มาพักยกกันนิดหนึ่งจาก series PTT เนื่องจากเหตุการณ์ช่วงนี้เริ่มร้อนแรงระหว่างการสู้รบปรบมือของ
US vs พี่ปูติน และจากที่ผมได้อ่านบทวิเคราะห์ของหลายๆ ท่านและลองมานั่งทบทวนเหตุการณ์ดู
ก็พบว่าพอลองมาผูกเรื่องราวก็ได้ทฤษฎีสบคบคิดที่น่าสนใจพอสมควร
อนึ่ง ทั้งหมดนี่ผมจับมาผูกกันเอาเองนะครับ อาจจะเป็นแค่จินตนาการ แต่ยังไงลองหาอ่านดูได้ครับ
George W. Bush ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 43 ปี 2000 นาย Al Gore หลังจากแพ้เลือกตั้ง
ก็เริ่ม campaign Inconvenient Truth
http://en.wikipedia.org/wiki/An_Inconvenient_Truth#The_slide_show
ในขณะเดียวกันพี่ปูติน ก็ชนะการเป็นประธานาธิบดีรัสเซียด้วยคะแนนเอกฉันท์ มีนาปี 2000
http://en.wikipedia.org/wiki/Vladimir_Putin#First_Premiership_.281999.29
ซึ่งก่อนหน้านั้นแกเป็นรักษาการ และก่อนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีชูธงนโยบาย Energy Superpower
ซึ่งแผนการณ์ล้มหมี ของอินทรีย์ก็เริ่มต้นขึ้น โดยการให้นาย Algore ชูธง Green Energy และฝั่งยุโรปก็ตอบรับด้วย
มีการอุดหนุนพลังงานทางเลือกในภาคพื้นยุโรปมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะลดการใช้น้ำมันจากรัสเซียลงไป
inconvenient truth 2006 (film) ได้รับการทำเป็นหนังและได้รางวัลออสการ์อีกด้วยเป็นการเริ่มโปรโมทพลังงานทางเลือก
ลดการพึ่งพาน้ำมันนอก และเงินภาค private ก็มีการไหลเข้าบรรดา Green Energy
Barack Obama เข้าทำเนียบขาวเมื่อวันที่ January 20, 2009 เริ่ม Energy Policy
http://en.wikipedia.org/wiki/United_States_energy_independence
"He promised that the United States would have one million electric vehicles on the road by 2015 and would be 80% reliant on "clean" electricity."
โดยมีเงินอัดฉีดเข้าไปในบรรดา Solar Energy เยอะมาก ๆ
แต่แล้วไม่ว่ายังไง จีนก็ผลิต Solar Cell เข้าไปตีตลาดอเมริกา ทำให้เหล่า Green Startup เจ๊งกันเป็นระนาว
ยกตัวอย่าง Solynda
http://en.wikipedia.org/wiki/Solyndra#Shutdown_and_investigation
นั่นอาจจะเป็นการโต้กลับลำดับหนึ่งของรัสเซีย เจอจีนเข้าไปหน่อย อย่างไรก็ดีพลังงานทางเลือกยังมีราคาที่แพงเมื่อเทียบกับพลังจากถ่านหินและน้ำมันอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าพลังงานเขียว ไม่อาจทำอะไรได้ และได้มีการขุดพบ Shale Gas ขึ้นมาอีก พลังงานจาก Shale Gas ก็มาอยู่ในภาพ
http://en.wikipedia.org/wiki/Shale_gas
แต่อย่างไรก็ดีปรากฎว่า Shale Gas ก็ยังทำอะไรรัสเซียไม่ได้อีกอยู่ดี
มาฝั่งพี่หมีบ้าง (อันนี้ผมคิดเองล้วน) จากนั้นพี่ปูตินน่าจะจับกับจีนไปทำร้ายอเมริกาบ้างโดยเอาเงินไปปั่นราคาบ้านที่อเมริกา ล่อเม่า
จาก Wikipedia
Several other factors set the stage for the rise and fall of housing prices,
and related securities widely held by financial firms. In the years leading up to the crisis,
the U.S. received large amounts of foreign money from fast-growing economies in Asia and oil-producing/exporting countries.
