล้อว่าคุยกันเหมือนในละครเลย)
"โห บ้านนัทอยู่ตั้งไกลกว่าจะมาถึงมหาลัยอีก คืนนี้คงอ่านกันดึกแหละ นอนไม่พอเดี๋ยวสอบไม่เต็มที่นะ เอางี้เดี๋ยวคืนนี้เรานำสวดมนต์เอง นัทก็มาสวดไปพร้อมๆกับเรานะ"
หลังจากที่ผมนำนัทสวดมนต์เค้าก็ไม่เคยโดยอำอีกเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันสอบวันสุดท้ายของพวกเรา แล้วนัทเองก็มีนัดไปกินเลี้ยงกับเพื่อนสมัยมัธยมที่สปริงแบรค ซึ่งถ้ากลับดึกแล้วใกล้สุดก็คงหอผม เค้าก็เลยขอผมนอนด้วยอีกคืนนึง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ทิ้งกุญแจไว้ให้
คืนนั้นนัทกลับมาประมาณตีหนึ่งเกือบๆตีสอง นัทพูดไรกับผมๆก็จำไม่ได้ผมรู้สึกแค่ว่าผมเห็นนัทแล้วผมก็พูดไรกับเค้าก็ไม่รู้แล้วผมก็หลับไป(ตอนเช้าเค้ายังแซวอยู่เลยว่าผมละเมอ หึๆ) นัทเป็นคนที่อาบน้ำนาน กว่านัทจะได้นอนก็ราวๆตีสองครึ่งเห็นจะได้ และคืนนั้นผมก็ไม่ได้นำนัทสวดมนต์.....
นัทบอกผมในตอนเช้าว่า ขณะที่เค้ากำลังหลับเค้าได้ยินเสียงวิ้งๆอยู่ที่หอตลอด เค้าบอกว่าเค้าพยายามเอาหมอนมาอุดหอก็ไม่ได้ช่วยอะไร เสียงนั้นมันดังอยู่ข้างใน นัทพยายามสงบสติรวบรวมสมาธิเท่าที่จะทำได้ ทำเป็นไม่เป็นใจและนัทก็กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา(ซึ่งเค้าก็ทำได้จริงๆ ผมว่าเค้าโคตรเก่งเลย) เสียงที่มีอยู่ก็หายไป ปรากฏเป็นอาการอำขยับตัวไม่ได้แทน นัทพยายามลืมตาและจะหันไปมองซ้ายมองขวา แต่นัทก็ขยับหัวไม่ได้(เค้าบอกว่าเค้าพยายามฝืนออกแรงเต็มที่ ก็ได้แค่เอี้ยวคอเล็กๆเท่านั้น) นัทพยายามมองหาต้นตอของสิ่งลึกลับที่เกิดขึ้น นัทบอกนัทมองไม่เห็น แต่กองพระที่อยู่ด้านของผมอีกข้างหนึ่งนัทบอกว่ามันดูมืดกว่าที่อื่น แล้วนัทก็เห็นเงาดำแวบๆ แต่นัทเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยบอกว่าเงาส่วนนั้นนัทอาจจะคิดไปเอง
นัทเคยเล่าให้ผมฟังว่าอาการอำบางทีมันอาจจะไม่ใช่ผีก็ได้ เค้าเป็นคนที่ชอบคิดแบบนั้นเลยไม่ค่อยกลัวอะไร เค้าบอกว่ามีหลายครั้งที่เวลาเค้าถูกอำขยับตัวไม่ได้ เค้าจะฝืนขยับตัวอย่างแรงจนสามารถหลุดออกมาได้ในที่สุด แต่ถ้าลืมตาแล้วครั้งไหนที่เห็ยว่ามาเป็นตนๆเลย จะเอาไม่ออก
กลับที่ห้องผมอีกที หลังจากนัทมองไปทางไหนก็ไม่เห็นขยับตัวก็ไม่ได้เค้าเลยใช้ท่าไม้ตายสุดท้าย คือปิดตาเลย หลับมันไปทั้งอย่างงั้นแหละ เค้าทำมาตลอดแล้วก็ได้ผลดีทุกครั้ง แต่กลับไม่ใช่กับครั้งนี้
