วางแผนเที่ยวกระบี่หวังว่าจะเป็นทริปครอบครัวหรรษาส่งท้ายก่อนคลอดน้องคนที่ 2 โดยจองตั๋วเดินทางกับสายการบินนกแอร์ในวันอาทิตย์ที่ 14/12/57 แต่เกิดมีธุระสำคัญต้องไปจัดการและต้องถึง จ.กระบี่ ก่อนเที่ยงวันที่ 13/12/57 เลยจำใจทิ้งตั๋วนกแอร์ขาไป แล้วพี่ชายแนะนำสายการบิน Lion Air ว่าดี คุ้มค่าคุ้มราคา เราก็เลยตัดสินใจลองใช้บริการเป็นครั้งแรก
เสาร์ที่ 13/12/2557 เดินทางไฟล์เช้าตรู่กับ Lion Air เครื่องออก 6 โมงเช้าที่สนามบินดอนเมือง วางแผนแงะลูกสาววัย 2 ขวบครึ่งที่กำลังหลับสนิทจากที่นอน เพื่อไปให้ถึงสนามบินตอนตี 04.45
ยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงได้คิวเช็คอิน โหลดกระเป๋าตอน ตี 5.10 จนท.เกือบจะส่งตั๋วให้แหละ ตาดันเหลือบไปเห็นป้ายเขียนว่า
“กรุณาแจ้ง จนท. หากตั้งครรภ์” เราก็ท้องอยู่ 31 อาทิตย์ หรือ เกือบๆ 8 เดือน ก็เลยแจ้งตามกฏ พร้อมกับยื่นใบรับรองแพทย์จากคุณหมอที่ฝากครรภ์ ว่าอนุญาตให้เดินทางได้
จนท. Lion Air ไปปรึกษากับหัวหน้างานแล้วบอกว่า วันที่ออกใบรับรองคือ 25 พ.ย. 57 ตามกฎของ Lion Air จะต้องมีอายุไม่เกิน 7 วันนับจากวันเดินทาง โดยเราก็แย้งกลับไปว่าให้ดูที่เนื้อหาว่าคุณหมอระบุว่า Fit to Fly as normal seated passenger (อนุญาตให้เดินทางเหมือนผู้โดยสารทั่วไปได้)
อย่างไรก็ตาม จนท. ยืนยันว่าไม่สามารถให้ตั๋วได้ โดยมีข้อแนะนำ 2 ข้อ
1) ให้คุณหมอ เปลี่ยนวันที่ในใบรับรองแพทย์ให้เป็นวันเดินทาง (ซึงขณะนั้นเป็นเวลา 05.15 คุณหมอจะตื่นหรือยัง?)
2) ให้ไปพบแพทย์ที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งอยู่อีกฝากหนึ่งกับที่ check-in (ซึ่งเราแจ้งกับ จนท.ไปว่าทำไมหมอที่ไม่ได้เป็นแพทย์เฉพาะทางจะมารู้ประวัติเราดีกว่าหมอที่ฝากท้อง และคำนวณเวลาแล้วกว่าจะ เดินไปให้หมอตรวจ เดินกลับมาเอาตั๋ว เดินผ่านการตรวจความปลอดภัย และไปประตู 72 ยังไงก็ตกเครื่องแน่นอน ) สุดท้ายต่อรองไม่เป็นผล ไม่ยอมส่งตั๋วให้ ยืนยันคำเดิมว่าต้องได้ใบแพทย์ พร้อมทั้งยืนยันว่ายังไงก็รอ เพราะ ได้เช็คอินและโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
เราก็เดินออกมาแบบจ๋อยๆเผื่อจะไปพบแพทย์สนามบิน แต่พอถาม จนท. รปภ. เค้าก็บอกว่ามันอยู่ชั้น G และไกลจากจุดที่ยืนอยู่มาก สามีก็คงสงสารเห็นเราเดินไกลเลยตัดสินใจโทรไปขอความช่วยเหลือที่ Call center ของรพ. บำรุงราษฏร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่คุณมิลัน บริการประทับใจมาก ประสานงานโทรไปขออนุญาตคุณหมอที่ฝากครรภ์เผื่อทำเรื่องเปลี่ยนวันที่และส่งใบรับรองแพทย์มาใหม่ทางอีเมลล์ และเราก็เดินเอากลับไปให้ จนท. Check in ตอนตี 5.40
สุดท้ายได้ตั๋วมาจนได้และยังนึกดีใจเมื่อพนง.แจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่พาไปส่งขึ้นรถ เราก็ยังโลกสวยคิดว่าเป็นรถที่พาไปส่งที่ประตูเครื่องบิน ไม่ตกเครื่องแน่นอน
