ขออาศัยพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ระบายและขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ
ก่อนอื่นเราขอเล่าเรื่องราวที่เรามีปัญหากับแฟนให้ฟังก่อนนะคะ
โดยพื้นฐานแล้ว เรามาจากครอบครัวที่ที่บ้านพอจะมีฐานะอยู่บ้าง ส่วนครอบครัวของแฟนก็ฐานะปานกลาง พ่อกับแม่รับราชการทั้งคู่ เมื่อเรา 2 คนแต่งงานกัน แฟนก็ย้ายมาอยู่ที่ ตจว.กับเรา (เป็นจังหวัดบ้านเกิดของเราทั้ง 2 คน) เราเปิดร้านเล็กๆอยู่ร้านนึง (ร้าน 1) มา ประมาณ5 ปีแล้ว ส่วนแฟนก็หางานประจำทำแต่ในที่สุดก็มาตกลงกันว่าจะเปิดร้านค้าอีกร้านนึงเป็นร้านขายวัสดุไฟฟ้า (ร้าน 2) โดยเปิดในตึกของทางบ้านเราเอง (ทางบ้านเราให้เงินมาก้อนนึงเพื่อเปิดร้านค้า) แต่เราพักที่ร้านที่ 1(ตึกของที่บ้านอีกเช่นกัน)
แฟนเราเป็นคนสูบบุหรี่ กินเหล้า เรากับแฟนเคยมีเรื่องทะเลาะกันเพราะบุหรี่ และเหล้าหลายต่อหลายครั้ง เพราะเค้าชอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำที่ร้าน 1 จนตกลงกันว่า ให้เค้าไปสูบในห้องน้ำชั้น 3 แทน แยกห้องน้ำกันใช้ (แต่จริงๆเราก็ยังเหม็นกลิ่นบุหรี่อยู่ดี) ส่วนที่ ร้าน 2 เค้าสูบในห้องน้ำเป็นประจำอยู่แล้ว
เรื่องเหล้า ก่อนแต่ง เค้าเคยบอกเราว่าเค้าดื่มแค่อาทิตย์ละประมาณ 2 วัน แต่พอแต่งงานมา ทำไมไม่เป็นแบบนั้น เค้าดื่มติดต่อกันก็มี วันเว้นวันก็มี 5 วันติดก็มี ทะเลาะกันมาเรื่อยๆ พอเราพูดว่าไหนว่ากินอาทิตย์ละ 2 วัน เค้าก็จะโกรธตลอด
ช่วงเริ่มเปิดร้าน 2 เรา 2 คนไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เลยช่วยกันทำ แต่หลักๆคือจะให้แฟนอยู่ เราจะอยู่แค่ตอนเช้า บ่ายๆ ก็กลับไปร้าน 1 ในช่วงเริ่มก่อตั้งร้านก็มีเรื่องให้ได้เถียงกันตลอด เพราะแฟนเราเค้าไม่มีเซนส์เรื่องการค้าขายเลย เน้นขายถูกเข้าว่า และขายถูกทุกรายการ คิดเป็น % หมด โดยไม่มองว่าของตัวนี้ออกบ่อยของถูก ของนานๆออกที ก็บวกกำไร เยอะหน่อย และเมื่อทะเลาะกัน เค้าจะชอบพูดว่า เราอย่ามายุ่ง นี่ร้านเค้า เค้าดูแลเองได้ ร้านของเค้า พอเถียงกันว่า มันก็เป็นร้านเราด้วย เค้าก็จะโกรธและบอกว่า ใช่สิ เงินลงทุนก็ของบ้านเรา ตึกก็ของบ้านเรา เราก็ต้องมานั่งอธิบายทุกครั้ง ว่าเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ แค่บอกว่า กรรมสิทธิ์ร้านเป็นของๆเราทั้ง 2 คน ไม่ใช่ของคนใดคนนึง เราก็ไม่รู้เค้าจะเข้าใจไหม แต่เมื่อทะเลาะกันเรื่องร้าน ก็จะต้องจบลงด้วย มันเป็นของที่บ้านเราประจำ
