การพูดดิสเครดิตคนอื่น การนินทา การกล่าวโทษผู้อื่นในเรื่องที่ตนไม่เดือดร้อน แค่หมั่นไส้

เราโดนเหตุการณ์แบบนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มทำงานที่แรก จนตอนนี้งานปัจจุบันที่ที่สี่แล้วค่ะ
สิ่งที่เราเจอไม่รู้ เราทำเวรทำกรรมอะไรไว้... ถึงได้เจอการกล่าวโทษเรา ทั้งเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
เกินจริง ใส่สีตีไข่กันสุดฤทธิ์  !!!! แต่บอกไว้เลย เรื่องส่วนตัว และ เรื่องบุคคลิกก็ภาพของเราล้วนๆๆ ทั้งนั้นซึ่งมันไม่สร้างความเดือดน้อนให้ใครเลย
เเต่พูดดิสเครดิตให้เราเสียหาย.  เรารองสำรวจตัวเองน่ะ ว่าตั้งแต่เรียนหนึ่งสือมา เราเคยทำพฤติกรรมแบบนี้หรือเปล่า
แต่ไม่เลย เพราะเราไม่สนใจเรื่องส่วนตัวคนอื่น ใครรักใครชอบใคร อะไรยังไงไม่เคยรู้ แต่ที่รู้ก็ไม่บอกต่อ เรื่องการแต่งตัว เราก็ไม่วิจารย์เชิงดิสเครดิต
ใครเลย.  เราพยายามให้เครดิตตลอด.  สิ่งที่เราต้องเจอคือ. ดื่มเหล้า เราเคยดื่ม แต่แค่ลอง ไม่กี่ครั้งเอง  แต่คนกลับเอาเราไปพูด ราวกับว่า
เราเป็นนักเที่ยวางคนขี้เมา. คือเราไม่ชอบ เค้าพูดให้คนรังเกลียดเราให้คนมองเราต่ำ. เราไม่มีโอกาสได้พูดแก้ตัวอะไรเลยอ่ะ. คนมันฟังไปแล้ว
มองเราในแง่ลบไปแล้ว.  จริงๆเราเองไม่รังเกลียดคนกินเหล้าเมายาน่ะ เพราะเรามองว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะเมาเเค่ไหน เอาแค่ไม่ทำใครเดือดร้อนเป็นพอ
แต่ที่เราหงุดหงิด คือการพูดให้ร้ายเรานี้แหละ !!! เราไม่เคยว่าอะไรใคร.  เรื่องสอง การแต่งตัว. เราเองไม่เอนตี้การแต่งตัวโป๊ะ  ใครจะโป๊ะแค่ไหน เราก็ไม่
เคยว่าใคร ใครจะมีใครแต่งยั่วยวน เราว่ามันก็สิทของเค้า เราไม่เดือดร้อน เอาแค่ถูกกาละเทสะ.  แต่เราก็ยังซวย ใส่กระโปงสั้นหน่อย. แต่บอกเลยว่าถูกกระละเทสะ
ไม่ได้ไปวัด. ทำไมแค่ใส่กระโปงสั้น ต้องเมากระเจิง ว่า แรด!!  ว่าร่าน. !!!  แต่เราก็ไม่โต้ตอบ  เอาจริงๆน่ะ. ถ้าใครจะแรดร่าน ไม่ได้ระรานใคร.  มันต้องเอาไปพูดดิสเครดิตกันขนาดนั้นเลยเหรอ.  ปัจจุบัน เรา ทั้งไม่เตะเลย ทั้งเหล้าเบียร์. ไม่ได้รังเกลียดมันน่ะ.  ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ได้วัดว่าเราเป็นคนเลวอะไร. แต่ก็ไม่เตะเลย  เรามโนเอาเอง ว่าเราไม่กินมันอีก เราจะได้พูดได้เต็มปาก ว่าเราไม่กินเราใส่หน้าไอ้คนที่ชอบจับผิดคนอื่น.  กระโปงนี้ทิ้งไปเลยค่ะ.  ทุกวันนี้ ใส่กางเกงขายาวตลอด. คนพวกนี้จะได้มาว่าเราอีกไม่ได้
แต่ก็ยังไม่จบค่ะ.  มันหาเรื่องวิพากวิจารย์ ดิสเครดิต เราสารพัด. เรามีกรรมพันธุ์จมูกโด่งอยู่แล้วไม่ได้ศัลยกรรม.  คนเหล่านั้รก็เม้ามอยว่าเราทำจมูกอีก ทำเป็นพูดว่า
ดูเป็นดูออกว่าใครทำศัลยกรรม.  แบบนี้ทำเราเสียหายว่ะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เอนคตี้การทำศัลยกรรม แต่คนมอง มันก็ชอบของจริงมากกว่า ประเด็นคือ คนที่เราแอบชอบ
เค้าก็จะมองว่าเราสวยไม่จริงน่ะสิ. !!! มันไม่แฟร์เลยอ่ะ.  เรามีเพื่อนที่ทำจมูกมาหลายคน ถึงเราจะไม่ได้ทำ แต่เราเข้าใจดีว่า ก็ ไม่อยากให้ใครรู้  ดังนั้น เราจึง
ไม่เคยพูดให้ใครฟังเลยว่า. เพื่อนคนนั้นชื่อนั้นทำศัลยกรรมมา มันเหมือนดิสเครดิตเค้า แล้วยกตนว่าตัวเองดีกว่าที่ไม่ทำศัลยกรรม   แต่เราก็โดนจัดเต็มไปแล้วแหละ
ว่าทำมา ||~|| , ยังไม่จบเท่านั้นน่ะคะ  เราอยู่กับแม่และน้องอีกสองคน และตากะป้า.  แต่เราดันโดนเม้ามอย ว่า"มีผัวแล้ว อยู่กะผัว ที่รีบกลับบ้านทุกวันนี้ รีบกลับไปหาผัว"
||~|| เรารู้สึกไม่หงุดหงิดมาก.  คือเราไม่สนน่ะว่าใครจะว่าอะไร แต่ก็ประเด็นเดิมนั้นแหละ. ผู้ชายที่เราแอบชอบ.  เค้าได้ยินเรื่องแบบนี้ ถึงมันจะไม่จริงก็เถอะ. เค้าจะทันคิดมั๊ย
ว่าคนพวกนั้นพูดให้เราเสียหายในเรื่องไม่จริงอ่ะ . ถูกดิสความน่าเชื่อะืออีกแล้ว. จะแห้วมั๊ยเนี๊ยะ. ยังมีอีกสารพัดเรื่องค่ะ. ..., เอาแค่นี้ก่อน