จนท.ที่ทำหน้าที่ Check in คนเดิมพาเดินนำไปเข้าแถวผ่านประตูตรวจความปลอดภัย ผ่านร้านอาหารไปจุดจอดรถ เพิ่งถึงบางอ้อ... ว่าเป็นรถกอล์ฟในสนามบินแล้วบอกให้เรารอขึ้นรถ ในตอนนั้นมี จนท.ขับรถเพียงคนเดียวกำลังจะออกรถไปส่งผู้โดยสารที่เกท ถ้าจะขึ้นรถก็ต้องรอให้วนรถกลับมา ซึ่งเราก็คิดว่าเดินไปกันเองน่าจะเร็วกว่า
น้องที่เดินนำเข้ามาก็บอกว่าพี่จะเดินไหวเหรอ เพราะ Gate 72 อยู่สุดทางเดินเลยนะ ก็เลยหันไปบอกน้องว่าพี่นึกว่าจะพาไปส่งรถขึ้นเครื่องซะอีก สุดท้ายก็ตัดสินใจเดิน แล้วบอกให้สามีอุ้มลูก แล้วรีบเดินนำหน้าไปก่อน แต่สามีก็เป็นห่วงเพราะกลัวเดินไม่ไหว ก็เลยพยายามเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่คนท้องอายุครรภ์ 31 อาทิตย์จะเดินได้ พอไปจนสุดทางเดิน รถกอล์ฟเพิ่งจะสวนกลับมา ก็ยังคิดในใจว่าดีนะที่ตัดสินใจเดิน
จากนั้นก็ลงบรรไดไปเพื่อจะไปยัง Gate 72 แต่ จนท. กลับพูดหน้าตาเรียบเฉยว่าพี่มาช้าไป Gate ปิดไปแล้วเมื่อ 2 นาทีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 06.05 เราทั้งเหนื่อย ทั้งตกใจ ไหนบอกเราว่ายังไงก็รอ จนท.ที่ Gate ก็พูดหน้าตาเฉยว่ามี จนท.โทรมาประสานงานแล้วว่าจะมีคนท้องเดินทางมาขึ้นเครื่อง แต่พี่มาไม่ทันเวลาเอง ทางเราก็ทำอะไรไม่ได้ เราก็พยายามเจรจาต่อรองขอให้ไปส่งขึ้นเครื่อง สุดท้ายน้องเค้าได้แต่พูดว่าไม่ทันแล้วจริงๆ
เราก็เลยขอคุยกับ จนท.ที่สูงกว่า ซึ่งเป็น Team Lead ชื่อคุณ ทัดดาภรณ์ (Taddaporn- TL 30087) ซี่งก็ออกมาพูดแค่ว่า คำว่ายังไงก็รอ แปลว่า ยังไงก็รอจนวินาทีสุดท้าย เราถึงขั้นลมจะใส่เพราะตอน check in พูดว่ายังไงก็รอเพราะ check in และโหลดกระเป๋าแล้ว คุณทัดดาภรณ์ ก็บอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะทางเราได้เอากระเป๋าเดินทางของพี่ลงจากเครื่องแล้ว อันนี้ถึงขั้นจะล้มทั้งยืน และบอกน้องไปว่า จนท.ก็แจ้งแล้วว่าพี่กำลังเดินเข้ามา พี่ช้าไปแค่ 2 นาทีกลับไม่รอ แต่ทำไมถึงมีเวลาไปหากระเป๋าจนเจอและเอาลงมาจากเครื่องได้
เดินทางมาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ตกเครื่อง และประสบการณ์ครั้งแรกที่บินกับ Lion Air เลยบอกน้องไปว่าคงไม่บินกับสายการบินนี้อีก และ จะไปโพสแชร์เล่าประสบการณ์เตือนในในพันทิปด้วย คุณ ทัดดาภรณ์ ผู้ซึ่งเป็นถึงหัวหน้าทีม กลับไม่สนกระแสพันทิป กลับพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉย ว่า “เชิญคะ”
ณ จุดนี้คิดว่าคุยกับน้อง 2 คนนี้คงไม่รู้เรื่อง เจรจาขอคุยกับคนที่มีอำนาจมากกว่านี้ สุดท้ายได้คุยกับคุณ ทัศนีย์พร ทางโทรศัพท์ ซึ่งก็พูดจาดีและเห็นอกเห็นใจ โดยจะทำการคืนเงินค่าภาษีสนามบินให้ 3 ทีนั่งทั้งสิ้นประมาณ 300 บาท แต่เราคิดว่ามันไม่แฟร์ เพราะเราเสียเวลาและมีนัดสำคัญต้องไปจัดการที่ จ. กระบี่ คุณ ทัศนีย์พร เลยขอไปปรึกษากับผู้บริหารและโทรกลับ