ยกตัวอย่าง เพื่อนเค้ามาหา นั่งกินเหล้ากันที่โต๊ะทำงาน สูบบุหรี่ฟุ้งไปหมด ตอนเย็นเค้ากลับมา เรามองก็รู้แล้วว่ากินเหล้ามา (ในร้าน) เราก็บอกว่าขอร้องอย่านั่งกินเหล้าในร้าน มันดูไม่ดี ลูกเค้าเข้ามาเห็นเจ้าของร้านนั่งเมา ใครเค้าจะอยากเข้ามาซื้อของ ก็ทะเลาะกัน เรายื่นคำขาด ว่าห้ามนั่งกินในร้าน ถ้าจะกิน แบบอยากมาก ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ ให้ซื้อโต๊ะหินมานั่งกินหน้าร้าน ยังจะดีกว่ากินในร้าน แต่ก็มีอีกหลายครั้ง ที่ยังนั่งกินเหล้าในร้าน จนเราต้องพูดกับทั้งแฟน และเพื่อนเค้าว่าห้ามเด็ดขาด ถ้าทนไม่ไหว ปิดร้านไปกินกันเลย หรือไม่ เพื่อนก็อย่ามา เวลาเปิดร้าน ก็ทะเลาะกัน และลงท้ายด้วย ใช่สิ ร้านนี้มันเป็นของเรานี่ ตึกก็เป็นของเรา อีกแล้ว (ทั้งเรื่องสูบบุหรนี่ก็ทะเลาะกันประจำ จนเราไปซื้อสติ๊กเกอร์ห้ามสูบมา จะมาแปะที่ร้าน แต่พอดีร้านเราเจอลูกค้ามาสูบ เราเลยเอาแปะร้าน 1 ซะก่อน)
ช่วงหลัง เราไม่ได้ไปที่ร้าน 2 เพราะท้อง คลอดลูก เลี้ยงลูก ไม่ได้ไปนั่งนานๆ มาปีกว่าๆ เรื่องทุกอย่างในร้านก็ให้เค้าจัดการคนเดียว(ยกเว้น บัญชีที่เราเป็นคนทำ) ส่วนเรื่องเหล้า บุหรี่ ที่กินกันในร้านเราไม่ได้คิดว่าเค้าจะทำอีก ส่วนเหล้าที่ดื่มบ่อยๆ หลังคลอดลูก เลี้ยงลูกเหนื่อยมาก เราไม่อยากไปเครียดเรื่องกินเหล้าของเค้าอีก เลยบอกแฟนว่า เราจะไม่ห้ามหรือทะเลาะกับเค้าเรื่องเหล้าอีกแล้ว เค้าจะกินก็กินไป สุขภาพของเค้า ก็แล้วแต่เค้าละกัน
จนเมื่อวานนี้ เราไปที่ร้าน 2 ลูกค้าผู้ชายกำลังซื้อของอยู่ บนโต๊ะทำงานแฟน มีบุหรี่และที่เขี่ยวางอยู่ กลิ่นบุหรี่แรงมากจนแสบจมูก เราถึงกับน้ำมูกไหล พอลูกค้าซื้อของเสร็จออกไป เรารอจังหวะอยู่แล้วขึ้นเลย
เรา : เคยบอกหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้สูบบุหรี่ในร้าน นี่สูบเองยังไม่พอ ยังควักบุหรี่ยื่นให้ลูกค้าสูบ ปรนเปรอกันแบบนี้ ลูกค้าแทนที่เค้าจะเกรงใจ เห็นเจ้าของร้านทำอย่างนี้ก็เต็มที่เลยสิ
แฟน: นี่มาหาเรื่องอะไรอีก เราอยู่ของเราดีๆ นะ
เรา: ไม่ได้จะหาเรื่อง แต่เคยพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามสูบบุหรี่ในร้าน
แฟน: แต่เราเป็นคนสูบบุหรี่
เรา: ถ้าตัวเองอยากสูบ ก็ไปสูบหน้าร้านสิ ถ้าลูกค้าจะสูบ ก็พูดกับเค้าดีๆก็ได้ ว่า พี่คับ เชิญสูบหน้าร้านดีกว่านะพี่ ไม่มีใครเค้าโกรธหรอก แต่นี่อย่าว่าแต่ห้ามเลย ยื่นให้เค้าพร้อมที่เขี่ยอย่างนี้ ลูกค้าก็สูบสิ ทำอย่างกะร้านเหล้า ถ้าเปิดร้านเหล้าจะไม่ว่าเลย ถ้าลูกค้าที่เป็นผู้หญิงหรือคนที่ไม่สูบบุหรี่มาซื้อของ เข้ามาในร้านกลิ่นหึ่งแบบนี้ ใครมันจะอยากเข้า
แฟน :ช่างมัน ใครไม่เข้าก็อย่าเข้า
เรา : แล้วเด็กในร้าน(ญ) อย่าคิดว่าเด็กในร้านจะต้องสูดกลิ่นบุหรี่เพียงเพราะเค้าเป็นลูกจ้างนะ
แฟน: เงียบ
เรา: แล้วเราอีก กลิ่นแบบนี้เราก็ไม่อยากเข้า
แฟน: ก็ชั่ง ไม่อยากเข้าก็อย่าเข้า
เรา: อ้าว เรายังเข้าร้านไม่ได้ งั้นก็ปิดร้านดีกว่าไหม ไม่ต้องเปิดมันแล้ว