ในขณะที่นัทหลับตาลงและกำลังที่จะหลับอยู่นั้น เสียงวิ้งในหูก็ดังขึ้น มันดังมากกว่าแต่ก่อน และครั้งนี้มีบางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย นัทรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรก เหมือนโดนบางอย่างกดทับ เค้าบอกผมว่าเค้าหายใจติดขัดมาก เวลาหายใจเข้าออกก็ไม่สุดเพราะมีอะไรมากดที่หน้าอก นัททรมานอยู่พักหนึ่ง จึงนึกขึ้นได้และรีบสวดมนต์พร้อมกับพยายามนึกถึงหน้าพระ หลังจากนั้นนัทก็เริ่มขยับตัวได้และอาการแน่นหน้าอกก็หายไป นัทจึงพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา นัทบอกว่านัทไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไรแล้ว แต่มองออกไปที่หน้าต่างนัทเริ่มเห็นแสงรำไร นัทออกแรงสู้ครั้งสุดท้าย หลังจากที่ขยับตัวได้อีกครั้งนัทก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมงจนฟ้าเริ่มสว่าง นัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเวลาเป็นเวลาใกล้หกโมงแล้ว นัทล้มตัวลงครั้งสุดท้ายอย่างอ่อนแรงและในครั้งนี้ นิทราที่แท้จริงก็ได้มาเยือนเขาเสียที
ผมตื่นมาในตอนเช้าประมาณเก้าโมง อกกไปกินข้าวอาบน้ำแปรงฟันจนเวลาใกล้เที่ยงนัทก็ยังไม่ตื่น ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าเค้าไปโดนอะไรมาก็คิดแค่ว่าวันนี้ดูขี้เซาจัง ผมเลยเข้ามหาลัยไปก่อน แล้วนัทก็ตามไปอีกทีจึงรู้เรื่องทั้งหมด หลังจากนั้นมานัทก็ไม่เข้ามานอนห้องผมอีกเลย เค้าบอกถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างเค้าจะไม่นอนอีก ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกัน เลยไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมาเพิ่มเติม แต่ผมก็ขี้เกียจทำ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงพอทิ้งเวลามาช่วงสอบก็มาเยือนเราอีกที ผมกับนัทเลยคุยกันว่าหลังสอบเสร็จเราจะจัดการเรื่องนี้ให้จบด้วยกัน
ปล. เรื่องยังไม่จบ แต่ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบเข้ามาเล่าค่อว่าจะจบยังไง
เรื่องเล่าขนหัวลุก!! แชร์ประสบการณ์ วิญญาณกุมารทอง~
ขอเริ่มเลยละกันครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราวๆหนึ่งปีก่อนครับ ผมเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่มหาลัยปีสาม ผมมีความสนใจด้านพระเครื่องเป็นอย่างมาก และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
