ลุยหนาวเดี่ยว เที่ยวเวียงจันทน์ - หนองคาย 2 วัน 1 คืน ไปกับรถไฟฟรี (22-24 ธันวาคม 2014 - งบพันกว่าบาท)

ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้เปิดเทอมตาม AEC ในปีนี้ครับ ทำให้ผมเพิ่งเรียนจบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  ได้เวลาว่างๆก็เลยคิดแพลนเที่ยวพักตัวพักใจสักพัก เลยเปิดรีวิวเก่าๆที่ผ่านๆมาในพันทิพเห็น รีวิวเที่ยวลาว ผมไม่เคยไปมาก่อน แถมใกล้ๆไทยเรานี่เอง  เลยแบคแพคเที่ยวเดี่ยวครั้งแรกเลย ยังไงก็ขอมาแชร์ประสบการณ์สักหน่อยครับ

เริ่มต้นด้วยการ search หาที่เที่ยวในเวียงจันทน์ - หนองคาย แล้วร่างแผนที่เที่ยวคร่าวๆใน google map
https://www.google.com/maps/d/edit?mid=zcxiFp6ePWJ4.kJTg3czVJ90s

ตอนเช้าวันอาทิตย์ไปจองตั๋วรถไฟฟรี ขบวน 133 กรุงเทพ - หนองคาย  ที่หัวลำโพง  ใช้บัตรประชาชนใบเดียว  พอได้แล้วก็ขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง รถออกเวลา 20.45 น.


      บรรยากาศบนรถไฟวันอาทิตย์หนาแน่นไปด้วยผู้คน แต่มีที่ให้เรานั่งตามเลขที่ตั๋วแน่นอนครับ  เพราะนายตั๋วจะคอยมาเดินดูให้นั่งให้ตรงที่   ขาไปมีพี่ใจดีนั่งข้างๆ คุยกันถูกคอ แถมแบ่งขนมให้กิน มิตรภาพเกิดได้บนรถไฟฟรีจริงๆ  แต่เอาจริงๆมันก็เหมือนเสี่ยงดวงนะ เพราะคนเดินทางมากหน้าหลายตา ที่นั่งด้านหลังคอยส่งเสียงโวยวายตลอดทาง  มีพี่คนหนึ่งเป็นคนข้างถนนขึ้นรถไฟมา พี่แกไม่มีบัตรประชาชนแถมยังไปนั่งที่คนอื่นอีก  พนักงานมาไล่ก็ไม่ไปสุดท้ายก็ต้องปล่อยแกนั่งส่งเสียงโหวกเหวกต่อไป

     ขาไปหนาวมากๆเลย ผมใส่รองเท้าแตะไปคู่เดียว เย็นเท้าสุดๆครับ นอนหลับๆตื่นๆ แนะนำไปรถไฟฟรีหน้าหนาวเอาถุงนอน  ใส่ถุงเท้ากับรองเท้าผ้าใบจะดีที่สุด  คราวหน้าจะไม่ใส่แตะขึ้นรถไฟหน้าหนาวอีกแล้ว

      บรรยากาศระหว่างทาง  รถไฟแล่นมาเรื่อยๆจนเช้า  แล้วก็จอดที่อุดรธานี

      หลังจากอุดรธานี  เจ้าหน้าที่ก็จะมาเดินตรวจบัตรประชาชน รถโล่งในพริบตา คนลงไปเกือบหมดแล้ว

      รถแล่นมาเรื่อยๆประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงหนองคาย  วันนี้รถไฟเรทประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงประมาณสิบโมงครับ

      เสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นรถ ตรงนั้นจะมีรถตุ๊กๆกับสองแถว  เนื่องจากไม่มีพาสปอต ตอนแรกผมว่าจะไปทำบัตรผ่านแดนที่ศูนย์ OTOP ตามที่อ่านรีวิวมา แต่พอคุยกับพี่คนขับสองแถว เขาบอกว่าเสียค่ารถย้อนไปย้อนกลับไม่ต่างกัน  สุดท้ายเลยนั่งสองแถวไปด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วไปทำบัตรผ่านแดนเอาข้างหน้า  
     - ค่ารถไปด่านข้ามแดน  20 บาท  

      ไปทำบัตรผ่านแดนที่ร้านแถวๆนั้น รอ 20 นาที  ระหว่างรอก็แวะไปกินข้าวร้านอาหารแถวๆนั้นข้างเซเว่น  
เมื่อได้บัตรผ่านแดนแล้วก็เดินเข้าด่านไปที่ช่องบัตรผ่านแดนเลย  ยื่นบัตรผ่านแดนให้เคาน์เตอร์ปั๊มตรา แต่ถ้าใช้     พาสปอตร์ ต้องเดินเข้าอีกช่องหนึ่งข้างๆ  เสร็จแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วข้ามสะพานมิตรภาพ
     -  อาหารเช้า  35 บาท
     - ค่าทำบัตรผ่านแดน 100 บาท
     - ค่ารถข้ามสะพานมิตรภาพ ราคา 15 บาท

      รถออกแล้วครับ ข้ามไปแดนลาวโลด.....