แฟน : เราอยู่ของเราดีๆ ทำไมมาหาเรื่อง ทำไมพูดไม่ดีแบบนี้
เรา: เราไม่ได้หาเรื่อง ถ้าจำได้ เราเคยพูดดีด้วยหลายครั้งแล้วเรื่องบุหรี่เนี่ย พอมาเจอแบบนี้ จะให้เราทำไง
ระหว่างนั้นลูกค้าเข้ามาพอดี แฟนเลยบอกว่า พอก่อน ค่อยคุยกัน เราเลยกลับมาร้าน 1
ตอนบ่าย เราเลยไปซื้อสติ๊กเกอร์ห้ามสูบบุหรี่ไปติดที่ร้าน ให้เห็นชัดๆ ตอนเย็นเราก็ไปรับลูกกับแฟนตามปกติ แต่เรา 2 คนไม่ได้คุยกัน เราคิดว่าเค้าคงยังเคืองอยู่ พอกลับมา เค้าก็ไปซื้อเหล้ามากินกับพี่ชายเราซึ่งไม่รู้เรื่องด้วย และเค้านอนข้างล่างเพราะเวลาเมาจะกรนดังมาก เราเลยขอว่าถ้าเมา ให้แยกกันนอน
ตอนเช้า เราเห็นเค้าตื่นสายใกล้จะ 7 โมงแล้ว(ปกติเค้าจะตื่นมาต้มข้าวต้มให้ลูก อาบน้ำ แล้วดูลูกต่อให้เราอาบน้ำ) เราเลยอุ้มลูกลงมาข้างล่างกะจะมาปลุกเค้า เห็นเค้าเพิ่งกำลังล้างข้าวสาร ต้มข้าว เค้าเงียบๆ
เรา: ยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่เหรอ
แฟน: เธอไม่ให้เกียรติ เรา
เรา: เรื่องอะไร ที่ไม่ให้เกียรติ (งงจริงๆ ทะเลาะกันเรื่องบุหรี่ ให้เกียรติอะไรวะ)
แฟน: เรื่องที่บอกว่าจะปิดร้าน ถือว่าเป็นบ้านของเธอ จะปิดเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม
เรา: นี่เรากำลังทำเลาะกันเรื่องห้ามสูบบุหรี่ในร้านอยู่นะ
แฟน:ก็เธอพูดอย่างนั้น
เรา: แล้วเราพูดอย่างนั้นเพราะอะไร ก็เธอบอกว่าเราก็เข้าร้านไม่ได้ เราก็เป็นเจ้าของร้านคนนึงเหมือนกัน เราเข้าร้านไม่ได้ แล้วจะเปิดทำไมอีกล่ะร้านน่ะ
แต่แฟนบอกว่าสายแล้ว ค่อยคุยกัน แต่เราบอกว่า ไหนๆก็คุยแล้ว คุยให้จบ ไม่อยากจะมาโกรธกันข้ามวัน 4-5 วัน มันเครียด เราบอกว่า แฟนมาน้อยใจด้วยเรื่องเดิมๆอีกแล้วนะ เค้าก็ไม่ฟัง ขึ้นไปอาบน้ำ จนเสร็จ เราก็อุ้มลูกตามขึ้นไปแล้วบอกว่า เราจะคุยกับเค้าให้รู้เรื่อง เรื่องร้าน ว่าไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนนึง เป็นของเราทั้งคู่ ส่วนทางบ้านเราที่ให้มา เคยพูดเรื่องนี้แล้วว่าอย่าเอามาคิดมาก ให้คิดในทางที่ดีกว่า ดีกว่าคู่อื่นๆหลายๆคู่ที่เค้าไม่มีครอบครัวช่วยซัพพอร์ต แต่แฟนเราก็เหมือนจะไม่เข้าใจ คิดอยู่แบบเดิมๆ
เรา: ต่อไปนี้เราจะไม่พูดเรื่องทรัพย์สมบัติว่าของใครเป็นของใครแล้วนะ ผ่านมาจะ 8 ปี แล้ว ควรจะเข้าใจได้แล้ว ไม่ใช่ต้องให้มาง้อทุกครั้งว่า เธออออ อย่าเข้าใจอย่างนั้นสิ เธออออ กำลังเข้าใจผิดนะ อย่าน้อยใจนะ เราไม่ได้คิดอย่างน้านนนนนน เรื่องเดิมๆ ควรทำความเข้าใจได้แล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ว่า บ้านเรามี ตึกนี้เป็นของบ้านเรา เราเบื่อๆๆ ที่จะต้องมานั่งอธิบายทุกครั้งที่ทะเลาะกันแบบนี้ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็เลิกกันไปเลยดีกว่า เพราะเราเปลี่ยนแปลงความจริงตรงนี้ไม่ได้ (เราสงสารลูกมาก แต่คิดว่า มันเป็นความจริง ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ว่าบ้านเรารวยกว่าบ้านเค้า ที่จริงเค้าน่าจะคิดบวก ว่าพ่อตาแม่ยายไว้วางใจให้เงินก้อนมาเปิดร้าน แต่ทำไมเค้าไม่คิด)