ช่วงแรกที่ผมเริ่มต้นมาให้ความสนใจกับพระเครื่อง ผมยังดูพระแยกเก๊แท้ไม่เป็น จึงไม่ค่อยมีความกล้าที่จะเช่าพระเดี่ยวๆสักเท่าไร ทำให้ในแต่ละครั้งที่ผมเช่ามา จะเช่ามาเป็นแบบเหมารวมๆกันไปหมด ได้ทั้งแท้มั่งเก๊มั่งปนๆกันไป จนมีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้เช่าพระล๊อตใหญ่ เหมามาทั้งหมดราวๆพันองค์เห็นจะได้ ครั้งนั้นผมทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น วันๆผมเอาแต่ส่องพระ จนผมพบกันกุมารทองอยู่องค์หนึ่ง ลักษณะเหมือนทำจากดินเผา ตัวผมเองก็ดูไม่เป็นหรอกครับตอนนั้นผมคิดว่าเก๊ชัวร์ เลยไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็โยนไปเก็บไว้ที่เดิม ต่อมาก็เจอกับชูชกองค์สีขาวออกเหลืองๆ อยู่ในกรอบแช่ด้วยน้ำมัน ผมเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรอีกเช่นเคยเลยเอาไปวางๆไว้รวมๆกัน
เนื่องจากผมพักอยู่ที่หอพักและที่บ้านผมเองก็ไม่สนับสนุนให้ผมซื้อขายพระเท่าไร ทำให้เวลาที่แม่มาเยี่ยมที่หอผมจะต้องเอาพระทั้งหมดไปฝากไว้ที่หอแฟนซึ่งอยู่ในซอยเดียวกัน และก็ลืมไว้ที่นั่นอีกนานเลยจนกระทั่งวันหนึ่งที่แฟนผมเค้าไปดูดวงมา และโดนหมอดูทักบางอย่างซึ่งทั้งประหลาดและตรงอย่างไม่น่าเชื่อ
หมอดูคนนี้เหมือนเป็นคนมีสัมผัสที่หก เค้าบอกแฟนผมว่าเค้ามองเห็นบางอย่างในห้องของแฟนผม บางอย่างที่มืดดำ เต็มไปด้วยควันสีดำเต็มไปหมด ที่ชัดสุดคือวิญญาณสองตน ตนหนึ่งเป็นเด็กไว้จุก อีกตนเป็นชายชรา แฟนผมฟังดังนั้นก็ตกใจเพราะตอนที่ผมเจอกุมารทองแฟนผมก็นั่งอยู่ด้วย ผมเคยหยิบให้เธอดู แล้วบอกว่า
"ดูสิ มีกุมารทองด้วย แต่ดูยังไงๆก็คงเก๊อยู่แล้วมั้ง 555"
ทำให้แฟนผมกลัวมากเลยเอาพระทั้งหมดกลับมาคืนผม ซึ่งผมเองก็เข้าใจดี คืนแรกที่รับรู้ผมยอมรับว่าผมกลัวมาก ผมสวดมนต์บทหลักๆแทบทุกบท(ผมเคยบวชมาก่อนตั้งแต่ตอนอายุเก้าขวบ แล้วก็บวชมาทั้งหมดสามครั้งแล้ว ทำให้สวดมนต์ค่อนข้างคล่อง) ใช้เวลาสวดแต่ละคืนราวๆ 15-20 นาที ต่อให้ง่วงแค่ไหนก็จะต้องสวดก่อนนอนทุกคืน และจะใส่พระติดตัวอยู่ตลอด
แต่การเรียนมหาลัยก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการสอบและติวหนังสือกับเพื่อนจนดึก ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เขามีชื่อเล่นเชื่อเดียวกันกับผม เราสนิทกันมาก และเพื่อนคนนี้ก็มีสัมผัสพิเศษด้วยเช่นกัน เพราะเค้าโดนผีอำแทบทุกวันจนหลังๆสามารถหลับได้ทั้งๆที่โดนอำอยู่(ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเค้าทำได้ไง