เหล่าธนาคารเกิดความโลภทำเครื่องมือทางการเงินยุบบับเต็มไปหมด โดยไปกู้จากต่างประเทศอีก ทีนี้พอฟองสบู่ Subprime แตกก็เจ๊งบ๊งเลยทีเดียว
เมื่อไม่มีเงินทำยังไง เหตุการณ์ แบงก์กงเต๊ก ก็เริ่มขึ้น อเมริกาเงินเริ่มขาดมือจากหลายๆ ด้านก็ปั๊มเงินอัดเข้าระบบ
หนี้เยอะใช่มั้ย สั่งลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเรี่ยดินอันนี้ก็เป็นเหตุการณ์ QE ต่างๆ
ทีนี้งานก็เข้ารัสเซียกับจีนแล้วครับ เหมือนหุ้นเวลาเพิ่มทุนมันก็ dilute ใช่ไหมครับ จำนวนเงินพอในระบบมันเยอะมันก็ลดค่า
ทีนี้รัสเซียกับจีนก็เข้าตุนทอง ทำให้ราคาทองไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ
งานนี้อเมริกา ก็ทุบราคาทองสิครับ หลังจากมันขึ้นไปที่ historical high ก็สั่งประเทศพันธมิตรขู่จะขายทอง ตกฮวบเลย
(ผมก็ติดดอยอยู่เยอะ T_T)
แต่ตอนนั้นอาจจะไม่ทันแล้ว หลังจากที่รัสเซียสะสมสรรพกำลังไว้จนได้ที่ รัสเซียก็เข้ายึด Annex Crimea
และไล่ยึดทรัพย์สินของเหล่าเศรษฐีในนั้น แสดงพลัง
จากนั้นก็มาถึงแผนการกดดันราคาน้ำมันของอเมริกา
ต่อมารัสเซียโต้กลับด้วยการทำสัญญา Currency Swap กับจีน ต่อไปนี้เราต้องหักกับ อเมริกาละ
มาจนถึงวันนี้กดดันราคาน้ำมันสำเร็จ ซาอุฯ ไม่ลดการผลิต ราคาน้ำมันดิ่งเหว ค่าเงินรูเบิ้ลที่ผูกกับน้ำมันดิ่งเหว
จนเป็นที่มาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปถึง 17%! ค่าเงินรูเบิ้ลเริ่มนิ่ง แต่...
หนังยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร
จะเกิดอะไรถ้าเหล่า hedge fund หน้าเลือด กู้เงินอเมริกาไปลงในรัสเซีย เอาส่วนต่างดอกเบี้ย
และจะเกิดอะไรถ้ารัสเซียชักดาบอีกรอบ
สนุกมั้ยครับ?
อ้างอิง:
http://www.finmoment.com/conspiracy-theory-usa-vs-russia/
ไปอ่าน บทวิเคราะห์ PTT มีผลกระทบยังไงกับน้ำมันลดราคาที่นี่ครับ
Part 1
http://ppantip.com/topic/32988037
Part 2
http://ppantip.com/topic/32992319
Part 3
http://ppantip.com/topic/32996610
Conspiracy Theory USA vs Russia
US vs พี่ปูติน และจากที่ผมได้อ่านบทวิเคราะห์ของหลายๆ ท่านและลองมานั่งทบทวนเหตุการณ์ดู
ก็พบว่าพอลองมาผูกเรื่องราวก็ได้ทฤษฎีสบคบคิดที่น่าสนใจพอสมควร
อนึ่ง ทั้งหมดนี่ผมจับมาผูกกันเอาเองนะครับ อาจจะเป็นแค่จินตนาการ แต่ยังไงลองหาอ่านดูได้ครับ
George W. Bush ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 43 ปี 2000 นาย Al Gore หลังจากแพ้เลือกตั้ง
ก็เริ่ม campaign Inconvenient Truth
http://en.wikipedia.org/wiki/An_Inconvenient_Truth#The_slide_show
ในขณะเดียวกันพี่ปูติน ก็ชนะการเป็นประธานาธิบดีรัสเซียด้วยคะแนนเอกฉันท์ มีนาปี 2000
http://en.wikipedia.org/wiki/Vladimir_Putin#First_Premiership_.281999.29
ซึ่งก่อนหน้านั้นแกเป็นรักษาการ และก่อนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีชูธงนโยบาย Energy Superpower
ซึ่งแผนการณ์ล้มหมี ของอินทรีย์ก็เริ่มต้นขึ้น โดยการให้นาย Algore ชูธง Green Energy และฝั่งยุโรปก็ตอบรับด้วย
มีการอุดหนุนพลังงานทางเลือกในภาคพื้นยุโรปมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะลดการใช้น้ำมันจากรัสเซียลงไป
inconvenient truth 2006 (film) ได้รับการทำเป็นหนังและได้รางวัลออสการ์อีกด้วยเป็นการเริ่มโปรโมทพลังงานทางเลือก
ลดการพึ่งพาน้ำมันนอก และเงินภาค private ก็มีการไหลเข้าบรรดา Green Energy
Barack Obama เข้าทำเนียบขาวเมื่อวันที่ January 20, 2009 เริ่ม Energy Policy
http://en.wikipedia.org/wiki/United_States_energy_independence
"He promised that the United States would have one million electric vehicles on the road by 2015 and would be 80% reliant on "clean" electricity."