แฟน: อย่าปากดีนะ
เรา: เราไม่ได้ปากดี เราหมายความตามที่พูดทุกคำ (สงสารลูกมาก ลูก 7 ด. มองเราตาปริบๆ เพราะเราร้องไห้ เค้าไม่เคยเห็น เค้าก็ทำท่าจะร้องไห้ด้วย)
แฟน:อย่าปากดี
แล้วเค้าก็อุ้มลูกเดินลงมาข้างล่างซะ บอกให้เราอาบน้ำ เราอาบน้ำเสร็จ ก็ลงมา และบอกว่าเค้าน้อยใจไม่เข้าเรื่อง เราเหนื่อยที่จะต้องมาอธิบายอย่างนี้ เราไม่รู้ว่าจะต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีกนานแค่ไหน นี่ดีว่า บ้านเค้าก็ไมได้จน ถ้าบ้านเค้าจน จะยิ่งกว่านี้อีก และเกิดสมมติเราจนกว่าเค้า เราไม่ยิ่งถูกเค้ากดจมเหรอ ขนาดแบบนี้ ในร้าน2 เค้ายังไม่ให้เราเข้าไปยุ่ง บอกว่าเป็นร้านเค้า
สุดท้ายแฟนเราก็มานั่งคุยด้วย บอกว่าเราพูดไม่ดีกับเค้า บลาๆๆๆ ก็เหมือนเดิม พูดวนไปมากันเหมือนเดิม สุดท้าย เค้าบอกว่าเค้าขอโทษ เราบอกว่า เราไม่ได้ต้องการคำขอโทษ เราต้องการให้ที่ร้าน เลิกสูบบุหรี่ในร้าน เค้าก็บอกว่า แต่เค้าเป็นคนสูบบุหรี่นะ เราบอก แล้วไง ร้านอื่นๆ ห้างอื่นๆ ที่เค้าขายดีกว่าเราตั้งเยอะ เค้าไม่เห็นต้องง้อลูกค้าด้วยการเสนอให้สูบได้ตามอิสระ ทำไมคนสูบบุหรี่เค้ามีมารยาทรู้ว่าที่ไหนควรสูบไม่ควรสูบ นี่ร้านเองยังไม่ให้เกียรติ สูบในร้าน ก็อย่าหวังว่าใครมันจะมาให้เกียรติ แฟนก็ว่า ลูกค้าผู้หญิงไม่เยอะหรอก เราว่า ไม่ว่าลูกค้าผู้ ญ เด็กจะเยอะไม่เยอะ ผู้ ช ทั้งที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ รู้ได้ไงว่าเค้าอยากเข้ามาในร้านที่มีแต่กลิ่นบุหรี่
แฟนก็ว่า แต่เราต้องยอมรับว่า เราพูดไม่ดีกับเค้าเหมือนกัน เราก็บอกว่าเรายอมรับ แต่สาเหตุที่เราพูดไม่ดี เพราะเค้ามาบอกว่าไม่ให้เราเข้าร้าน วนเป็นลูปเหมือนเดิม ปวดหัวมากกกกก จนไปส่งลูกไว้กับยายเรียบร้อย ระหว่างนั่งมาในรถ เราก็ถามเค้าว่า จะสูบบุหรี่ในร้านที่โต๊ะทำงานอีกไหม เค้าบอกสูบในห้องน้ำ เราก็ว่า ไม่เป็นไร ขออย่างเดียวอย่าสูบในร้าน ที่ขายของก็พอ
บ่นๆ ระบายๆ มาเยอะ อยากขอคำปรึกษาว่า
เราอยากรู้ว่า เราแรงไปหรือเปล่า แล้วแฟนเราเป็นยังไง ช่วยออกความเห็นทีค่ะ
เราจะแก้ไขปัญหาเดิมๆของเรายังไงดีคะ เราเบื่อกับความคิดของเค้ามาก เรื่องสมบัติ เรื่องบ้าน เรื่องร้าน แล้วแฟนเรา เป็นคนที่ใครพูดอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเตือน จะสอน พูดให้คิด ทั้งแม่ของเค้า พี่ชายเรา พ่อเรา ก็ไม่มีใครอยากจะพูด จะเตือนแล้ว
