พบศก.สหรัฐฯขยายตัวสูงสุดรอบ11ปี ดันดาวโจนส์สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นเหนือ18,000จุด
เอเอฟพี - เศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี ข้อมูลประมาณการณ์ครั้งใหม่ของรัฐบาลเผยแพร่ในวันอังคาร(23ธ.ค.) ปัจจัยนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นอเมริกาเปิดตลาดอย่างร้อนแรง โดยดาวโจนส์ พุ่งทะลุ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกรายงานคาดหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ครั้งที่ 3 ในวันอังคาร(23ธ.ค.) ด้วยปรับเพิ่มประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นร้อยละ 5.0 จากที่เคยคาดคะเนไว้ครั้งก่อนหน้านี้ว่าน่าจะขยายตัวราวๆร้อยละ 3.9
ตัวเลขในวันอังคาร(23ธ.ค.) แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่เติบโตร้อยละ 4.6 นอกจากนี้แล้วมันยังขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4.3 ตามที่เหล่าพวกนักวิเคาะห์คาดหมายกัน
เศรษฐกิจของสหรัฐฯเคยหดตัวถึงร้อยละ 2.1 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014 แต่ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บผิดปกติ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นเศรษฐกิจของอเมริกาก็เริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
ในข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ยังพบด้วยว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ถือเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2013 ส่วนตัวเลขการบริโภคสินค้าก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เช่นเดียวกับการใช้จ่ายในภาคบริการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5
ตัวเลขที่สดใสเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมาตามหลังข้อมูลภาคแรงงานที่แข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายน ด้วยพบว่าเศรษฐกิจของอเมริกามีการจ้างงานเพิ่มเติมถึง 321,000 ตำแหน่ง
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคง แต่ยังจำเป็นต้องเสริมความเข้มแข็งแก่ตลาดแรงงาน และส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปอีกหลายเดือน
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สดใสส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งตั้งแต่เปิดตลาด โดยแค่ช่วง 5 นาทีแรกของการซื้อขาย ดาวโจนส์ ดีดขึ้น 56.09 จุด(0.31 เปอร์เซ็นต์) แตะระดับ 18,015.53 จุด นับเป็นการพุ่งผ่าน 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 5.76 จุด(0.28 เปอร์เซ็นต์) อยู่ที่ 2,084.30 จุด และแนสแดค เพิ่มขึ้น 3.83 จุด(0.80 เปอร์เซ็นต์) อยู่ที่ 4,785.25 จุด
อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทไม่สามารถทะยานขึ้นไปได้มากนัก เพระถูกฉุดรั้งบางส่วนจากรายงานที่น่าผิดหวังต่อยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่น่าผิดหวังของสหรัฐฯ ที่ลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวก่อความกังวลก็เพราะสินค้าคงทนคือตัวบ่งชี้ของการลงทุนภาคธรกิจ "มันมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย" เจนนิเฟอร์ ลี นักวิเคราะห์จากบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ให้ความเห็น
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000147492
ปูตินว่าไง เศรษฐกิจอเมริกาโตสุดในรอบ 11 ปี
เอเอฟพี - เศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี ข้อมูลประมาณการณ์ครั้งใหม่ของรัฐบาลเผยแพร่ในวันอังคาร(23ธ.ค.) ปัจจัยนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นอเมริกาเปิดตลาดอย่างร้อนแรง โดยดาวโจนส์ พุ่งทะลุ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกรายงานคาดหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ครั้งที่ 3 ในวันอังคาร(23ธ.ค.) ด้วยปรับเพิ่มประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นร้อยละ 5.0 จากที่เคยคาดคะเนไว้ครั้งก่อนหน้านี้ว่าน่าจะขยายตัวราวๆร้อยละ 3.9
ตัวเลขในวันอังคาร(23ธ.ค.) แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่เติบโตร้อยละ 4.6 นอกจากนี้แล้วมันยังขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4.3 ตามที่เหล่าพวกนักวิเคาะห์คาดหมายกัน
เศรษฐกิจของสหรัฐฯเคยหดตัวถึงร้อยละ 2.1 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014 แต่ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บผิดปกติ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นเศรษฐกิจของอเมริกาก็เริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
ในข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ยังพบด้วยว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ถือเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2013 ส่วนตัวเลขการบริโภคสินค้าก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เช่นเดียวกับการใช้จ่ายในภาคบริการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5
ตัวเลขที่สดใสเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมาตามหลังข้อมูลภาคแรงงานที่แข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายน ด้วยพบว่าเศรษฐกิจของอเมริกามีการจ้างงานเพิ่มเติมถึง 321,000 ตำแหน่ง
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคง แต่ยังจำเป็นต้องเสริมความเข้มแข็งแก่ตลาดแรงงาน และส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปอีกหลายเดือน
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สดใสส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งตั้งแต่เปิดตลาด โดยแค่ช่วง 5 นาทีแรกของการซื้อขาย ดาวโจนส์ ดีดขึ้น 56.09 จุด(0.31 เปอร์เซ็นต์) แตะระดับ 18,015.53 จุด นับเป็นการพุ่งผ่าน 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 5.76 จุด(0.28 เปอร์เซ็นต์) อยู่ที่ 2,084.30 จุด และแนสแดค เพิ่มขึ้น 3.83 จุด(0.80 เปอร์เซ็นต์) อยู่ที่ 4,785.25 จุด
อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทไม่สามารถทะยานขึ้นไปได้มากนัก เพระถูกฉุดรั้งบางส่วนจากรายงานที่น่าผิดหวังต่อยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่น่าผิดหวังของสหรัฐฯ ที่ลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวก่อความกังวลก็เพราะสินค้าคงทนคือตัวบ่งชี้ของการลงทุนภาคธรกิจ "มันมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย" เจนนิเฟอร์ ลี นักวิเคราะห์จากบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ให้ความเห็น
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000147492