ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าตามอ่านงานเกือบทุกชิ้น เท่าที่หามาได้
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแฟนพันธ์ุแท้ระดับขั้นที่ว่าต้องพูดภาษาเควนย่าได้
แต่ขอบอกเลยว่ารู้สึกผิดหวัง กับ The Hobbit ภาคจบมาก

** พื้นฐานของการ review อยู่ในหลักเหตุผลไม่เน้นความสนุกหรือแฟนเซอร์วิสเป็นหลัก **

The hobbit จริง ๆ จะว่าไปแล้วเป็นอะไรที่กระท่อนกระแท่นมากตั้งแต่ทราบข่าว เพราะตัวเรื่องทำเป็นหนังมหากาพย์ค่อนข้างยาก
แล้วนี่มาแตกเป็น 3 ภาคอีก คือเหนื่อยมาก แต่ก็ทำมาค่อนข้างโอเคนะ ไม่ถึงกับดี กับหลาย ๆ อย่างที่เพิ่มเข้าไป ขัดกับวรรณกรรมเราก็ไม่ว่า
ถ้ามัน makesense และทำให้หนังสนุก  แต่มีหลายอย่างแบบว่า "เอิ่ม"

ยกตัวอย่างเช่น  ( อันนี้ภาคสอง )
แผนการขอธอรินที่จะฆ่าสม๊อก พี่ท่านไม่รู้เลยหรือว่ามังกรพ่นไฟได้ และในตัวก็เต็มไปด้วยเพลิงร้อนระอุ
ถึงวางแผนหลอมทองใส่ตัวสม๊อก ถ้าเอาตาม logic จริง ๆ สม๊อกคงบอกว่า ขอบคุณหลายสหายน้อง
นอนมานานมีคนทำน้ำทองให้อาบ  ของโปรดพี่เลย ...
คือแบบพยายามจะหาเหตุผล ถึงแม้มันจะเป็นแฟนตาซี แบบประมาณว่า
หนังข้างนอกมังกรก็โดนเพลิงเผา เจ็บปวดได้เหมือนกัน
แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่อะ ไม่งั้นพ่นไฟไปสองสามที ร่างแหกหมดแหละ ลมแรงจัดไฟพัดโดนใส่หน้าทำครับนั่น



ยิ่งภาค 3 ยิ่งพบจุดแย่หลาย ๆ อย่าง
เราจะไม่นับพวก physic ไม่สมจริงนะครับ มันเป็นเรื่องปกติของภาพยนตร์
ไม่จำเป็นต้องมองอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่โครตไม่ชอบเลย


0. ฉากโจมตี laketown มันลิเกมาก
ถ้าตามหนังสือ มันจะมีชาวเมือง ทหารยามพยายามต่อสู้ ตอนแรก ๆ ก็กล้า ๆ กลัว ๆ แต่มี Bard มาดึงขวัญกำลังใจและสู้กันสักพักจน ฅ
Bard ยิงธนูเข้าเป้าได้ คือมันรู้สึก Epic มากอะ ทุกคนช่วยกัน จนเผยให้บาร์ดยิงโดนจุดอ่อน

อันนี้อะไร พี่แกไปยืนโซโล เหมือนใส่ธนูตี + 99999 อยู่บนหอคอย แล้วก็ดันมีสายตาดุจดั่งเทวาผู้รู้แจ้ง เห็นจุดอ่อนพอดี
คนแคระบวกกับมังกรตั้งนานไม่เห็นจุดอ่อนจ้า .. จะบ้าา นี่นึกว่าดูหนัง superheroes นะเนี้ย ( ไม่รวมเลโกลัส เพราะเป็นเอลฟ์ ให้อภัย )

  
1. Slowmotion
ใช้พร่ำเพรื่อจนดูน่าตลก โดยเฉพาะฉากเจ้าป้า คือแบบไม่ไหวอะ
และเห็นได้ชัดว่าธอรินแสดงออกทางสีหน้าไม่ค่อยเก่งเลย คือเราสามารถเพิ่มความดราม่าได้โดยไม่ต้องใช้ slow ป๊ะ นี่ใช้บ่อยมาก
ไม่นับรวมฉากต่อสู้ ใช้มากจนกร่อยไปเลย

2. ตัวละคร Alfrid Lickspittle  ( รองเจ้าเมือง )
เป็นตัวละครที่น่ารำคาญและแทบจะไม่มีประโยชน์ต่อ plot เลยยกเว้นทำให้ bard ดูเป็นพระเอกขึ้น
คือแบบฉากพี่แกเยอะมาก แล้วเป็นฉากแบบบัดซบอะ จะตลกก็ไม่ใช่ จะแสดงว่าเขาเป็นคนนิสัยแย่ยังไง น่าเกลียดยังไง
มันก็รู้มาตั้งแต่ภาค 2 แล้ว จะย้ำ ๆ อีกเพื่ออะไร