สุดท้าย เราก็ได้กระเป๋าคืน และ ออกไปจากเกท เพื่อไปซื้อตั๋วเดินทางใหม่ทั้งหมด 3 ที่นั่งกับสายการบิน นกแอร์
โดยลองยื่นใบรับรองแพทย์ตัวเดิม ก็สามารถ check in ได้ตามปกติ แต่ต้องรอและเสียเวลาไป 4 ชม. เพราะไฟล์ที่เร็วที่สุดของนกแอร์คือ 10.10 เดินทางโดยสวัสดิภาพพร้อมทั้งได้รับการดูแลอย่างดีจากพนักงานนกแอร์ทุกท่าน ขอชมไปยังคุณ พาที ผู้บริหารที่มีการอบรมพนักงานมาเป็นอย่างดี
บ่าย 2 โมงในวันเดียวกัน ทางคุณ ทัศนีย์พร ติดต่อกลับมาเจรจาขอคืนเงินเต็มจำนวนกับทาง Lion Air ซึ่งเราก็ยังมองว่ามันไม่แฟร์ เพราะ เราต้องเสียเงินซื้อตั๋วใหม่ เสียเวลารอไปอีก 4 ชม. และไปไม่ทันธุระสำคัญ
เลยขอร้องให้ทางผู้บริหารระดับสูงหรือคนที่มีอำนาจโทรกลับ เพื่อให้คำแนะนำในการอบรมเรื่องการประสานงานของพนง. สุดท้ายไม่เป็นผล คุณ ทัศนีย์พร แจ้งว่า ไม่มีผู้บริหารระดับสูงคนไหนว่างโทรกลับมา
เราเลยมองว่าค่าโดยสารจริงๆก็ไม่ได้แพงอะไร เลยไม่อยากเสียเวลาไปทำเรื่องขอเงินคืน ถือเป็นว่าเป็นค่าบทเรียนและเก็บไว้เป็นเรื่องเตือนใจให้กับบรรดาคุณแม่ทั้งหลายที่คิดจะเดินทางกับสายการบินนี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนเรา.....
ยอมจ่ายแพงอีกนิดให้สายการบิน Low cost อย่างนกแอร์ แต่มาตรฐานการบริการนั้นขอบอกว่าเทียบได้กับสายงานบินชั้นนำเลยทีเดียว
เตือนใจ: คุณแม่ตั้งครรภ์ เดินทางกับสายการบิน Lion Air อาจตกเครื่องได้ถึงแม้มีใบรับรองแพทย์
เสาร์ที่ 13/12/2557 เดินทางไฟล์เช้าตรู่กับ Lion Air เครื่องออก 6 โมงเช้าที่สนามบินดอนเมือง วางแผนแงะลูกสาววัย 2 ขวบครึ่งที่กำลังหลับสนิทจากที่นอน เพื่อไปให้ถึงสนามบินตอนตี 04.45
ยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงได้คิวเช็คอิน โหลดกระเป๋าตอน ตี 5.10 จนท.เกือบจะส่งตั๋วให้แหละ ตาดันเหลือบไปเห็นป้ายเขียนว่า
“กรุณาแจ้ง จนท. หากตั้งครรภ์” เราก็ท้องอยู่ 31 อาทิตย์ หรือ เกือบๆ 8 เดือน ก็เลยแจ้งตามกฏ พร้อมกับยื่นใบรับรองแพทย์จากคุณหมอที่ฝากครรภ์ ว่าอนุญาตให้เดินทางได้
จนท. Lion Air ไปปรึกษากับหัวหน้างานแล้วบอกว่า วันที่ออกใบรับรองคือ 25 พ.ย. 57 ตามกฎของ Lion Air จะต้องมีอายุไม่เกิน 7 วันนับจากวันเดินทาง โดยเราก็แย้งกลับไปว่าให้ดูที่เนื้อหาว่าคุณหมอระบุว่า Fit to Fly as normal seated passenger (อนุญาตให้เดินทางเหมือนผู้โดยสารทั่วไปได้)
อย่างไรก็ตาม จนท. ยืนยันว่าไม่สามารถให้ตั๋วได้ โดยมีข้อแนะนำ 2 ข้อ
1) ให้คุณหมอ เปลี่ยนวันที่ในใบรับรองแพทย์ให้เป็นวันเดินทาง (ซึงขณะนั้นเป็นเวลา 05.15 คุณหมอจะตื่นหรือยัง?)