โดยมีเงินอัดฉีดเข้าไปในบรรดา Solar Energy เยอะมาก ๆ
แต่แล้วไม่ว่ายังไง จีนก็ผลิต Solar Cell เข้าไปตีตลาดอเมริกา ทำให้เหล่า Green Startup เจ๊งกันเป็นระนาว
ยกตัวอย่าง Solynda
http://en.wikipedia.org/wiki/Solyndra#Shutdown_and_investigation
นั่นอาจจะเป็นการโต้กลับลำดับหนึ่งของรัสเซีย เจอจีนเข้าไปหน่อย อย่างไรก็ดีพลังงานทางเลือกยังมีราคาที่แพงเมื่อเทียบกับพลังจากถ่านหินและน้ำมันอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าพลังงานเขียว ไม่อาจทำอะไรได้ และได้มีการขุดพบ Shale Gas ขึ้นมาอีก พลังงานจาก Shale Gas ก็มาอยู่ในภาพ
http://en.wikipedia.org/wiki/Shale_gas
แต่อย่างไรก็ดีปรากฎว่า Shale Gas ก็ยังทำอะไรรัสเซียไม่ได้อีกอยู่ดี
มาฝั่งพี่หมีบ้าง (อันนี้ผมคิดเองล้วน) จากนั้นพี่ปูตินน่าจะจับกับจีนไปทำร้ายอเมริกาบ้างโดยเอาเงินไปปั่นราคาบ้านที่อเมริกา ล่อเม่า
จาก Wikipedia
Several other factors set the stage for the rise and fall of housing prices,
and related securities widely held by financial firms. In the years leading up to the crisis,
the U.S. received large amounts of foreign money from fast-growing economies in Asia and oil-producing/exporting countries.
เหล่าธนาคารเกิดความโลภทำเครื่องมือทางการเงินยุบบับเต็มไปหมด โดยไปกู้จากต่างประเทศอีก ทีนี้พอฟองสบู่ Subprime แตกก็เจ๊งบ๊งเลยทีเดียว
เมื่อไม่มีเงินทำยังไง เหตุการณ์ แบงก์กงเต๊ก ก็เริ่มขึ้น อเมริกาเงินเริ่มขาดมือจากหลายๆ ด้านก็ปั๊มเงินอัดเข้าระบบ
หนี้เยอะใช่มั้ย สั่งลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเรี่ยดินอันนี้ก็เป็นเหตุการณ์ QE ต่างๆ
ทีนี้งานก็เข้ารัสเซียกับจีนแล้วครับ เหมือนหุ้นเวลาเพิ่มทุนมันก็ dilute ใช่ไหมครับ จำนวนเงินพอในระบบมันเยอะมันก็ลดค่า
ทีนี้รัสเซียกับจีนก็เข้าตุนทอง ทำให้ราคาทองไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ
งานนี้อเมริกา ก็ทุบราคาทองสิครับ หลังจากมันขึ้นไปที่ historical high ก็สั่งประเทศพันธมิตรขู่จะขายทอง ตกฮวบเลย
(ผมก็ติดดอยอยู่เยอะ T_T)
แต่ตอนนั้นอาจจะไม่ทันแล้ว หลังจากที่รัสเซียสะสมสรรพกำลังไว้จนได้ที่ รัสเซียก็เข้ายึด Annex Crimea
และไล่ยึดทรัพย์สินของเหล่าเศรษฐีในนั้น แสดงพลัง
จากนั้นก็มาถึงแผนการกดดันราคาน้ำมันของอเมริกา
ต่อมารัสเซียโต้กลับด้วยการทำสัญญา Currency Swap กับจีน ต่อไปนี้เราต้องหักกับ อเมริกาละ
มาจนถึงวันนี้กดดันราคาน้ำมันสำเร็จ ซาอุฯ ไม่ลดการผลิต ราคาน้ำมันดิ่งเหว ค่าเงินรูเบิ้ลที่ผูกกับน้ำมันดิ่งเหว
จนเป็นที่มาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปถึง 17%! ค่าเงินรูเบิ้ลเริ่มนิ่ง แต่...
หนังยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร
จะเกิดอะไรถ้าเหล่า hedge fund หน้าเลือด กู้เงินอเมริกาไปลงในรัสเซีย เอาส่วนต่างดอกเบี้ย
และจะเกิดอะไรถ้ารัสเซียชักดาบอีกรอบ
สนุกมั้ยครับ?
อ้างอิง:
http://www.finmoment.com/conspiracy-theory-usa-vs-russia/
ไปอ่าน บทวิเคราะห์ PTT มีผลกระทบยังไงกับน้ำมันลดราคาที่นี่ครับ
Part 1 http://ppantip.com/topic/32988037
Part 2 http://ppantip.com/topic/32992319
Part 3 http://ppantip.com/topic/32996610