[CR] ลุยหิมะ Hokkaido Day 1 Sapporo Otaru สุโค่ย : 14 วันมันส์สุดๆในญี่ปุ่น Hokkaido Tokyo Kyoto Nara Osaka Nikko Kawaguchiko

Hokkaido มีแต่เมืองแห่งความ Romantic   

<> การเดินทางไป Hokkaido นี้เป็นครั้งแรกของผมเลยครับ แต่แบบว่าโคตรประทับใจ พูดอย่างนั้นเลยก็ว่าได้ | ผมเชื่อล่ะที่เค้าพูดกันว่า ใครไปญี่ปุ่นแล้วต้องอยากไปอีกหัวใจหัวใจ
<> การเดินทางไป เกาะ Hokkaido ของผมเป็นวันที่ 11 ของ Trip นี้แล้วครับ เหนื่อยว๊าก แต่คุ้มสุดๆ ซึ่งผมไปช่วงต้นฤดูหนาวครับ คือช่วงวันที่ 7-9 Dec 2014 ซึ่งก็หนาวมากสำหรับคนไทย อากาศประมาณ 1-2 องศา หนาวขนาด....... หดได้เลยที่เดียว 55+++  ขำๆ นะครับ
<> Plan เดินทางในเกาะ Hokkaido ของผมตามนี้เบยครับ
     วันแรก : บินจาก Narita - New Chitose >> กินราเมงที่ Sapporo >> ไปต่อที่ Otaru
     วันที่ 2 : Sapporo - Hakodate
     วันที่ 3 : Hakodate - Toya - Noboribetsu (Onsen) >> New Chitose >> Narita เตรียมตัวกลับ BKK
   สำหรับ Master Plan ของผมดูได้ที่ http://ppantip.com/topic/32976102

<> ถ้ามีคนถามผมว่า Hokkaido มัน Romantic ขนาดไหน คือผมไปกับเพื่อนอีกคน (ชายล้วน) มีความเห็นว่า เราควรจะมากับแฟน หรือภรรยา ไม่ใช่มากัน 2 คน 555+++ หวานเกิ้น

>> การเดินทางของผมเริ่มจากสนามบิน Narita โดยสายการบิน Jet Star Japan ครับ สามารถจองผ่าน Web ได้เลยตามสะดวก การจองขอให้เพื่อนๆ ใจเย็นๆ วางแผนนานๆ ครับ  เพราะ Jet Star จะเปลี่ยนราคาบ่อยๆ ผมเคยเห็นราคาต่ำสุดไปกลับ Narita - New Chitose ที่ราคาไปกลับ  JPY 4,999 ซึ่งถูกมากสำหรับเวลาบินเกือบๆ 2 ชั่วโมง นอกจาก Jet Star Japan แล้ว ยังมีสายการบินอื่นๆ มากมายครับ ได้แก่ ANA, JAL, AirDo, Valila Airline สรุปเปรียบเทียบแบบนี้ครับ

Jet Star Japan :
ข้อดีคือ: ราคาถูก ความกว้างของที่นั่งพอ OK ประหยัด Fight มีมากและถี่ทำให้สะดวกในวางแผนเที่ยว ขาไปมี Fight เช้ามาก เช้าสุดที่ 6 โมงเช้า ทำให้เวลาเที่ยวเยอะครับ และขากลับจาก New Chitose มี Fight ดึกๆ เข้ากับ concept Max Value ของผมครับ อิอิ

ข้อเสียคือ: บินจาก Narita ทำให้ต้องเสียค่าเดินทาง และเวลา มาสนามบิน Narita ซึ่งแพงเอาการ เลยทีเดียว แต่ผมก็ชดเชยโดยการมานอนโรงแรมใกล้ๆ กับสนามบิน ซึ่งราคาถูกกว่าใน Tokyo และผมยังอาศัยฝากกระเป๋า Big Bag ของผมไว้ที่โรงแรม 3 วัน [ ผมพักที่ narita excel hotel tokyu] สบายๆ ประหยัดค่า Locker  และไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋า และเอาสัมพาระที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็ก carry on ไป ไม่ต้องหอบ Big Bag ไปให้พรุงพรัง ครัช

Vanilla Air:

ข้อดีคือ: ราคาถูก แพงกว่า Jet Star Japan บ้างช่วงเวลาใกล้เคียงกับ Jet Star Japan สายการบินนี้เป็นสายการบินลูกของ ANA โหลดกระเป๋าได้ 20 kg. (ลอง rechecked ดูนะครับเพื่อความ sure)

ข้อเสียคือ: มี Fight บินเพียงเที่ยวละ 3 Fight ต่อวัน น้อยกว่า Jet Star Japan  บินจาก Narita ทำให้ต้องเสียค่าเดินทาง และเวลา มาสนามบิน Narita เช่นเดียวกับ Jet Star Japan

AirDo: : มี fight ไป Hokkaido เยอะมาก บินจาก Haneda ซึ่งใกล้ตัวเมือง Tokyo ราคาตั๋วก็แพงขึ้นตามลำดับ อันนี้ผมยังงงๆ กับการจอง ดูยากๆ
ANA และ JAL: : มี fight ไป Hokkaido Sapporo ทั้งที่  Narita และ Haneda ส่วนใหญ่แล้ว Haneda จะเยอะกว่ามากครับ ราคา แพงมากตามฐานะไฮโซ 555 คือไปกลับอยู่ที่ประมาณ JPY 34,000-35,000 หรือประมาณ 12,000 บาทไทย ก็เลือกกันตามความเหมาะสม อิอิ

สำหรับผมเน้นประหยัด 5555 (กรอบ)

** โดยที่ Domestic Fight ที่ Narita จะขึ้นที่ Terminal 2 นะครับ สนามบินที่ Narita ค่อนข้างจะแยกชัดเจนครับ คือ Counter Check in ของใครของมัน (Jet,Vanilla,ANA,JAL) , ทางเข้า Gate ของใครของมัน, Gate ใคร Gate มัน ประมาณนี้เลย เพราะฉะนั้นหลงยากครับ**

เมื่อมาถึง Terminal 2 : เพื่อเดินทางต่อในประเทศให้มองหาป้าย Domestic Departure + ยี่ห้อที่บินครับ มันจะนำทางคุณไปที่ Counter  Check in ประมาณนี้ครับ



<> ตามตารางแล้วผมควรมาถึงที่ New Chitose ประมาณ 10 โมงครับ แต่ Fight Delay เนื่องจากหิมะตกหนัก เครื่องลงไม่ได้ ทำให้มาถึงเกือบเที่ยงแล้วครับ ดังนั้นก็ทำใจเรื่องสภาพอากาศ บรรยากาศตอนถึงสนามบิน แบบว่า cool ขนาดครับ





<> จากสนามบิน New Chitose เดินทางเข้าสู่ Sapporo ต้องใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 50 นาทีนะครับ ใครมี JR Pass, Hokkaido Pass ก็ใช้ได้เลยครับ สำหรับผมใช้ Hokkaido Pass ซื้อเลย และจอง reserve seat ได้เลย พนักงานเข้า มี service mind มากครับ สำหรับการเดินทางตาม plan ของผม ถ้าซื้อตั๋วแยกไม่ซื้อ Pass ประมาณ JPY 18,000 ซื้อ Hokkaido Pass ประมาณ JPY 15,500 คุ้มกว่าอยู่แล้ว

( PS. ผมเดินทางทั้ง Trip วัน ซื้อ JR Pass 14 วันไป ดันทำหายในวันที่ 10 และมา Hokkaido ทำให้ต้องซื้อ Pass ใหม่ แง้ๆๆๆๆอมยิ้ม20อมยิ้ม20 พยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่แล้ว บากว่า reissue ม่ายได้ เพลียเลย อีก 5000 บาท แง่ม เพื่อนๆ ต้องรักษา Pass ไว้ยิ่งชีพนะครับ)




<> สำหรับ JR  New Chitose Line มีตู้ Reserve นะครับ จองเลย ที่ office JR ที่สนามบิน มอง สัญญาลักษณ์ i หรือ information จะอยู่ใกล้ๆ กันครับ นั่งสบายกว่ามาก สำหรับคนที่มี rail pass ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วยนะครับ