3. ตัวละครทุกตัว power - up หมดจนทำให้โครงเรื่องเสียหาย
จริง ๆ อันนี้ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ แต่ฉากที่ขัดใจมาก ๆ คือฉาก ภูติแหวนทั้งเก้าในร่างไม่มีวิญญาณ เก่งเกิ้น
ตกเหวไปแล้ว ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ขึ้นมาได้ ฟันแล้วไม่ตาย ทะลุนั่นนู้นนี่ ยกเว้นอาวุธเทพของสภาขาว
ประเด็นคือ เซารอนคงเห็นว่าเทพไป เลยเอาผ้าคลุมสีเทามาใส่ แล้วหาม้าให้ขี่ซะ
จะได้ไม่ต้องโชว์เทพเวลาไล่ล่า Frodo ไม่งั้นเดี้ยวจะได้แหวนคืนง่ายไป


4. THE EARTH EATER !!! หรือหนอนยักษ์
พยายามจะเข้าใจว่า
- กลบข้อผิดพลาดเดิม ก็คือเรื่องการเดินทัพของ Azog ต้องมาแบบ Surprise
แต่จะเดินมาโด่ง ๆ ไม่ได้ คนดูจะงงเอาว่า ไม่มีใครรู้เลยหรอ โดยเฉพาะพวก elves  ที่น่าจะมีฝ่ายสอดแนม
และทักษะส่วนตัวก็มีหูตากว้างไกล บลา ๆ อีกอย่างทัพของ Azog มาจากป้อมโดลกูลดัวร์ซึ่งอยู่ติดชายป่าเมิร์กวู้ดมาก
ทำไมจะไม่รู้ ....

- ข้อผิดพลาดใหม่ซึ่งหนักกว่า ถ้าฝ่ายออกควบคุม Earth-eater ถึงขั้นเจาะอุโมงค์ได้ตามใจฉัน ( หนังสือไม่มี )
แล้วทำไมพวกออร์คไม่สั่งออกรบเลยหล่ะ อย่าบอกนะว่าหนอนพวกนี้รักสงบ เจาะอุโมงค์ให้อย่างเดียว ..
จะบ้าตาย

จริง ๆ เจาะ ๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ ให้พวกแคระ เอลฟ์ร่วงไปตายก็จบละ ไม่ต้องเดินทัพ
อินทรีมาก็กินแดร๊กแม่ม ตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ
ใส่มาได้ไงก็ไม่รู้ .. เท่ห์อย่างเดียวแต่ไม่สมจริงเอาเสียเลย


5. ฉากสงครามเริ่มมาดี แต่จบแบบเหมือนกวางธรัลดูอิล

คือตอนจบใช่ปะ ฝ่ายหน้าตาดีชนะเพราะว่าธอรินนำทำปลุกระดมพล และมีอินทรี + บีออร์นมาช่วยพอดี
แต่แบบ มาแล้วแทบไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าพวกนี้มาสร้างจุดเปลี่ยนให้กับสงครามอย่างไร
คือบีออร์นโผล่มา 4.35 วิ เท่ห์มาก หายตัวได้ด้วย ! ( คือหายไปจากฉากเลย )
แล้วอินทรีก็บินชน บินไป ๆ มา ๆ แค่นั้นเอง

คือถ้าในหนังสือจะอลังการและเห็นชัดมาก บีออร์นโกรธไล่ตบออร์คเหมือนของเล่น
อินทรีต้อนพวก goblin ไปตกแม่น้ำ หน้าผา ผู้นำออร์คตายเลย มีผลทำให้กองทัพระส่ำระส่าย
แต่ในหนังคาดว่าทหารเลวก็ไม่รู้หรอก เพราะไปโซโลกันอยู่บนเรเวลฮิลไม่กี่คน ...


6. ฉากจบ !!

พระเจ้าาา ไม่ฟินเลย คือกลัวยืดแบบ The lord  of the ring หรอ
คือต่อให้ยืด ( ที่จริงก็ไม่ยืดมากนะ ) มันก็ปิดตำนานได้แบบไม่ค้างคาใจปะ
นี่ฉากหลาย ๆ ฉากหายไปเยอะมาก โดยเฉพาะฉากงานศพ  บทสรุปต่าง ๆ นา ๆ ไม่มีกล่าวถึงเลย
คือขนาด Star War 3 ที่ไม่ได้เป็นหนังดีเด่นอะไรมากยังทำตอนจบเพื่อเชื่อมต่อภาค 4 ได้ดีกว่าเลย


