จากกรณีที่เสี่ยตันนักธุรกิจชื่อดังนำเกลือบริสุทธิประดับตกแต่งสถานที่ให้เปรียบเสมือนดินแดนหิมะ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปให้ดูราวเหมือนกับว่าอยู่เมืองนอกในเทศกาลคริสมาสยาวไปจนถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่
ก็นับว่าเป็นกลยุทธทางการตลาดที่สร้างความฮือฮาพอสมควรทั้งที่ชมและด่า
ในส่วนตัวคิดว่าหากพูดถึงเทศกาลศริสมาส เชื่อว่าทุกคนก็คงจะนึกถึงต้นคริสมาสคู่กับหิมะสีขาวเป็นแน่แท้
เพราะเรามักจะเห็นทั้งสองสิ่งนี้อยู่คู่กันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสมาส ไม่ว่าจะเป็นในภาพยนต์ หนังสือนิทานที่เราอ่านตอนเด็กๆ
ตัวจขกท.เอง จำได้ว่าหากพูดถึงเทศกาลคริสมาสก็จะนึกถึงหนังเรื่องนึงที่ชอบมากสมัยเป็นเด็ก
หนังเรื่องที่ว่านี้คือ HOME ALONE ปี 1990
จขกท.เชื่อว่าตอนนี้ใครอายุมีเลข3แล้ว คงต้องเคยดูหนังเรื่องนี้แทบทุกคน
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวช่วงเทศกาลคริสมาส เพราะครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันและลืมเขาเอาไว้ที่บ้าน
(สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู อยากให้ไปดู รับรองว่าสนุกมากๆ)
หนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้จขกท.ฝังใจว่า คริสมาสต้องมีหิมะ
และตอนนั้นที่เป็นเด็กก็คิดว่าเมืองไทยช่างโชคร้ายที่คริสมาสไม่มีหิมะ ไม่เหมือนกับต่างประเทศที่หิมะจะตกตอนเทศกาลคริสมาส
แต่พอโตขึ้นมา เหมือกับความฝันวัยเด็กมันโดนอะไรบางอย่างทุบทำลาย เพราะความจริงที่ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ถึงจะเป้นประเทศอย่างอเมริกาก็เถอะ ไม่ได้มีหิมะในวันคริสมาสอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด
นี่คือแผนที่ประเทศอเมริกา ในแผนที่จะเห็นเปอร์ซ็นที่หิมะจะตกในวันคริสมาส
จะเห็นได้ว่าแม้แต่อเมริกาเองหิมะก็จะตกแค่ในแถบ New England ที่ติดกับประเทศแคนาดาและแถบ Mid West รอบๆแนวทะเลสาปสุพีเรีย
และพื้นที่นึงก็คือช่วง Mountain หรือรัฐที่เป็นภูเขาสูง
ภาพลักษณ์ว่าคริสมาสต้องมีหิมะ ซานตาครอส ทุกวันนี้ถูกใช้ไปในการตลาดซะมากกว่า ใช้เพื่อขายสินค้า ประดับหน้าร้าน
ความหมายที่เกียวพันกับทางศาสนาคริสต์มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรแล้วในปัจจุบันนี้
และความฝันในวัยเด็กของผมที่คิดว่าในโลกนี้ผู้คนฉลองคริสมาสในวันที่มีหิมะตกเหมือนในหนังเรื่อง Home Alone ก็เลือนหายไปแล้ว เมื่อรู้ว่าคนออสเตรเลียฉลองคริสมาสในหน้าร้อนที่ริมชายหาด
หวังว่าท่านคงจะได้รับอะไรบ้างในการอ่านกระทู้นี้ของผม
ขอบคุณครับ
ปล. หนังเรื่อง Home Alone ถ่ายทำกันที่รัฐ Illinois เป็นรัฐในแถบ Mid West ของอเมริกา
พื้นที่ที่มีหิมะตกในวันคริสมาส
ก็นับว่าเป็นกลยุทธทางการตลาดที่สร้างความฮือฮาพอสมควรทั้งที่ชมและด่า
ในส่วนตัวคิดว่าหากพูดถึงเทศกาลศริสมาส เชื่อว่าทุกคนก็คงจะนึกถึงต้นคริสมาสคู่กับหิมะสีขาวเป็นแน่แท้
เพราะเรามักจะเห็นทั้งสองสิ่งนี้อยู่คู่กันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสมาส ไม่ว่าจะเป็นในภาพยนต์ หนังสือนิทานที่เราอ่านตอนเด็กๆ
ตัวจขกท.เอง จำได้ว่าหากพูดถึงเทศกาลคริสมาสก็จะนึกถึงหนังเรื่องนึงที่ชอบมากสมัยเป็นเด็ก
หนังเรื่องที่ว่านี้คือ HOME ALONE ปี 1990
จขกท.เชื่อว่าตอนนี้ใครอายุมีเลข3แล้ว คงต้องเคยดูหนังเรื่องนี้แทบทุกคน
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวช่วงเทศกาลคริสมาส เพราะครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันและลืมเขาเอาไว้ที่บ้าน
(สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู อยากให้ไปดู รับรองว่าสนุกมากๆ)
หนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้จขกท.ฝังใจว่า คริสมาสต้องมีหิมะ
และตอนนั้นที่เป็นเด็กก็คิดว่าเมืองไทยช่างโชคร้ายที่คริสมาสไม่มีหิมะ ไม่เหมือนกับต่างประเทศที่หิมะจะตกตอนเทศกาลคริสมาส
แต่พอโตขึ้นมา เหมือกับความฝันวัยเด็กมันโดนอะไรบางอย่างทุบทำลาย เพราะความจริงที่ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ถึงจะเป้นประเทศอย่างอเมริกาก็เถอะ ไม่ได้มีหิมะในวันคริสมาสอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด
นี่คือแผนที่ประเทศอเมริกา ในแผนที่จะเห็นเปอร์ซ็นที่หิมะจะตกในวันคริสมาส
จะเห็นได้ว่าแม้แต่อเมริกาเองหิมะก็จะตกแค่ในแถบ New England ที่ติดกับประเทศแคนาดาและแถบ Mid West รอบๆแนวทะเลสาปสุพีเรีย
และพื้นที่นึงก็คือช่วง Mountain หรือรัฐที่เป็นภูเขาสูง
ภาพลักษณ์ว่าคริสมาสต้องมีหิมะ ซานตาครอส ทุกวันนี้ถูกใช้ไปในการตลาดซะมากกว่า ใช้เพื่อขายสินค้า ประดับหน้าร้าน
ความหมายที่เกียวพันกับทางศาสนาคริสต์มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรแล้วในปัจจุบันนี้
และความฝันในวัยเด็กของผมที่คิดว่าในโลกนี้ผู้คนฉลองคริสมาสในวันที่มีหิมะตกเหมือนในหนังเรื่อง Home Alone ก็เลือนหายไปแล้ว เมื่อรู้ว่าคนออสเตรเลียฉลองคริสมาสในหน้าร้อนที่ริมชายหาด
หวังว่าท่านคงจะได้รับอะไรบ้างในการอ่านกระทู้นี้ของผม
ขอบคุณครับ
ปล. หนังเรื่อง Home Alone ถ่ายทำกันที่รัฐ Illinois เป็นรัฐในแถบ Mid West ของอเมริกา