สมมติราคาหุ้น sideways ไปเรื่อยๆ ณ date n มีค่าเท่ากับ 1000 x e ^ ( sin 0.2 pi x n)
ลองพลอตกราฟออกมาจะได้ดังรูป
ลองสมมติว่าเราซื้อหุ้นและถือเป็นสัดส่วนหนึ่งๆของพอร์ทเช่น
0.1 = ถือเป็นสัดส่วน 0.1 ของพอร์ทเสมอ หมายความว่าหากราคาขึ้นและทำให้สัดส่วนเพิ่มเราจะขายออก และหากราคาตกสัดส่วนลดเรารับซื้อเพิ่มเพื่อคงสัดส่วนนี้ไว้ นั่นคือทำ rebalancing ทุกวัน
1 = ถือเต็มพอร์ทตลอดเวลา
สมมติไม่มีค่าใช้จ่ายในการเทรด กราฟการเติบโตของพอร์ท จะเป็นดังภาพ
หากเราถือเต็มพอร์ทตลอดเวลา พอร์ทเราจะมีหน้าตาเหมือนตัวหุ้นที่ถือ คือ sideways ไปเรื่อยๆ
หากเราทำ rebalancing ณ ขนาดต่างๆ พอร์ทจะเติบโตดังภาพ และให้ค่าสูงสุดที่ระดับ 0.5 หรือ 50% ของพอร์ท
( ในความเป็นจริงมันจะไม่ได้เป็นตามนี้ เพราะราคาไม่ได้ทำพฤติกรรมแบบสมการสมมติ และมีผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการเทรด ภาพนี้เป็นเพียงการสมมติตัวอย่างเท่านั้น )
จะเห็นได้ว่า ในระยะแรก เราเพิ่มเงินลงทุนจะทำให้พอร์ทเติบโต แต่เมื่อเพิ่มเกินระดับสูงสุดที่ 50% จะทำให้การเติบโตของพอร์ทลดลงเนื่องจากความผันผวน
กลับกัน เราลองเปิดชอร์ทแทนการซื้อ ผลจะออกมาดังภาพ
หากเปิดชอร์ทแบบไม่มีแผนการที่ดี อาจนำไปสู่ความไม่ดีงามได้
สำหรับคนเล่นชอร์ทส่วนตัวมองว่า ควรเล่นเมื่อมีแผนการที่ดี และมีความชำนาญมาก ต้องอาศัยการทุ่มเท และมีเวลาติดตาม เพราะมีความเสี่ยงสูง
ปล ส่วนตัวคิดว่าสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ คงคำนึงถึงประเด็นที่ยกมาอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่อาจมีเพื่อนบางคนไม่ได้สนใจ เห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ครับ
กราฟที่น่าสนใจเกี่ยวกับ rebalancing
ลองพลอตกราฟออกมาจะได้ดังรูป
ลองสมมติว่าเราซื้อหุ้นและถือเป็นสัดส่วนหนึ่งๆของพอร์ทเช่น
0.1 = ถือเป็นสัดส่วน 0.1 ของพอร์ทเสมอ หมายความว่าหากราคาขึ้นและทำให้สัดส่วนเพิ่มเราจะขายออก และหากราคาตกสัดส่วนลดเรารับซื้อเพิ่มเพื่อคงสัดส่วนนี้ไว้ นั่นคือทำ rebalancing ทุกวัน
1 = ถือเต็มพอร์ทตลอดเวลา
สมมติไม่มีค่าใช้จ่ายในการเทรด กราฟการเติบโตของพอร์ท จะเป็นดังภาพ
หากเราถือเต็มพอร์ทตลอดเวลา พอร์ทเราจะมีหน้าตาเหมือนตัวหุ้นที่ถือ คือ sideways ไปเรื่อยๆ
หากเราทำ rebalancing ณ ขนาดต่างๆ พอร์ทจะเติบโตดังภาพ และให้ค่าสูงสุดที่ระดับ 0.5 หรือ 50% ของพอร์ท
( ในความเป็นจริงมันจะไม่ได้เป็นตามนี้ เพราะราคาไม่ได้ทำพฤติกรรมแบบสมการสมมติ และมีผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการเทรด ภาพนี้เป็นเพียงการสมมติตัวอย่างเท่านั้น )
จะเห็นได้ว่า ในระยะแรก เราเพิ่มเงินลงทุนจะทำให้พอร์ทเติบโต แต่เมื่อเพิ่มเกินระดับสูงสุดที่ 50% จะทำให้การเติบโตของพอร์ทลดลงเนื่องจากความผันผวน
กลับกัน เราลองเปิดชอร์ทแทนการซื้อ ผลจะออกมาดังภาพ
หากเปิดชอร์ทแบบไม่มีแผนการที่ดี อาจนำไปสู่ความไม่ดีงามได้
สำหรับคนเล่นชอร์ทส่วนตัวมองว่า ควรเล่นเมื่อมีแผนการที่ดี และมีความชำนาญมาก ต้องอาศัยการทุ่มเท และมีเวลาติดตาม เพราะมีความเสี่ยงสูง
ปล ส่วนตัวคิดว่าสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ คงคำนึงถึงประเด็นที่ยกมาอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่อาจมีเพื่อนบางคนไม่ได้สนใจ เห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ครับ