สวัสดีครับ
ออกตัวก่อนเลยว่า ความคิดเห็นในกระทู้นี้เกิดจากการตีความของผมเองนะครับ ผู้สร้างอาจจะไม่ได้คิดไว้แบบนี้เลยก็เป็นได้
แต่ในฐานะที่เป็นคนชอบคิดและตกผลึกความคิดจากหนัง เลยอยากลองแชร์ให้ได้ลองคิดกันเล่นๆนะครับ
หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เกริ่นนำ ที่มาของการเขียนบทความนี้นะครับ
เริ่มจากที่ผมได้ดูภาพยนต์เรื่อง ไอฟายฯ ตั้งแต่หนังเข้าใหม่ๆได้ไม่กี่วัน สิ่งหนึ่งที่ติดใจผมหลังจากหนังจบ
คือคำพูดของพระเอกตอนท้ายเรื่องว่า “ผมไม่ได้รักเค้าหรอก ผมแค่อยากทำให้ดีที่สุดกับผู้หญิงสักคน แล้วมันเป็นเค้าที่อยู่ตรงนั้น.”
ผมเดินออกจากโรงหนังโดยมีบทพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัว สลับกับทำนองของเพลง Walk you home ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเพลงชื่ออะไร
ณ ขณะนั้นผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุการณ์แบบนั้น เคยเกิดขึ้นกับเราหรือเปล่า?
เราเอง ก็เคยพยายามทำทุกๆอย่างให้ดีที่สุด เพื่อความสัมพันธ์ตรงหน้า
และ พยายามจะรักษามันไว้จนวินาทีสุดท้าย โดยเราบอกว่าสิ่งนั้นคือความรัก.
หลังจากวันนั้นผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ผมได้มีโอกาสได้เจอกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
และ เรานั่งคุยแลกเปลี่ยนกัน เกี่ยวกับเรื่องราวของความรักและความสัมพันธ์ เธอพูดกับผมคำหนึ่งว่า
“ในที่สุดแล้ว สิ่งต่างๆที่เรากระทำกับความรัก ล้วนเกิดจากแรงผลักดันที่จะทำ หรือปรุงแต่งขึ้นมา เพื่อความสบายใจของตัวเราเอง”
เราคุยกันต่อไปว่าเมื่อถึงในวัยที่เติบโตขึ้นมา หรือหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย 2-3ปี ขึ้นไป เราหลายๆคนก็พบว่า การจะมีความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเมื่อยังวัยรุ่นอีกแล้ว เมื่อออกมาเผชิญโลกของความเป็นผู้ใหญ่ เราต่างมีหลายเรื่องที่ต้องคิด ต้องทำ
และ ต้องจัดการ ภาระที่แบกเอาไว้ หรือ การไม่ได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ รู้ตัวอีกที บริบทรอบๆตัวเรา มันก็เพิ่มจำนวนกว่าเมื่อครั้งยังเยาว์วัยมากมายนัก การจะมีคนรักหรือคู่รัก กลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากเลยทีเดียว จึงทำให้หลายๆคน เลือกที่จะอยู่คนเดียว ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป มีกำแพงล้อมรอบตัวเอง, มีความสุขดีอยู่แล้ว, หรือกระทั่งเข็ดขยาดกับความรัก, ฯลฯ
แล้วกับความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่แล้วล่ะ เมื่อถึงวันหนึ่ง ที่มันไม่อาจดำเนินต่อไปด้วยดีได้แล้ว มันเกิดอะไรขึ้น?