2) ให้ไปพบแพทย์ที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งอยู่อีกฝากหนึ่งกับที่ check-in (ซึ่งเราแจ้งกับ จนท.ไปว่าทำไมหมอที่ไม่ได้เป็นแพทย์เฉพาะทางจะมารู้ประวัติเราดีกว่าหมอที่ฝากท้อง และคำนวณเวลาแล้วกว่าจะ เดินไปให้หมอตรวจ เดินกลับมาเอาตั๋ว เดินผ่านการตรวจความปลอดภัย และไปประตู 72 ยังไงก็ตกเครื่องแน่นอน ) สุดท้ายต่อรองไม่เป็นผล ไม่ยอมส่งตั๋วให้ ยืนยันคำเดิมว่าต้องได้ใบแพทย์ พร้อมทั้งยืนยันว่ายังไงก็รอ เพราะ ได้เช็คอินและโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
เราก็เดินออกมาแบบจ๋อยๆเผื่อจะไปพบแพทย์สนามบิน แต่พอถาม จนท. รปภ. เค้าก็บอกว่ามันอยู่ชั้น G และไกลจากจุดที่ยืนอยู่มาก สามีก็คงสงสารเห็นเราเดินไกลเลยตัดสินใจโทรไปขอความช่วยเหลือที่ Call center ของรพ. บำรุงราษฏร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่คุณมิลัน บริการประทับใจมาก ประสานงานโทรไปขออนุญาตคุณหมอที่ฝากครรภ์เผื่อทำเรื่องเปลี่ยนวันที่และส่งใบรับรองแพทย์มาใหม่ทางอีเมลล์ และเราก็เดินเอากลับไปให้ จนท. Check in ตอนตี 5.40
สุดท้ายได้ตั๋วมาจนได้และยังนึกดีใจเมื่อพนง.แจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่พาไปส่งขึ้นรถ เราก็ยังโลกสวยคิดว่าเป็นรถที่พาไปส่งที่ประตูเครื่องบิน ไม่ตกเครื่องแน่นอน
จนท.ที่ทำหน้าที่ Check in คนเดิมพาเดินนำไปเข้าแถวผ่านประตูตรวจความปลอดภัย ผ่านร้านอาหารไปจุดจอดรถ เพิ่งถึงบางอ้อ... ว่าเป็นรถกอล์ฟในสนามบินแล้วบอกให้เรารอขึ้นรถ ในตอนนั้นมี จนท.ขับรถเพียงคนเดียวกำลังจะออกรถไปส่งผู้โดยสารที่เกท ถ้าจะขึ้นรถก็ต้องรอให้วนรถกลับมา ซึ่งเราก็คิดว่าเดินไปกันเองน่าจะเร็วกว่า
น้องที่เดินนำเข้ามาก็บอกว่าพี่จะเดินไหวเหรอ เพราะ Gate 72 อยู่สุดทางเดินเลยนะ ก็เลยหันไปบอกน้องว่าพี่นึกว่าจะพาไปส่งรถขึ้นเครื่องซะอีก สุดท้ายก็ตัดสินใจเดิน แล้วบอกให้สามีอุ้มลูก แล้วรีบเดินนำหน้าไปก่อน แต่สามีก็เป็นห่วงเพราะกลัวเดินไม่ไหว ก็เลยพยายามเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่คนท้องอายุครรภ์ 31 อาทิตย์จะเดินได้ พอไปจนสุดทางเดิน รถกอล์ฟเพิ่งจะสวนกลับมา ก็ยังคิดในใจว่าดีนะที่ตัดสินใจเดิน
จากนั้นก็ลงบรรไดไปเพื่อจะไปยัง Gate 72 แต่ จนท. กลับพูดหน้าตาเรียบเฉยว่าพี่มาช้าไป Gate ปิดไปแล้วเมื่อ 2 นาทีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 06.05 เราทั้งเหนื่อย ทั้งตกใจ ไหนบอกเราว่ายังไงก็รอ จนท.ที่ Gate ก็พูดหน้าตาเฉยว่ามี จนท.โทรมาประสานงานแล้วว่าจะมีคนท้องเดินทางมาขึ้นเครื่อง แต่พี่มาไม่ทันเวลาเอง ทางเราก็ทำอะไรไม่ได้ เราก็พยายามเจรจาต่อรองขอให้ไปส่งขึ้นเครื่อง สุดท้ายน้องเค้าได้แต่พูดว่าไม่ทันแล้วจริงๆ