เราเองไม่ใช่คนที่เลิศเลอเผอเผคอ่ะไร.  แต่เรื่องคำพูด เราให้ความสำคัญมาตลอด..... แม้คนที่ว่าเรา วิจารณ์เราในเรื่องส่วนตัวเราให้เสียหาย
กลับกัน เราเองถึงจะรู้เรื่องส่วนตัวของพวกเค้า  แต่เราก็ไม่เคยเอาไปพูดต่อเพื่อให้คนดูถูกดูแคลนหรือมองพวกเค้าต่ำต้อยเลย
และสิ่งที่เราทำ มันก็ไม่ได้น่ารังเกลียดอะไร. แต่พวกเค้ากลับใส่สีตีไข่ให้มันเป็นเรื่องผิดม๊ากกกกๆๆๆๆ แย่ม๊ากกกกๆๆๆๆๆ

ใช่อยู่ เราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ.  แต่เรามองว่าคนจะมองเราดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ปากของคนอื่นด้วย
บางคนอาจจะสวนกลับเราว่า.  ถ้าดีจริงก็ไม่ต้องกลัว ที่เค้าวิพากวิจารณ์. !!! เรามองว่า คนที่ให้เห็นผลแบบนี้
เหมือนผลักความรับผิดชอบในคำพูดที่ได้ทำร้ายผู้อื่นไปแล้ว  แทนที่จะย้อนกลับมองตัวเองว่า
ตัวเองหรือเปล่าที่มีใจประทุสะร้าย อยากให้เค้าล่มจมยิ้ม. เลยพูดดิสเครดิสในเรื่องส่วนตัวเค้าสะขนาดนั้น
แก้ตัวให้ตัวเองดูดี. ผลักความรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง.   เราไม่ได้อยากให้ใครมองว่าเราเป็นคนดี
แต่ก็อย่ามองเราในทางลบเลย.  อย่าให้ร้าย อย่าวิจารณ์ เรื่องที่เราไม่ได้ทำให้เดือดร้อนเลย
เราทำบุญ ทำทาน ไปฟังธรรม เราก็เหมือนว่าพอจะเยียวยาเราได้บ้าง.  แต่พอไปทำงานก็ได้ยินเรื่องมากระทบผัสสะอีก
ละนันทิ จะไม่ทันอยู่แล้ว. ร้อนหู  กลับมาบ้านนี้ กอดแม่ทุกวัน บอกเเม่ว่า " หนูทำดี ไม่ทำร้ายใคร ไม่วิจารณ์ใคร
ใครนินทาใคร ไม่เคยผสมโรงเรื่องใคร ไม่ดิสเครดิตใคร. ทำไมต้องเจอแต่เรื่องเดิมๆ"

เราถามเอง เราก็ตอบเองนั้นแหละ. มันคือความความหวังในความดีที่เราทำ

เลยสงสัยว่า คนที่ชอบวิจารณ์เรื่องคนอื่นในเรื่องที่ตัวเองไม่เดือดร้อนเลย. เค้ามีความรู้สึกยังไง แบบพูดสนุกๆๆ ไปวันๆ
ไม่ได้ซีเรียดหรือรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองแบบนั้นหรือเปล่า. ไม่ทันได้คิดหรือจงใจ ให้บุคคลที่กล่าวถึง
เกิดความเสียหาย ใช่มั๊ย  เวลาที่ได้ทำ รู้สึกสะใจและมีความสุขหรือเปล่า.  นี้เราไม่ได้ตั้งคำถามประชดน่ะ. แต่เรา
อยากรู้ความรู้สึก ณ ขณะนั้นจริงๆ ว่ามันรู้สึกยังไง เพราะเราไม่เคยทำ และก็ไม่กล้าทำด้วย.  

อีกคำถาม อาจฟังดูเพ้อเจ้อน่ะ แต่เราสงสัยจริงๆ ว่า. มันมีจริงๆมั๊ย หรือเป็นไปได้มั๊ย. ที่จะมีคนชอบเสพอารมณ์แบบชิงชัง
วันๆ หาแต่เรื่องชังผู้อื่นในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็เอาไปวิพากวิจารณ์ใหญ่โต.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่