วัดแสง เรื่องง่ายๆที่ยังคงยากอยู่

กระทู้สนทนา
ว่าด้วยเรื่องการถ่ายภาพสำหรับกล้องฟิล์มอย่างเราๆ ถ้าไม่ใช่กล้องระบบอัตโนมัติที่ทำงานให้เราแบบเสร็จสรรพแล้วละก็ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องระบบแมนนวล ที่ต้องจัดการการถ่ายภาพเองทั้งหมดเป็นแน่แท้
ด้วยเหตุนี้ผมจึงรักกล้องฟิล์มอย่าง LOMO LC-W มากๆเพราะตรงกับความรู้สึกที่ว่าจัดองค์ประกอบเสร็จข้าพเจ้าก็กดชัตเตอร์ถ่ายได้เลยไม่ต้องเรื่องมาก แต่พอมาจับกล้องฟิล์มรุ่นบรมครูอย่าง Nikon FM2 แล้ว ผมจะรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัวและเกร็งๆอยู่เสมอว่าจะทำอะไรรวดเร็วไม่คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจไม่ได้แล้ว เมื่อกลัวมากๆเลยกลับมาใส่ใจกับเรื่อง "ระบบ" ของกล้องกันอีกทีดีกว่า

ปกติเมื่อผมจะถ่ายภาพด้วย Nikon FM2 ก็จะมองหาสิ่งที่ต้องการ พอเจอปุ๊บ ก็
1.กะก่อนเลยว่าภาพนี้จะถ่ายแบบไหน สมมุติจะถ่ายชัดตื้นให้หลังเบลอๆ ผมก็จะปรับ f.stop กว้างๆ อ่ะสมมุติจะเอาโคตรเบลอ ก็จัด f 2 ไปเลยเบลอจนหาที่ชัดไม่ได้แน่ๆ
2.ยกกล้องมอง แล้วปรับโฟกัสนิดนึงให้เห็นว่านี่จะถ่ายรูปนี่นะเว้ย
3.วัดแสง คือหาสปีดชัตเตอร์ที่เหมาะกับค่า f.2 ที่ตั้งไว้ตอนแรก หมุนหากันเข้าไปจนพอใจ
4.ปรับโฟกัสให้โดนใจ หรี่ตาดูจนปวดไปหมดกว่าจะเจอ
5.จัดองค์ประกอบภาพ ความเอียงความตรงต่างๆ และห้ามถอยหลังเดินหน้า ชักกะตุก เพราะไม่งั้นโฟกัสใหม่อีก
6.พอละกลั้นหายใจ หลับตา กดชัตเตอร์เลย
เนี่ยกว่าจะได้รูปนึง บน Nikon FM2 ถ้าเป็น LC-W จะกดไปแล้วประมาณ 3 รูป
และถ้าวัตถุที่เราถ่ายเป็นสิ่งมีชีวิต เช่น ไมโลหมาผม มันจะรอให้ผมทำทุกอย่างให้ครบก่อน ตั้งแต่ข้อ 1-5 พอถึงข้อ 6 พี่แกจะลุกเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว นี่มันแกล้งกันชัดๆ!!

เห็นไหมครับ ขั้นตอนมันเยอะ ทีนี่ถ้าเราอยากจะดื่มด่ำกับสิ่งที่เราจะถ่าย ไม่ใช่ดูดดื่มกับการจัดการถ่ายภาพแล้วละก็ เราคงต้องลดเวลาต่างๆบนกล้องลงไปเยอะๆ
เรื่องนึงที่เป็นปัญหามานานคือเรื่องวัดแสง ที่ผมคิดว่า ไม่ว่าจะยังไงมันก็ยากอยู่ดี คือเท่าที่ถ่ายภาพมาจนถึงป่านนี้เคยอ่านหนังสือเรื่องการวัดแสงมาแล้วและคิดว่าตัวเองเข้าใจแล้วแน่นอน แต่พอเวลาผ่านไปมันก็ยังงงงวยอยู่ดี
ผมเองเลยอยากจะลดขั้นตอนตรงนี้ลงไปเลยลองไปทำความเข้าใจกับมันดูซักทีดีกว่า