เค้าบอกแค่ว่าขยับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหลับตาต่อไปเดี๋ยวก็หลับเอง) วันนั้นเราติวหนังสือกันจนดึกเค้าก็เลยขอนอนหอผม เค้าเตรียมที่นอนปิ๊กนิ๊กมากจากบ้านแล้วก็ปูนอนอยู่ข้างๆเตียงของผม ผมเองก็สวดมนต์เหมือนปกติ แต่ตัวของเพื่อนคนนี้ไม่ห้อยพระ แล้วก็สวดมนต์อรหังสัมมา(แบบกราบพระสามครั้งปกติ) ผมเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระของผมให้เค้าฟังหมดแล้ว ผมเลยถามเค้าว่า
"นัทไม่กลัวเหรอ" (เราชื่อ "นัท" เหมือนกันครับ)
"เราโดนจนชินละ 5555"
ส่วนเรื่องห้อยพระผมก็เคยถามเค้านะ เค้าก็บอกแค่ว่าไม่ชอบให้อะไรมาอยู่ที่คอ พระอะอยู่ที่ใจ (เค้าก็เคยบวชมาเหมือนกันครับ) ผมเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ พอเช้ามาผมก็ลุกขึ้นแปรงฟันอาบน้ำตามปกติ หลังจากสอบเสร็จวันนั้นนัทก็เรียกผมไปคุย แล้วก็บอกว่าเมื่อคืนโดนอำ แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเพิ่ม จนผ่านมาสักอาทิตย์นึงเค้าโดนอำหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากแค่ขยับตัวไม่ได้เป็นแน่นหน้าอกมากขึ้น จนเค้าเข้ามาคุยกับผมอย่างจริงจัง
"เมื่อคืนเราโดนอำอีกแล้ว น่าจะครั้งที่สามได้แล้วมั้ง แต่ทุกครั้งเราจะโดนหนักขึ้นตลอดเลย เดี๋ยววันนี้เรากลับไปนอนบ้านนะ" (ถึงเราจะสนิทกันมากแต่ผมกับนัทก็จะเรียกตัวเองว่าเรา แล้วก็เรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเล่นบางครั้งก็ชื่อจริง จนบางครั้งเพื่อนก็ล้อว่าคุยกันเหมือนในละครเลย)
"โห บ้านนัทอยู่ตั้งไกลกว่าจะมาถึงมหาลัยอีก คืนนี้คงอ่านกันดึกแหละ นอนไม่พอเดี๋ยวสอบไม่เต็มที่นะ เอางี้เดี๋ยวคืนนี้เรานำสวดมนต์เอง นัทก็มาสวดไปพร้อมๆกับเรานะ"
หลังจากที่ผมนำนัทสวดมนต์เค้าก็ไม่เคยโดยอำอีกเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันสอบวันสุดท้ายของพวกเรา แล้วนัทเองก็มีนัดไปกินเลี้ยงกับเพื่อนสมัยมัธยมที่สปริงแบรค ซึ่งถ้ากลับดึกแล้วใกล้สุดก็คงหอผม เค้าก็เลยขอผมนอนด้วยอีกคืนนึง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ทิ้งกุญแจไว้ให้
คืนนั้นนัทกลับมาประมาณตีหนึ่งเกือบๆตีสอง นัทพูดไรกับผมๆก็จำไม่ได้ผมรู้สึกแค่ว่าผมเห็นนัทแล้วผมก็พูดไรกับเค้าก็ไม่รู้แล้วผมก็หลับไป(ตอนเช้าเค้ายังแซวอยู่เลยว่าผมละเมอ หึๆ) นัทเป็นคนที่อาบน้ำนาน กว่านัทจะได้นอนก็ราวๆตีสองครึ่งเห็นจะได้ และคืนนั้นผมก็ไม่ได้นำนัทสวดมนต์.....