      โฆษณาซัมซุง  ณ แดนลาว

      ถึงฝั่งแดนลาวก็ไปซื้อ one-way ticket  แล้วก็ถ่ายเอกสารที่นั่นอีก 5 บาท  ก่อนไปต่อคิวเพื่อประทับตราผ่านแดนลาวที่ด่านต่อไป
    - One-way ticket  ราคา  50 บาท

      พ้นจากเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองแล้วก็  เดินไปสอดบัตร one-way ticket ออกไปแอ่วลาวได้เสียที

      พอออกจากด่านลาวแล้วผมก็ไปแลกเงิน  จะเห็นธนาคารพงสะหวันตรงทางออกเลยครับแต่ว่าคนเยอะมาก  เลยเดินข้ามฝั่งทางขวาไปหน่อยก็จะเจอธนาคารอีกสองแห่ง คือ ธนาคารต่างประเทศลาว  กับ ธนาคารลาวเวียดนาม เลยไปแลกเงินตรงนั้นครับ วันนี้อัตราแลกเปลี่ยน  1 บาท เท่ากับ 248 กีบ ผมแลกมาหนึ่งพันบาท คำนวณหัวปั่นเลยครับ ยังดีพกเครื่องคิดเลขไปด้วย

      แลกเงินเสร็จก็ถามพนักงานแบงค์ครับ ว่าไปเวียงจันทน์อย่างไรถูกที่สุด พนักงานบอกให้เดินออกจากธนาคารทางขวามารอขึ้นรถบัสที่ป้ายครับ  ผมเลยขึ้นบัสลาวเดินทางเข้าเวียงจันทน์  
     - ค่ารถเข้าเวียงจันทน์ 6000 กีบ (25 บาท)

      รถบัสที่ลาวเขาขับดีมากๆเลยจอดให้คนลงเสร็จก่อนจึงค่อยๆแล่น ต่อให้คนแก่เดินลงช้าแค่ไหนเขาก็ไม่กระโชกโฮกฮากครับ ต่างกับไทยโดยสิ้นเชิง   รถแล่นมาเรื่อยๆในที่สุดก็มาลงที่ บขส. ติดกับ บขส. มีตลาด Khau Din ส่วนถ้าข้ามถนนไปจะเป็นตลาดเช้า  พอลงจาก บขส. ก็จะมีบรรดาคนขับสกายแลป (รถตุ้กๆ) มาถามครับ ของผมตอบปฎิเสธไปแล้วก็ไปเดินหาที่พักก่อน  ระหว่างทางก็แวะตลาดเช้าเสียหน่อย  

      ในตลาดเช้าจะมีอยู่สองส่วน คือส่วนที่เป็น Shopping  Mall  กับส่วนที่เป็นตลาดเก่าอยู่ข้างๆกัน  ของขายใน Shopping Mall ชั้นแรกก็จะเป็นพวกมือถือ ส่วนชั้นสองก็จะเป็นพวกทอง   ให้อารมณ์คล้ายๆกับมาบุญครองบ้านเรา   ส่วนในตลาดเก่าก็จะเป็นพวกของใช้ทั่วไป  ชั้นสองเป็นขายทองกะพวกพลอยเหมือนกัน

      ออกมาจากตลาดเช้าก็เดินไปตามถนน Khou Veng  ถ้าเดินข้ามถนนมาจากตลาดเช้าจะเจอบรรดาหมอดูลาวข้างถนน  เผื่อใครอยากไปดูดวง แม่นไม่แม่นไม่รู้เหมือนกัน   เสร็จแล้วก็เลี้ยวเข้าถนน Lane Xang  จะไปดูพระธาตุดำ

      เดินมาเจอธนาคารไทยพาณิชย์แห่งนครหลวงเวียงจันทน์ครับ  เดินเข้าไปชมเสียหน่อย บรรยากาศเหมือนบ้านเราเลย ผมเดินเข้าไปในธนาคารถามพนักงานหา ATM กดเงิน  พนักงานบอก "บ่อมี atm บ่อได้เชื่อมกับไทย"

      ออกมาหน่อยเข้าซอยถัดจากธนาคารจะเห็นสถานฑูตอเมริกา กับพระธาตุดำครับ
ประวัติพระธาตุดำ

Cr. ศ. ดร. ศักดิ์ชาย สายสิงห์


      ข้างๆธาตุดำมีบ้านร้าง ไม่รู้ว่าอดีตเป็นอย่างไร เดินเข้าไปได้ แต่บรรยากาศชวนขนลุกมากๆเลย

      เดินต่อมาเรื่อยๆจนมาถึง Joma bekery ร้านนี้เขาบอกว่าใครมาเที่ยวก็ต้องมาลอง แต่ผมไม่ได้เข้าไปกินครับ  เบี้ยน้อยหอยน้อยใช้สอยประหยัด