ทะเลาะกับแฟน ปวดหัวมากกก จนอยากเลิก (สงสารแต่ลูก) ขอระบายหน่อยค่ะ ปัญหาเดิมๆ
ก่อนอื่นเราขอเล่าเรื่องราวที่เรามีปัญหากับแฟนให้ฟังก่อนนะคะ
โดยพื้นฐานแล้ว เรามาจากครอบครัวที่ที่บ้านพอจะมีฐานะอยู่บ้าง ส่วนครอบครัวของแฟนก็ฐานะปานกลาง พ่อกับแม่รับราชการทั้งคู่ เมื่อเรา 2 คนแต่งงานกัน แฟนก็ย้ายมาอยู่ที่ ตจว.กับเรา (เป็นจังหวัดบ้านเกิดของเราทั้ง 2 คน) เราเปิดร้านเล็กๆอยู่ร้านนึง (ร้าน 1) มา ประมาณ5 ปีแล้ว ส่วนแฟนก็หางานประจำทำแต่ในที่สุดก็มาตกลงกันว่าจะเปิดร้านค้าอีกร้านนึงเป็นร้านขายวัสดุไฟฟ้า (ร้าน 2) โดยเปิดในตึกของทางบ้านเราเอง (ทางบ้านเราให้เงินมาก้อนนึงเพื่อเปิดร้านค้า) แต่เราพักที่ร้านที่ 1(ตึกของที่บ้านอีกเช่นกัน)
แฟนเราเป็นคนสูบบุหรี่ กินเหล้า เรากับแฟนเคยมีเรื่องทะเลาะกันเพราะบุหรี่ และเหล้าหลายต่อหลายครั้ง เพราะเค้าชอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำที่ร้าน 1 จนตกลงกันว่า ให้เค้าไปสูบในห้องน้ำชั้น 3 แทน แยกห้องน้ำกันใช้ (แต่จริงๆเราก็ยังเหม็นกลิ่นบุหรี่อยู่ดี) ส่วนที่ ร้าน 2 เค้าสูบในห้องน้ำเป็นประจำอยู่แล้ว
เรื่องเหล้า ก่อนแต่ง เค้าเคยบอกเราว่าเค้าดื่มแค่อาทิตย์ละประมาณ 2 วัน แต่พอแต่งงานมา ทำไมไม่เป็นแบบนั้น เค้าดื่มติดต่อกันก็มี วันเว้นวันก็มี 5 วันติดก็มี ทะเลาะกันมาเรื่อยๆ พอเราพูดว่าไหนว่ากินอาทิตย์ละ 2 วัน เค้าก็จะโกรธตลอด
ช่วงเริ่มเปิดร้าน 2 เรา 2 คนไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เลยช่วยกันทำ แต่หลักๆคือจะให้แฟนอยู่ เราจะอยู่แค่ตอนเช้า บ่ายๆ ก็กลับไปร้าน 1 ในช่วงเริ่มก่อตั้งร้านก็มีเรื่องให้ได้เถียงกันตลอด เพราะแฟนเราเค้าไม่มีเซนส์เรื่องการค้าขายเลย เน้นขายถูกเข้าว่า และขายถูกทุกรายการ คิดเป็น % หมด โดยไม่มองว่าของตัวนี้ออกบ่อยของถูก ของนานๆออกที ก็บวกกำไร เยอะหน่อย และเมื่อทะเลาะกัน เค้าจะชอบพูดว่า เราอย่ามายุ่ง นี่ร้านเค้า เค้าดูแลเองได้ ร้านของเค้า พอเถียงกันว่า มันก็เป็นร้านเราด้วย เค้าก็จะโกรธและบอกว่า ใช่สิ เงินลงทุนก็ของบ้านเรา ตึกก็ของบ้านเรา เราก็ต้องมานั่งอธิบายทุกครั้ง ว่าเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ แค่บอกว่า กรรมสิทธิ์ร้านเป็นของๆเราทั้ง 2 คน ไม่ใช่ของคนใดคนนึง เราก็ไม่รู้เค้าจะเข้าใจไหม แต่เมื่อทะเลาะกันเรื่องร้าน ก็จะต้องจบลงด้วย มันเป็นของที่บ้านเราประจำ