นัทบอกผมในตอนเช้าว่า ขณะที่เค้ากำลังหลับเค้าได้ยินเสียงวิ้งๆอยู่ที่หอตลอด เค้าบอกว่าเค้าพยายามเอาหมอนมาอุดหอก็ไม่ได้ช่วยอะไร เสียงนั้นมันดังอยู่ข้างใน นัทพยายามสงบสติรวบรวมสมาธิเท่าที่จะทำได้ ทำเป็นไม่เป็นใจและนัทก็กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา(ซึ่งเค้าก็ทำได้จริงๆ ผมว่าเค้าโคตรเก่งเลย) เสียงที่มีอยู่ก็หายไป ปรากฏเป็นอาการอำขยับตัวไม่ได้แทน นัทพยายามลืมตาและจะหันไปมองซ้ายมองขวา แต่นัทก็ขยับหัวไม่ได้(เค้าบอกว่าเค้าพยายามฝืนออกแรงเต็มที่ ก็ได้แค่เอี้ยวคอเล็กๆเท่านั้น) นัทพยายามมองหาต้นตอของสิ่งลึกลับที่เกิดขึ้น นัทบอกนัทมองไม่เห็น แต่กองพระที่อยู่ด้านของผมอีกข้างหนึ่งนัทบอกว่ามันดูมืดกว่าที่อื่น แล้วนัทก็เห็นเงาดำแวบๆ แต่นัทเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยบอกว่าเงาส่วนนั้นนัทอาจจะคิดไปเอง
นัทเคยเล่าให้ผมฟังว่าอาการอำบางทีมันอาจจะไม่ใช่ผีก็ได้ เค้าเป็นคนที่ชอบคิดแบบนั้นเลยไม่ค่อยกลัวอะไร เค้าบอกว่ามีหลายครั้งที่เวลาเค้าถูกอำขยับตัวไม่ได้ เค้าจะฝืนขยับตัวอย่างแรงจนสามารถหลุดออกมาได้ในที่สุด แต่ถ้าลืมตาแล้วครั้งไหนที่เห็ยว่ามาเป็นตนๆเลย จะเอาไม่ออก
กลับที่ห้องผมอีกที หลังจากนัทมองไปทางไหนก็ไม่เห็นขยับตัวก็ไม่ได้เค้าเลยใช้ท่าไม้ตายสุดท้าย คือปิดตาเลย หลับมันไปทั้งอย่างงั้นแหละ เค้าทำมาตลอดแล้วก็ได้ผลดีทุกครั้ง แต่กลับไม่ใช่กับครั้งนี้
ในขณะที่นัทหลับตาลงและกำลังที่จะหลับอยู่นั้น เสียงวิ้งในหูก็ดังขึ้น มันดังมากกว่าแต่ก่อน และครั้งนี้มีบางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย นัทรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรก เหมือนโดนบางอย่างกดทับ เค้าบอกผมว่าเค้าหายใจติดขัดมาก เวลาหายใจเข้าออกก็ไม่สุดเพราะมีอะไรมากดที่หน้าอก นัททรมานอยู่พักหนึ่ง จึงนึกขึ้นได้และรีบสวดมนต์พร้อมกับพยายามนึกถึงหน้าพระ หลังจากนั้นนัทก็เริ่มขยับตัวได้และอาการแน่นหน้าอกก็หายไป นัทจึงพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา นัทบอกว่านัทไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไรแล้ว แต่มองออกไปที่หน้าต่างนัทเริ่มเห็นแสงรำไร นัทออกแรงสู้ครั้งสุดท้าย หลังจากที่ขยับตัวได้อีกครั้งนัทก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมงจนฟ้าเริ่มสว่าง นัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเวลาเป็นเวลาใกล้หกโมงแล้ว นัทล้มตัวลงครั้งสุดท้ายอย่างอ่อนแรงและในครั้งนี้ นิทราที่แท้จริงก็ได้มาเยือนเขาเสียที
ผมตื่นมาในตอนเช้าประมาณเก้าโมง อกกไปกินข้าวอาบน้ำแปรงฟันจนเวลาใกล้เที่ยงนัทก็ยังไม่ตื่น ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าเค้าไปโดนอะไรมาก็คิดแค่ว่าวันนี้ดูขี้เซาจัง ผมเลยเข้ามหาลัยไปก่อน แล้วนัทก็ตามไปอีกทีจึงรู้เรื่องทั้งหมด หลังจากนั้นมานัทก็ไม่เข้ามานอนห้องผมอีกเลย เค้าบอกถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างเค้าจะไม่นอนอีก ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกัน เลยไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมาเพิ่มเติม แต่ผมก็ขี้เกียจทำ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงพอทิ้งเวลามาช่วงสอบก็มาเยือนเราอีกที ผมกับนัทเลยคุยกันว่าหลังสอบเสร็จเราจะจัดการเรื่องนี้ให้จบด้วยกัน
ปล. เรื่องยังไม่จบ แต่ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบเข้ามาเล่าค่อว่าจะจบยังไง