      ในที่สุดก็เดินมาถึงที่พัก ผมพักที่ Funky monkey hotel เพราะดูมาจากรีวิวเก่าๆที่มีคนเคยรีวิวไว้ครับ  เป็นเกสเฮ้าส์ราคาไม่แพง  มาคนเดียวก็นอนเตียงรวมคืนละ 160 บาท รวมอาหารเช้าด้วยครับ ที่พักถูกๆลองหาดูใน agoda ก็ได้ครับ ไปถึงที่ราคาจริงอาจถูกกว่าจองไปอีก  
     - ค่าที่พัก 160 บาท

      ที่ดูๆไว้มี Niny hotel กับเวียงจันทน์ แบคแพคเกอร์ที่อยู่ซอยถัดไปด้วยครับ แต่สุดท้ายก็เลือกที่  Funky monkey hotel

      ถึงที่พักเก็บของอะไรเสร็จก็ประมาณเกือบบ่ายสองแล้วครับ  ตอนแรกว่าจะไปไหว้พระวัดสีสะเกดกับหอพระแก้วก่อน  แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเช่าจักรยานจากเกสต์เฮ้าส์ปั่นไปประตูชัย  กับพระธาตุหลวงแทน  แล้วถ้าทันค่อยไปวัดสีสะเกด
      - ค่าเช่าจักรยาน 40 บาท  (คืนก่อน 3 ทุ่ม แต่ถ้าพักที่เกสเฮ้าส์ก็คืนเลทได้)  
ปล. สภาพจักยานไม่ค่ยดีเท่าไรนะครับ เพิ่งเห็นจักรยานใหม่ๆที่เวียงจันทน์แบคแพคเกอร์ซอยข้างๆ แต่เช่าแล้วนิ

      ลืมบอกไปในเกสเฮ้าส์มีแต่ฝรั่งพัก ส่วนพนักงานก็พูดลาวไม่ค่อยได้ถามที่เที่ยวก็จะไม่รู้ แต่เจ้าของเป็นครอบครัวคนลาวจะฟังเรารู้เรื่องหน่อย ถ้าดึกๆหรือเช้าๆเจ้าของไม่อยู่ก็ต้องฝึกภาษากัน  สำหรับผม สกิลอังกฤษงูปลาๆก็คุยกับฝรั่งผิดๆถูกๆ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็งงๆบ้างครับ ยิ้ม
      ปั่นไปตามถนนล้านช้าก็จะเห็นประตูชัยอยู่ลิบๆ แล้วก็ปั่นเลยประตูชัยไปถึงพระธาตุหลวง  ที่ลาวเขาขับรถใจดีครับ ส่วนมากจะให้ทางจักรยานปั่นแล้วรู้สึกว่าปลอดภัยกว่ากรุงเทพมากโข  แต่เลนถนนเป็นเลนขวาอาจงงๆบ้างว่าจะชิดข้างไหนดี  ปั่นไปเรื่อยๆก็ถึงพระธาตุหลวงตัดเข้าลานจอดรถมาจอดจักรยานหน้าพระธาตุเลยครับ  
     - ค่าเข้าพระธาตุหลวง 5000 กีบ (20 บาท)

       พระธาตุหลวงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศลาว มีประวัติดังนี้
"พระธาตุหลวงสูงเสียดฟ้า ยืนเด่นตระหง่านสง่างามกลางนครหลวงอาณาจักรล้านช้าง มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาช้านานว่า สร้างขึ้นราวพุทธศักราช 236 เมื่อครั้งพระภิกษุลาว 5 รูป ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธองค์ สัญจรจากอินเดียกลับสู่นครเวียงจันทน์ และได้กราบทูลพระยาจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้านครเวียงจันทน์ในช่วงเวลานั้นให้สร้างพระธาตุขึ้นไว้เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ "

     ไหว้พระธาตุหลวงเสร็จแล้วก็ออกไปไหว้พระวัดเหนือและวัดใต้ ซึ่งเป็นวัดบริวารของพระธาตุหลวงต่อครับ
วัดใต้จะมีพระนอน

     วัดเหนือ

     หลังจากไหว้พระเสร็จก็ปั่นจักรยานไปประตูชัยต่อเลย  ปั่นออกไปตามถนนก็ถึงด้านหลังประตูชัย มีฆ้องสันติภาพกับลานน้ำพุ

     ตอนมาถึงประตูชัยประมานบ่ายสามครึ่ง ทั้งเหนื่อยทั้งหิวมากเลยครับ เพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย แต่แถวนั้นก็ไม่มีร้านอาหาร มีแต่มินิมาทเล็กๆตรงที่จอดรถ เลยพักดื่มเป็ปซี่สักพัก  
     - เป็ปซี่  6000 กีบ (25 บาท)

     เริ่มมีแรงขึ้นมานิดนึงแล้ว ไปประตูชัยดีกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่