<> ก่อนไปเที่ยวใหนต่อใหน เอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมก่อนดีกว่า ผมเลือกโรงแรมใกล้ๆ JR ดีที่สุด เดินทางสะดวก ฝากของได้ประหยัดค่า Locker สำหรับผมเลือก โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ห่างจากสถานี JR Sapporo ไม่เกิน 4 นาที สะดวก ห้องดี ประทับใจครับ มีที่ทำให้ร้องเท้าแห้งด้วย ดีใจมาก ขอโทษทีที่รูปน้อย แต่โรงแรมหน้าตาตาม web เลยครับ




การเตินทางไปโรงแรม จากสถานี JR ออกทางออก North Exit หันหลังให้สถานี (North Exit จะมีทางออก 2 ทางนะครับ ซ้ายกับขวา ออกทางซ้ายนะครับ) เราจะมองเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่เบื้องหน้าครับ  มองขึ้นข้างบน 45 องศาครับ เห็นป้าย Western เดินตรงไปเลยครับ อย่าลืมเดินบนทางเท้านะครับ 55+++

>> ก่อนเดินทางไป Otaru ผมตามหาราเมง ที่ตรอกราเม็งก่อนครับ ตามที่บอกๆกันมาครับ
     
How to Go: จากโรงแรม เดินกลับมาที่ JR จะมีทางเชื่อมไป Subway ครับ เราจะไปขึ้น Subway สาย  Namboku ลงสถานี Susukino  ราคาอยู่ที่ 200 เยน ก่อนออกจากระบบ Subway มองหาทางออก 5 ก่อนครับ โดยทางออก 5 จะใกล้ๆ กับทางออก 4 และมีร้าน Starbuck ตั้งอยู่ก่อนถึงทางออก โดยเมื่อออกจากทางออกแล้ว หันหลังให้ทางออกครับ แล้วไปทางขาวมือ และข้ามถนนครับ เดินไปอีกนิดหน่อยจะเจอ สังเกตุป้าย Susukino 3-chome จะเป็นตรอกเล็กๆ   

^^แต่ตอนที่ผมไปเวลาประมาณบ่ายโมง ร้านเปิดน้อยมากครับ ประมาณ 3-4  ร้าน เลยไม่แน่ใจเพราะอะไร หรือต้องไปตอนเย็นๆ ค่ำๆ หรือเปล่า เพื่อนๆ ที่จะไปลองชิม ลอง recheck ดูนะครับ  เลยกินๆไป ตามสภาพ

>> Otaru

แผนการเดินเที่ยวเล่นที่ Otaru ผมเริ่มที่สถานี Minami Otaru ซึ่งถึงก่อนสถานี Otaru 1 สถานี ผมว่าสะดวก และเดินทางง่ายดีครับ  

เส้นสีนำเงินคือ จากสถานี Minami Otaru ไปสถานที่ท่องเที่ยวนะครับ
เส้นสีแดงคือ จาคลอง Otaru กลับ JR  Otaru

>> เริ่มกันเลยครับ เป้าหมายแรก Marchen Square ร้าน LeTAO     และ Otaru Orgel Main Hall

How to Go: ออกจากสถานี Minami Otaru เจอร้านสะดวกซื้ออยู่หน้าสถานีเลยครับ  หันหลังให้ร้าน หรือเท่ากับหันหลังให้ทางรถไฟนะครับ เราจะไปทางซ้าย เดินไปอีก 2  Block จะเลี้ยวขวา และสุดทางเลี้ยวซ้ายครับ  พอเพื่อนๆ เลี้ยวซ้ายแล้ว จะเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ทุกท่านจะเจอกับ      Marchen Square ร้าน LeTAO     และ Otaru Orgel Main Hall อยู่ในละแวกเดียวกันครับ (จุด A) หันทางซ้าย ทางขวาก็เจอกันครับ




วันที่ผมไปอากาศมัวๆ นะครับ เพราะหิมะจะตกเกือบตลอด




^บางรูปมีคนติดไป ก็ทนๆ ดูเอาหน่อยนะครับ ช่วงที่ไป Hokkaido ไม่ได้เอากล้องไป มีแต่ i-phone 5 อากาศติดลบ เอาออกมาถ่ายได้ไม่นาน ก็เครื่องดับต้องถ่ายคนก่อน 555 หัวเราะ