ยกตัวอย่าง เพื่อนเค้ามาหา นั่งกินเหล้ากันที่โต๊ะทำงาน สูบบุหรี่ฟุ้งไปหมด ตอนเย็นเค้ากลับมา เรามองก็รู้แล้วว่ากินเหล้ามา (ในร้าน) เราก็บอกว่าขอร้องอย่านั่งกินเหล้าในร้าน มันดูไม่ดี ลูกเค้าเข้ามาเห็นเจ้าของร้านนั่งเมา ใครเค้าจะอยากเข้ามาซื้อของ ก็ทะเลาะกัน เรายื่นคำขาด ว่าห้ามนั่งกินในร้าน ถ้าจะกิน แบบอยากมาก ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ ให้ซื้อโต๊ะหินมานั่งกินหน้าร้าน ยังจะดีกว่ากินในร้าน แต่ก็มีอีกหลายครั้ง ที่ยังนั่งกินเหล้าในร้าน จนเราต้องพูดกับทั้งแฟน และเพื่อนเค้าว่าห้ามเด็ดขาด ถ้าทนไม่ไหว ปิดร้านไปกินกันเลย หรือไม่ เพื่อนก็อย่ามา เวลาเปิดร้าน ก็ทะเลาะกัน และลงท้ายด้วย ใช่สิ ร้านนี้มันเป็นของเรานี่ ตึกก็เป็นของเรา อีกแล้ว (ทั้งเรื่องสูบบุหรนี่ก็ทะเลาะกันประจำ จนเราไปซื้อสติ๊กเกอร์ห้ามสูบมา จะมาแปะที่ร้าน แต่พอดีร้านเราเจอลูกค้ามาสูบ เราเลยเอาแปะร้าน 1 ซะก่อน)
ช่วงหลัง เราไม่ได้ไปที่ร้าน 2 เพราะท้อง คลอดลูก เลี้ยงลูก ไม่ได้ไปนั่งนานๆ มาปีกว่าๆ เรื่องทุกอย่างในร้านก็ให้เค้าจัดการคนเดียว(ยกเว้น บัญชีที่เราเป็นคนทำ) ส่วนเรื่องเหล้า บุหรี่ ที่กินกันในร้านเราไม่ได้คิดว่าเค้าจะทำอีก ส่วนเหล้าที่ดื่มบ่อยๆ หลังคลอดลูก เลี้ยงลูกเหนื่อยมาก เราไม่อยากไปเครียดเรื่องกินเหล้าของเค้าอีก เลยบอกแฟนว่า เราจะไม่ห้ามหรือทะเลาะกับเค้าเรื่องเหล้าอีกแล้ว เค้าจะกินก็กินไป สุขภาพของเค้า ก็แล้วแต่เค้าละกัน
จนเมื่อวานนี้ เราไปที่ร้าน 2 ลูกค้าผู้ชายกำลังซื้อของอยู่ บนโต๊ะทำงานแฟน มีบุหรี่และที่เขี่ยวางอยู่ กลิ่นบุหรี่แรงมากจนแสบจมูก เราถึงกับน้ำมูกไหล พอลูกค้าซื้อของเสร็จออกไป เรารอจังหวะอยู่แล้วขึ้นเลย
เรา : เคยบอกหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้สูบบุหรี่ในร้าน นี่สูบเองยังไม่พอ ยังควักบุหรี่ยื่นให้ลูกค้าสูบ ปรนเปรอกันแบบนี้ ลูกค้าแทนที่เค้าจะเกรงใจ เห็นเจ้าของร้านทำอย่างนี้ก็เต็มที่เลยสิ
แฟน: นี่มาหาเรื่องอะไรอีก เราอยู่ของเราดีๆ นะ
เรา: ไม่ได้จะหาเรื่อง แต่เคยพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามสูบบุหรี่ในร้าน
แฟน: แต่เราเป็นคนสูบบุหรี่
เรา: ถ้าตัวเองอยากสูบ ก็ไปสูบหน้าร้านสิ ถ้าลูกค้าจะสูบ ก็พูดกับเค้าดีๆก็ได้ ว่า พี่คับ เชิญสูบหน้าร้านดีกว่านะพี่ ไม่มีใครเค้าโกรธหรอก แต่นี่อย่าว่าแต่ห้ามเลย ยื่นให้เค้าพร้อมที่เขี่ยอย่างนี้ ลูกค้าก็สูบสิ ทำอย่างกะร้านเหล้า ถ้าเปิดร้านเหล้าจะไม่ว่าเลย ถ้าลูกค้าที่เป็นผู้หญิงหรือคนที่ไม่สูบบุหรี่มาซื้อของ เข้ามาในร้านกลิ่นหึ่งแบบนี้ ใครมันจะอยากเข้า
แฟน :ช่างมัน ใครไม่เข้าก็อย่าเข้า
เรา : แล้วเด็กในร้าน(ญ) อย่าคิดว่าเด็กในร้านจะต้องสูดกลิ่นบุหรี่เพียงเพราะเค้าเป็นลูกจ้างนะ
แฟน: เงียบ
เรา: แล้วเราอีก กลิ่นแบบนี้เราก็ไม่อยากเข้า
แฟน: ก็ชั่ง ไม่อยากเข้าก็อย่าเข้า
เรา: อ้าว เรายังเข้าร้านไม่ได้ งั้นก็ปิดร้านดีกว่าไหม ไม่ต้องเปิดมันแล้ว