เรื่องระบบวัดแสงในกล้องฟิล์มยุคโบราณๆนี่ได้ยินว่ามันก็มีอยู่แบบเดียวหลักๆคือ วัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลาง ประมาณว่า มองเข้าไปในช่องมองภาพเนี่ย ภาพที่เห็นเป็น 100% กล้องจะเอาพื้นที่แถวๆกลางภาพมาให้ความสำคัญในการวัดอยู่ประมาณ 75% เลยวงนี่ออกไปพี่แกจะไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่ ผมก็เออถ้าเป็นยังงั้น FM2 ก็น่าจะระบบนี้แหละ
เวลามองในช่องมองภาพมันจะมีวงกลมเป็นเส้นๆจางๆอยู่ ผมก็จะประมาณเอาว่ามันคือ 75%ดังกล่าว
อ่ะอย่างล่าสุดผมไปถ่ายรูปที่งานขายของงานนึงมา เจอแสงพระอาทิตย์เอียงๆ นวลๆสวยมาก เลยเดินหาวิวถ่าย แล้วก็มาเจอเก้าอี้วางบนโต๊ะฉากหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังจะตก มองด้วยตาเปล่าช่างงดงาม แต่กล้องในมือจะถ่ายยังไงดี ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดรู้เลยว่าถ้าวัดแสงไม่ดีมันจะมืดไปเลยหรือไม่ก็สว่างไปเลย ลองดู 2 รูปด้านล่างครับ

จากรูปจะเห็นวงกลมดำๆ ผมลองทำให้ดูว่านั่นเป็นพื้นที่ที่กล้องผม แสดงเป็นวงๆในช่องมองภาพ และผมเดาว่าก็วงนี้แหละ 75%ที่ว่า
ผมอยากให้ภาพนี้มันออกมาไม่มืดไม่สว่างเกินไป แต่ไม่รู้จะปรับสปีดเท่าไหร่ก็เลยถ่ายมันสองรูปเลย
รูปแรกซ้ายมือ ผมวัดแสงตรงข้างๆพระอาทิตย์บนฉากหลัง แล้วปรับสปีด "พอดี" กับ f. ที่ตั้งไว้
รูปสองขวามือ ผมวัดแสงที่โต๊ะสีขาวๆ แล้วปรับสปีดให้ "พอดี" กับ f. ที่ตั้งไว้
พอดี ในที่นี่ของผมคือ ค่าสเกล เป็น O ไม่ O+ หรือ O- คือ O เลย ไม่ "ชดเชยแสง" ใดๆทั้งสิ้น
ภาพที่ออกมาเป็นแบบนี้เลยครับ


ถ้าจะถามว่าภาพไหนถูก ผมต้องตอบว่า "ไม่รู้ครับ" รู้แต่มันอารมณ์ภาพมันไปได้หลายแบบ รูปแรกอาจจะออกเหงาๆ รูปสองอาจจะดูอบอุ่นหน่อย
ผมว่าจะแบบไหนก็ได้นะ แต่ผมทำแล้วตอบโจทย์ที่ว่าต้องการลดความเร็วในการถ่ายภาพ เพื่อเอาเวลาไปนั่งดูของจริงดีกว่า ได้แล้ว
สองรูปนี้ผมใช้เวลา แป็บเดียว เพราะพอจะจับทางวิธีวัดแสงได้แล้ว

ที่เขียนมานี่ผมไม่ได้คิดว่าถูกต้องเลยนะ เพราะไม่เก่งเลยเรื่องทฤษฎี แต่คิดว่า "ถูกใจ" เราเองแล้วเป็นพอ
ปล่อยเรื่องวิธีวัดแสงให้มันเป็นเรื่องประสบการณ์ดีกว่าครับ กะๆเอาอย่าไปซีเรียสดีกว่าเนอะ ใครชอบแบบไหนก็ชดเชยแสง ให้สว่างให้มืดกันตามใจต้องการล่ะกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่