7. เขียนบทผิด ตั้งแต่ต้น

หลัก ๆ สำคัญที่ทำให้มันไม่อินคือ เรื่อง "ความโลภของคนแคระ" "โรคมังกร ... "
คือเปิดเรื่องมาให้รู้สึกว่า คนแคระและธอรินเป็นพวกบริสุทธิ์ใส ๆ มาทวงบ้านคืนนะตัวเอง  ..
ถ้าเป็นหนังสือคนแคระจะไม่รู้สึกน่ารักเท่าในหนัง แล้วพอจะแสดงด้านมืดของ ธอรินที่หยิ่งยโส และไม่ค่อยไว้ใจใคร
มันเลยทำยาก เพราะปูเรื่องมาค่อนข้างโนะเนะมาก สุดท้ายก็เลยสร้าง "โรคมังกร" ขึ้นมาเลย
เพื่อให้คนแคระที่ไม่น่าจะโลภขนาดนั้น ดูโง่โดนทันที .

คือถ้าปรับบทหน่อย ๆ ให้ตัวธอรินเป็นตัวละครที่ซับซ้อนและมีมุมแย่ ๆ ชัด ๆ ตั้งแต่แรก ไม่ใช่ตอนท้ายภาค 2
มันคงดูดีกว่านี่ จะได้ตัดบทโรคมังกรออกไป ( ไร้สาระสุด ๆ เป็นคนเดียวด้วย ไม่ก็เจ้าเมืองอีกคน สงสัยไปโดนขี้มังกรมา )  


คือไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  The lord of the Ring เปลี่ยนบทหลาย ๆ อย่างแล้วทำได้ดีมาก
แต่นี่เปลี่ยนบทแล้วทำได้แย่ลง  บทบาทบิลโบที่เป็นกุญแจสำคัญทำให้มังกรตาย ก็ไม่มีเลย
คือถ้าตามหนังสือ แบบสั้น ๆ ธอรินและคณะไปปลุกมังกรให้ตื่นขึ้น ก็ไม่รู้จะสู้ยังไง เลยส่งบิลโบไปหาจุดอ่อน
ด้วยอารมณ์และทักษะ ทำให้หลอกเจ้ามังกรให้เผยจุดตายของตัวเองได้
แล้วบิลโบก็หนีมาบอกธอริน แล้วบังเอิญมีนกธรัสฉลาดขั้นเทพแอบคาบข่าวไป bard  ไม่ใช่บาร์ดอยู่ดี ๆ ก็เห็นเองเออเอง
ตัดบทตัวเอกของเราไปอีก

สงสัย PJ คงกลัวว่ามันไม่สมจริง กะอีแค่นกพูดได้ ไม่กล้าใส่เข้ามา
แต่พี่แกมีกระต่ายวิ่ง 200 ไมล์ กะหนอนยักษ์นะเว้ย โอ้ยย !
จริง ๆ ถ้าปรับดี ๆ ก็เอาตามแบบในหนังก็ได้

ตัวอย่างเช่น
ตอนแรกให้ Bilbo solo ไปก่อน แอบหลอก Smaug ได้โดยไม่ต้องกลับมาปรึกษาคณะเดินทาง
แล้วขากลับก็เจอธอรินแบบไหนหนัง Bilbo เอาข่าวเรื่องมังกรมาบอก นกแอบฟังได้พอดี
แล้วธอรินก็ฮึดจะสู้กับมังกรขึ้นมา  แค่ไม่ต้องวิ่งไปเตาหลอม
แต่หาวิธีฆ่าสม๊อกเพื่อแทงจุดตายก็พอ ( เช่นใช้กลไกคนแคระต่าง ๆ นานา ก็ว่าไป )
แต่บังเอิญว่าทำไม่สำเร็จ และรำคาญที่ฆ่าคนแคระไม่ได้สักที
เลยไปเผาเมืองแทน ก็เข้าท่ากว่าปะ


นับตั้งแต่ภาคแรกเลย
มีข้อผิดพลาดเรื่องของ เทคนิค และความ makesense อยู่เยอะมาก


ส่วนด้านที่ชอบผมก็มี  และก็ฟินอยู่
แต่คนเขียนกระทู้เชียร์มีเยอะหมดแล้ว เขียนไปก็ซ้ำกะคนอื่นเปล่า
หวังว่า Extended จะมีฉากที่หาย ๆ ไปอยู่
แต่ยังไงก็กลบความแย่ของบทไม่ได้อยู่ดี

เสียใจ  ยังไงเป็นหนังที่สนุกนะ แต่เราคิดว่ามันสนุกได้มากกว่านี้เท่านั้นเอง

ปล. จะดูรอบที่สาม กะคุณแม่อยู่
ปล.2 ไม่แปลกใจที่คะแนนวิจารณ์ไม่ค่อยสูง ถ้าตัดความเป็นติ่งของตัวเองออกไป
แล้วมองในแง่มุมหนังก็เห็นได้เลย



เพื่อน ๆ คิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้างครับ