กลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น...พบกันใหม่ปีหน้า

คาด 4Q57 กลุ่มโรงกลั่นขาดทุนจาก Stock Loss จำนวนมาก

เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q57 และปี 2557 ของกลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มโรงกลั่นจะขาดทุนจากการรับรู้ Stock Loss จำนวนมากหลังราคาน้ำมันที่ปรับลดลงกว่า 35 เหรียญต่อบาร์เรล(เทียบราคาปิดสิ้น 3Q57 ที่96 เหรียญ) แม้ประมาณการเดิม เราได้รวมผลกระทบจาก Stock loss บางส่วน แต่ราคาน้ำมันที่ปรับลดมากกว่าคาด ทำให้เราคาดว่า Stock Loss ใน 4Q57 จะเพิ่มขึ้น 2 – 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับStock loss ที่เกิดขึ้นใน 3Q57 ที่ผ่านมา (สมมติฐานราคาน้ำมันดิบปิดสิ้นปี 2557 ที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล)แม้ผลประกอบการ 4Q57 จะมีปัจจัยบวกจาก (1) ต้นทุนน้ำมันที่ลดลง (ราคาน้ำมันและ Crude Premiumที่ลดลง) (2)ค่าการกลั่นฟื้นตัว (3) กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และ (4) Hedging Gain ที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถชดเชย Stock Loss ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก

อุปสงค์ลดฉุด Margin ปี 58

การฟื้นตัวของ Demand ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ในปี 2558 ยังถูกจำกัดด้วยความกังวลที่มีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอ จำกัดการฟื้นตัวของ Margin ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับมุมมองของ IMF ที่ปรับลด GDP ลงจาก 4% เหลือ 3.8% ก่อนหน้านี้ และสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่เราปรับลดลงจาก 90 เหรียญ เหลือ 65 เหรียญต่อบาร์เรลโดยเราปรับลดค่าการกลั่นพื้นฐาน (Base GRM) ปี 2558 ของโรงกลั่นในประเทศลง 3% จาก 4.9 เหรียญ เหลือ 4.6 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี เราปรับลดสมมติฐานส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ลงเฉลี่ย 7% (ตารางที่ 1)

ปรับกำไรสุทธิปี 2558 ลง 10%

การปรับลดสมมติฐาน Margin ของผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ทำให้ประมาณการปี 2558 ของบริษัทที่เราทำการศึกษา 4 บริษัท (BCP IRPC PTTGC และ TOP) ลดลง10% และปรับลดมูลค่าเหมาะสมลงเฉลี่ย 9% (รูปที่ 1 และ 2)โดยบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการปรับสมมติฐานที่ครั้งนี้มากที่สุดได้แก่ PTTGCจากการปรับราคา HDPE ลง 22% โดยเราคาดว่า Spread HDPE ที่สูงถึง 820 – 840 เหรียญต่อตัน ในช่วงปลายปี 2557 จะกลับสู่ระดับปกติที่ 600 – 620 เหรียญต่อตัน เทียบกับต้นทุนผลิต (Naphtha) ที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบเหลือ 585 เหรียญต่อตัน ทำให้ราคา HDPE ที่เป็นไปได้จะอยู่ที่ 1,205 เหรียญต่อตัน ลดลง 18%YoY โดยสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจโอเลฟินส์ในปี 2558 ยังคงอยู่ที่ 62% ของทั้งหมด

PTTGC ยังคงโดดเด่นกว่ากลุ่ม

แม้ราคาหุ้นจะปรับลดลงจนทำให้หุ้นในกลุ่มที่เราศึกษามี PBV เหลือเพียง 0.8 – 1เท่า แต่ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากผลประกอบการ 4Q57 ที่ได้รับผลกระทบจากStock Loss แม้เราเชื่อว่าราคาหุ้นรับรู้ความเสี่ยงดังกล่าวแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตามผลจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำจะลดความเสี่ยงต่อการรับรู้ Stock Loss และทำให้ผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไรและทำให้กลุ่มธุรกิจกับมามีความน่าสนใจในการลงทุน เรามองว่าPTTGC ยังคงโดดเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบด้วย ผลตอบแทนจากเงินปันผล PBV และ ROEทำให้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ”แม้จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในการปรับประมาณการรอบนี้ ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่น (BCP IRPCTOP) เราแนะนำเพียง “เก็งกำไร” เท่านั้น

ปรับลดสมมติฐานหลักในธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

เราปรับลดสมมติฐาน Margin ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี เพื่อสะท้อนปัจจัยเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น

•ปรับลดค่าการกลั่นพื้นฐาน เราปรับลดสมมติฐานค่าการกลั่นของโรงกลั่นในประเทศลงเฉลี่ย 3% จากเดิม 4.9 เหรียญ เหลือ 4.6 เหรียญต่อบาร์เรล เพื่อสะท้อน Demand น้ำมันในตลาดโลกที่ยังคงอ่อนแอ และสอดคล้องกับการปรับลด Demand น้ำมันลงของ IEA ล่าสุด ขณะที่การดำเนินงานของธุรกิจการกลั่นในปี 2558 ยังมีความเสี่ยงจาก Over supply ของกำลังกลั่นในภูมิภาค

•ปรับลดส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี (1) กลุ่มอะโรเมติกส์ เราปรับสมมติฐานส่วนต่างราคาพาราไซลีน (Spread Px) ลงจากเดิม 8% ทำให้ Spread Px – ULG95 (TOP) เหลือ 294 เหรียญต่อตัน และ Spread Px – Condensate (PTTGC) เหลือ 390 เหรียญต่อตัน และ (2) กลุ่มโอเลฟินส์ เราปรับลดต้นทุนผลิต Naphtha ลง 32% ตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ลดลงเหลือ 65 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่เราปรับสมมติฐาน Spread HDPE ลง 5% เหลือ 620 เหรียญต่อตัน ทำให้ราคา HDPE ในปี 2558 อยู่ที่ 1,205 เหรียญต่อตัน ลดลง 22%YoY

ที่มา bangkokbiznews

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่