เพื่อสนิทของผมทิ้งท้ายไว้ว่า แฟนเก่าของเธอ ที่ยังเลิกกันแบบไม่ได้ขาดจากกันเสียทีเดียว น่าจะมีความคิดไม่ต่างจากนายช่างยิม ในตอนแรกของหนัง คือการ “พยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อรักษาความสัมพันธ์นั้นเอาไว้”
และนั่นทำให้ผมคิดต่อไปยังประเด็นอื่นๆที่หนังได้นำเสนอ ผ่านเปลือกที่เคลือบไว้ด้วยความสนุกและตลก ลงไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆที่สื่อสารถึงเรื่องราวของความรักและความสัมพันธ์ จากหนังเรื่องนี้ “I fine thank you love you”
[SPOIL] - I fine thank you love you : มองลึกลงไปภายใต้ความตลก กับปรัชญาความรักความสัมพันธ์ที่แฝงอยู่
ออกตัวก่อนเลยว่า ความคิดเห็นในกระทู้นี้เกิดจากการตีความของผมเองนะครับ ผู้สร้างอาจจะไม่ได้คิดไว้แบบนี้เลยก็เป็นได้
แต่ในฐานะที่เป็นคนชอบคิดและตกผลึกความคิดจากหนัง เลยอยากลองแชร์ให้ได้ลองคิดกันเล่นๆนะครับ
หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เกริ่นนำ ที่มาของการเขียนบทความนี้นะครับ
เริ่มจากที่ผมได้ดูภาพยนต์เรื่อง ไอฟายฯ ตั้งแต่หนังเข้าใหม่ๆได้ไม่กี่วัน สิ่งหนึ่งที่ติดใจผมหลังจากหนังจบ
คือคำพูดของพระเอกตอนท้ายเรื่องว่า “ผมไม่ได้รักเค้าหรอก ผมแค่อยากทำให้ดีที่สุดกับผู้หญิงสักคน แล้วมันเป็นเค้าที่อยู่ตรงนั้น.”
ผมเดินออกจากโรงหนังโดยมีบทพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัว สลับกับทำนองของเพลง Walk you home ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเพลงชื่ออะไร
ณ ขณะนั้นผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุการณ์แบบนั้น เคยเกิดขึ้นกับเราหรือเปล่า?
เราเอง ก็เคยพยายามทำทุกๆอย่างให้ดีที่สุด เพื่อความสัมพันธ์ตรงหน้า
และ พยายามจะรักษามันไว้จนวินาทีสุดท้าย โดยเราบอกว่าสิ่งนั้นคือความรัก.
หลังจากวันนั้นผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ผมได้มีโอกาสได้เจอกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
และ เรานั่งคุยแลกเปลี่ยนกัน เกี่ยวกับเรื่องราวของความรักและความสัมพันธ์ เธอพูดกับผมคำหนึ่งว่า
“ในที่สุดแล้ว สิ่งต่างๆที่เรากระทำกับความรัก ล้วนเกิดจากแรงผลักดันที่จะทำ หรือปรุงแต่งขึ้นมา เพื่อความสบายใจของตัวเราเอง”
เราคุยกันต่อไปว่าเมื่อถึงในวัยที่เติบโตขึ้นมา หรือหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย 2-3ปี ขึ้นไป เราหลายๆคนก็พบว่า การจะมีความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเมื่อยังวัยรุ่นอีกแล้ว เมื่อออกมาเผชิญโลกของความเป็นผู้ใหญ่ เราต่างมีหลายเรื่องที่ต้องคิด ต้องทำ
และ ต้องจัดการ ภาระที่แบกเอาไว้ หรือ การไม่ได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ รู้ตัวอีกที บริบทรอบๆตัวเรา มันก็เพิ่มจำนวนกว่าเมื่อครั้งยังเยาว์วัยมากมายนัก การจะมีคนรักหรือคู่รัก กลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากเลยทีเดียว จึงทำให้หลายๆคน เลือกที่จะอยู่คนเดียว ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป มีกำแพงล้อมรอบตัวเอง, มีความสุขดีอยู่แล้ว, หรือกระทั่งเข็ดขยาดกับความรัก, ฯลฯ
แล้วกับความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่แล้วล่ะ เมื่อถึงวันหนึ่ง ที่มันไม่อาจดำเนินต่อไปด้วยดีได้แล้ว มันเกิดอะไรขึ้น?
เพื่อสนิทของผมทิ้งท้ายไว้ว่า แฟนเก่าของเธอ ที่ยังเลิกกันแบบไม่ได้ขาดจากกันเสียทีเดียว น่าจะมีความคิดไม่ต่างจากนายช่างยิม ในตอนแรกของหนัง คือการ “พยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อรักษาความสัมพันธ์นั้นเอาไว้”
และนั่นทำให้ผมคิดต่อไปยังประเด็นอื่นๆที่หนังได้นำเสนอ ผ่านเปลือกที่เคลือบไว้ด้วยความสนุกและตลก ลงไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆที่สื่อสารถึงเรื่องราวของความรักและความสัมพันธ์ จากหนังเรื่องนี้ “I fine thank you love you”