^^ สำหรับร้าน LeTAO สูโค่ยตามคำเล่าลือ ครับ โดยเฉาะชีสเค้ก ที่อยากซื้อกลับมาเมืองไทยแต่ทำไม่ได้ ผมกิน 2 ชิ้นคือ ชีสเค้ก และ Tiramisu ครับ เก็บท้องไว้กินปู ผมว่าเป็นสิ่งที่ควรลอง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบกินของหวาน พลาดไม่ได้เลยงับ จุ๊บๆเค้ก






>> มาถึงคลอง Otaru ถ้าถามผมว่าคลอง Otaru มีอะไร คงตอบยากครับ เพราะเป็นคลองธรรมดาครับ แต่ผมว่าเป็นคลองที่มีมนต์เสน่ห์ อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น ผมแนะนำนะครับว่าควรไปแบบเกือบค่ำ เพื่อให้เราได้ชมคลอง Otaru 2 อารม คือสว่าง และยามค่ำคืน

How to Go:  จากร้าน LeTAO Modern (ร้าน LeTAO จะมี 2 ร้านตรงข้ามกัน คือร้านดังเดิมสีเหลืองๆ กับร้าน Modern)  โดยหันหลังให้ร้าน LeTAO Modern แล้วไปทางขวามือ เดินเล่นๆ ง่ายๆ ครับ เดินไปสักระยะหนึ่งจะเจอกับคลอง Otaru น้อยครับ ผมก็งงๆ ว่ามันคือคลอง Otaru ที่ตามหาหรือเปล่า ไม่ใช่นะครับ พยายามเดิมไปให้ถึงจุด B ตามแผนที่ครับ จริงๆ แล้วมี trick อย่างหนึ่งคือเดินตามนักท่องเที่ยวไปครับ   



เส้นสีนำเงินคือ จากสถานี Minami Otaru ไปสถานที่ท่องเที่ยวนะครับ
เส้นสีแดงคือ จาคลอง Otaru กลับ JR

ถึงคลอง Otaru แล้วครับ ผมเองก็เป็นคนถ่ายภาพไม่เก่งนะครับ รูปทั้งหมดจาก i-phone แต่สถานที่จริง สายตาผมได้สัมผัสกับสิ่งที่สวยงามกว่านี้มากครับ




-ขออนุญาต ใช้ภาพจาก review อื่นๆ นะครับ แต่ภาพจริงๆ ไม่แตกต่างเลยครับ สูโค่ย จริงๆ


>> ถึงเวลาหิวๆ แล้ว ผมเลือกร้านที่น้องสาว ของเพื่อนผมแนะนำครับ ชื่อร้าน Otaru Unga Shokudo ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ใน Asakusabashi Beer Hall มี Menu  Buffet ราคาที่ผมทานประมาณ 3600 เยนครับ ทานได้ 45 นาที ถ้าเป็นคนรักการกิน รักปู รักเนื้อย่างนุ่มๆ ผมว่าคุ้มราคาประหยัด สำหรับการจัดมื้อดีๆสักมือครับ กินปูสักคนละ 3 กก ก็คุ้มมากแล้วครับ

How to Go : ตั้งอยู่ที่จุด B ตามแผนที่ครับ

   

   


เดินทางกลับ : ยืนหันหลังให้ทางออก Asakusabashi Beer Hall และเดินไปทางซ้ายมือ  เดินตรงไปเรื่อยๆ  ไกลพอสมควร ไกลในระดับที่ผมคิดว่าหลงทางหรือเปล่า 555 ตามเส้นสีแดงในแผนที่เลยนะครับ

สำหรับรถไฟจาก Otaru กลับ Sapporo หลักๆ เป็น JR Semi Rapid Ishikari Liner,JR Rapid Airport ลองหาดูจาก Hyperdia แต่ให้ระวังไว้นิดหนึ่งครับ ว่า ทุ่ม 2 ทุ่ม สำหรับหน้าหนาว ก็ดึกแล้วครับ ยิ่งดึงยิ่งรถน้อยครับ

ูวันต่อไปมจะเดินทางไปที่ Hakodate ซึ่งเป็นอีกเมืองหนึ่ง ที่ผมประทับใจครับ
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น ฮอกไกโด Sapporo Otaru
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่