แฟน : เราอยู่ของเราดีๆ ทำไมมาหาเรื่อง ทำไมพูดไม่ดีแบบนี้
เรา: เราไม่ได้หาเรื่อง ถ้าจำได้ เราเคยพูดดีด้วยหลายครั้งแล้วเรื่องบุหรี่เนี่ย พอมาเจอแบบนี้ จะให้เราทำไง
ระหว่างนั้นลูกค้าเข้ามาพอดี แฟนเลยบอกว่า พอก่อน ค่อยคุยกัน เราเลยกลับมาร้าน 1
ตอนบ่าย เราเลยไปซื้อสติ๊กเกอร์ห้ามสูบบุหรี่ไปติดที่ร้าน ให้เห็นชัดๆ ตอนเย็นเราก็ไปรับลูกกับแฟนตามปกติ แต่เรา 2 คนไม่ได้คุยกัน เราคิดว่าเค้าคงยังเคืองอยู่ พอกลับมา เค้าก็ไปซื้อเหล้ามากินกับพี่ชายเราซึ่งไม่รู้เรื่องด้วย และเค้านอนข้างล่างเพราะเวลาเมาจะกรนดังมาก เราเลยขอว่าถ้าเมา ให้แยกกันนอน
ตอนเช้า เราเห็นเค้าตื่นสายใกล้จะ 7 โมงแล้ว(ปกติเค้าจะตื่นมาต้มข้าวต้มให้ลูก อาบน้ำ แล้วดูลูกต่อให้เราอาบน้ำ) เราเลยอุ้มลูกลงมาข้างล่างกะจะมาปลุกเค้า เห็นเค้าเพิ่งกำลังล้างข้าวสาร ต้มข้าว เค้าเงียบๆ
เรา: ยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่เหรอ
แฟน: เธอไม่ให้เกียรติ เรา
เรา: เรื่องอะไร ที่ไม่ให้เกียรติ (งงจริงๆ ทะเลาะกันเรื่องบุหรี่ ให้เกียรติอะไรวะ)
แฟน: เรื่องที่บอกว่าจะปิดร้าน ถือว่าเป็นบ้านของเธอ จะปิดเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม
เรา: นี่เรากำลังทำเลาะกันเรื่องห้ามสูบบุหรี่ในร้านอยู่นะ
แฟน:ก็เธอพูดอย่างนั้น
เรา: แล้วเราพูดอย่างนั้นเพราะอะไร ก็เธอบอกว่าเราก็เข้าร้านไม่ได้ เราก็เป็นเจ้าของร้านคนนึงเหมือนกัน เราเข้าร้านไม่ได้ แล้วจะเปิดทำไมอีกล่ะร้านน่ะ
แต่แฟนบอกว่าสายแล้ว ค่อยคุยกัน แต่เราบอกว่า ไหนๆก็คุยแล้ว คุยให้จบ ไม่อยากจะมาโกรธกันข้ามวัน 4-5 วัน มันเครียด เราบอกว่า แฟนมาน้อยใจด้วยเรื่องเดิมๆอีกแล้วนะ เค้าก็ไม่ฟัง ขึ้นไปอาบน้ำ จนเสร็จ เราก็อุ้มลูกตามขึ้นไปแล้วบอกว่า เราจะคุยกับเค้าให้รู้เรื่อง เรื่องร้าน ว่าไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนนึง เป็นของเราทั้งคู่ ส่วนทางบ้านเราที่ให้มา เคยพูดเรื่องนี้แล้วว่าอย่าเอามาคิดมาก ให้คิดในทางที่ดีกว่า ดีกว่าคู่อื่นๆหลายๆคู่ที่เค้าไม่มีครอบครัวช่วยซัพพอร์ต แต่แฟนเราก็เหมือนจะไม่เข้าใจ คิดอยู่แบบเดิมๆ
เรา: ต่อไปนี้เราจะไม่พูดเรื่องทรัพย์สมบัติว่าของใครเป็นของใครแล้วนะ ผ่านมาจะ 8 ปี แล้ว ควรจะเข้าใจได้แล้ว ไม่ใช่ต้องให้มาง้อทุกครั้งว่า เธออออ อย่าเข้าใจอย่างนั้นสิ เธออออ กำลังเข้าใจผิดนะ อย่าน้อยใจนะ เราไม่ได้คิดอย่างน้านนนนนน เรื่องเดิมๆ ควรทำความเข้าใจได้แล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ว่า บ้านเรามี ตึกนี้เป็นของบ้านเรา เราเบื่อๆๆ ที่จะต้องมานั่งอธิบายทุกครั้งที่ทะเลาะกันแบบนี้ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็เลิกกันไปเลยดีกว่า เพราะเราเปลี่ยนแปลงความจริงตรงนี้ไม่ได้ (เราสงสารลูกมาก แต่คิดว่า มันเป็นความจริง ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ว่าบ้านเรารวยกว่าบ้านเค้า ที่จริงเค้าน่าจะคิดบวก ว่าพ่อตาแม่ยายไว้วางใจให้เงินก้อนมาเปิดร้าน แต่ทำไมเค้าไม่คิด)