เราก็เลยขอคุยกับ จนท.ที่สูงกว่า ซึ่งเป็น Team Lead ชื่อคุณ ทัดดาภรณ์ (Taddaporn- TL 30087) ซี่งก็ออกมาพูดแค่ว่า คำว่ายังไงก็รอ แปลว่า ยังไงก็รอจนวินาทีสุดท้าย เราถึงขั้นลมจะใส่เพราะตอน check in พูดว่ายังไงก็รอเพราะ check in และโหลดกระเป๋าแล้ว คุณทัดดาภรณ์ ก็บอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะทางเราได้เอากระเป๋าเดินทางของพี่ลงจากเครื่องแล้ว อันนี้ถึงขั้นจะล้มทั้งยืน และบอกน้องไปว่า จนท.ก็แจ้งแล้วว่าพี่กำลังเดินเข้ามา พี่ช้าไปแค่ 2 นาทีกลับไม่รอ แต่ทำไมถึงมีเวลาไปหากระเป๋าจนเจอและเอาลงมาจากเครื่องได้
เดินทางมาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ตกเครื่อง และประสบการณ์ครั้งแรกที่บินกับ Lion Air เลยบอกน้องไปว่าคงไม่บินกับสายการบินนี้อีก และ จะไปโพสแชร์เล่าประสบการณ์เตือนในในพันทิปด้วย คุณ ทัดดาภรณ์ ผู้ซึ่งเป็นถึงหัวหน้าทีม กลับไม่สนกระแสพันทิป กลับพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉย ว่า “เชิญคะ”
ณ จุดนี้คิดว่าคุยกับน้อง 2 คนนี้คงไม่รู้เรื่อง เจรจาขอคุยกับคนที่มีอำนาจมากกว่านี้ สุดท้ายได้คุยกับคุณ ทัศนีย์พร ทางโทรศัพท์ ซึ่งก็พูดจาดีและเห็นอกเห็นใจ โดยจะทำการคืนเงินค่าภาษีสนามบินให้ 3 ทีนั่งทั้งสิ้นประมาณ 300 บาท แต่เราคิดว่ามันไม่แฟร์ เพราะเราเสียเวลาและมีนัดสำคัญต้องไปจัดการที่ จ. กระบี่ คุณ ทัศนีย์พร เลยขอไปปรึกษากับผู้บริหารและโทรกลับ
สุดท้าย เราก็ได้กระเป๋าคืน และ ออกไปจากเกท เพื่อไปซื้อตั๋วเดินทางใหม่ทั้งหมด 3 ที่นั่งกับสายการบิน นกแอร์ โดยลองยื่นใบรับรองแพทย์ตัวเดิม ก็สามารถ check in ได้ตามปกติ แต่ต้องรอและเสียเวลาไป 4 ชม. เพราะไฟล์ที่เร็วที่สุดของนกแอร์คือ 10.10 เดินทางโดยสวัสดิภาพพร้อมทั้งได้รับการดูแลอย่างดีจากพนักงานนกแอร์ทุกท่าน ขอชมไปยังคุณ พาที ผู้บริหารที่มีการอบรมพนักงานมาเป็นอย่างดี
บ่าย 2 โมงในวันเดียวกัน ทางคุณ ทัศนีย์พร ติดต่อกลับมาเจรจาขอคืนเงินเต็มจำนวนกับทาง Lion Air ซึ่งเราก็ยังมองว่ามันไม่แฟร์ เพราะ เราต้องเสียเงินซื้อตั๋วใหม่ เสียเวลารอไปอีก 4 ชม. และไปไม่ทันธุระสำคัญ
เลยขอร้องให้ทางผู้บริหารระดับสูงหรือคนที่มีอำนาจโทรกลับ เพื่อให้คำแนะนำในการอบรมเรื่องการประสานงานของพนง. สุดท้ายไม่เป็นผล คุณ ทัศนีย์พร แจ้งว่า ไม่มีผู้บริหารระดับสูงคนไหนว่างโทรกลับมา
เราเลยมองว่าค่าโดยสารจริงๆก็ไม่ได้แพงอะไร เลยไม่อยากเสียเวลาไปทำเรื่องขอเงินคืน ถือเป็นว่าเป็นค่าบทเรียนและเก็บไว้เป็นเรื่องเตือนใจให้กับบรรดาคุณแม่ทั้งหลายที่คิดจะเดินทางกับสายการบินนี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนเรา.....
ยอมจ่ายแพงอีกนิดให้สายการบิน Low cost อย่างนกแอร์ แต่มาตรฐานการบริการนั้นขอบอกว่าเทียบได้กับสายงานบินชั้นนำเลยทีเดียว