แฟน: อย่าปากดีนะ
เรา: เราไม่ได้ปากดี เราหมายความตามที่พูดทุกคำ (สงสารลูกมาก ลูก 7 ด. มองเราตาปริบๆ เพราะเราร้องไห้ เค้าไม่เคยเห็น เค้าก็ทำท่าจะร้องไห้ด้วย)
แฟน:อย่าปากดี
แล้วเค้าก็อุ้มลูกเดินลงมาข้างล่างซะ บอกให้เราอาบน้ำ เราอาบน้ำเสร็จ ก็ลงมา และบอกว่าเค้าน้อยใจไม่เข้าเรื่อง เราเหนื่อยที่จะต้องมาอธิบายอย่างนี้ เราไม่รู้ว่าจะต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีกนานแค่ไหน นี่ดีว่า บ้านเค้าก็ไมได้จน ถ้าบ้านเค้าจน จะยิ่งกว่านี้อีก และเกิดสมมติเราจนกว่าเค้า เราไม่ยิ่งถูกเค้ากดจมเหรอ ขนาดแบบนี้ ในร้าน2 เค้ายังไม่ให้เราเข้าไปยุ่ง บอกว่าเป็นร้านเค้า
สุดท้ายแฟนเราก็มานั่งคุยด้วย บอกว่าเราพูดไม่ดีกับเค้า บลาๆๆๆ ก็เหมือนเดิม พูดวนไปมากันเหมือนเดิม สุดท้าย เค้าบอกว่าเค้าขอโทษ เราบอกว่า เราไม่ได้ต้องการคำขอโทษ เราต้องการให้ที่ร้าน เลิกสูบบุหรี่ในร้าน เค้าก็บอกว่า แต่เค้าเป็นคนสูบบุหรี่นะ เราบอก แล้วไง ร้านอื่นๆ ห้างอื่นๆ ที่เค้าขายดีกว่าเราตั้งเยอะ เค้าไม่เห็นต้องง้อลูกค้าด้วยการเสนอให้สูบได้ตามอิสระ ทำไมคนสูบบุหรี่เค้ามีมารยาทรู้ว่าที่ไหนควรสูบไม่ควรสูบ นี่ร้านเองยังไม่ให้เกียรติ สูบในร้าน ก็อย่าหวังว่าใครมันจะมาให้เกียรติ แฟนก็ว่า ลูกค้าผู้หญิงไม่เยอะหรอก เราว่า ไม่ว่าลูกค้าผู้ ญ เด็กจะเยอะไม่เยอะ ผู้ ช ทั้งที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ รู้ได้ไงว่าเค้าอยากเข้ามาในร้านที่มีแต่กลิ่นบุหรี่
แฟนก็ว่า แต่เราต้องยอมรับว่า เราพูดไม่ดีกับเค้าเหมือนกัน เราก็บอกว่าเรายอมรับ แต่สาเหตุที่เราพูดไม่ดี เพราะเค้ามาบอกว่าไม่ให้เราเข้าร้าน วนเป็นลูปเหมือนเดิม ปวดหัวมากกกกก จนไปส่งลูกไว้กับยายเรียบร้อย ระหว่างนั่งมาในรถ เราก็ถามเค้าว่า จะสูบบุหรี่ในร้านที่โต๊ะทำงานอีกไหม เค้าบอกสูบในห้องน้ำ เราก็ว่า ไม่เป็นไร ขออย่างเดียวอย่าสูบในร้าน ที่ขายของก็พอ
บ่นๆ ระบายๆ มาเยอะ อยากขอคำปรึกษาว่า
เราอยากรู้ว่า เราแรงไปหรือเปล่า แล้วแฟนเราเป็นยังไง ช่วยออกความเห็นทีค่ะ
เราจะแก้ไขปัญหาเดิมๆของเรายังไงดีคะ เราเบื่อกับความคิดของเค้ามาก เรื่องสมบัติ เรื่องบ้าน เรื่องร้าน แล้วแฟนเรา เป็นคนที่ใครพูดอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเตือน จะสอน พูดให้คิด ทั้งแม่ของเค้า พี่ชายเรา พ่อเรา ก็ไม่มีใครอยากจะพูด จะเตือนแล้ว