ทริปนี้รายละเอียดการเตรียมตัวต่างๆผมได้ศึกษาจะทริปของท่านอื่นๆในพันทิพย์นี่แหล่ะครับ แต่ได้คัดเลือกสถานที่ที่เราอยากไปเอง หลังจากจบทริปเกิดความรู้สึกว่าเราก็ลอกการบ้านของหลายๆท่านในนี้มาเยอะ เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ของเราบ้างครับ ^ ^
ทริปนี้ผมไปช่วงวันหยุด 5-7 ธันวาคม 2557 นะครับ เนื่องจากช่วงที่ไปเห็นว่าโรงแรมต่างๆที่สังขละบุรี เต็มหมดเลยล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์
แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ไม่ใช่ปัญหาของคนที่จะไปครับ ตัวเป็นของเรา ใจเป็นของเรา อยากไปต้องไปนะครับบ ฮ่าๆๆๆ
มาเริ่มกันเลยนะครับ
ก่อนอื่นก็มา List สถานที่อยากไปก่อนครับ
วัดถ้ำเสือ, ต้นจามจุรียักษ์, ไปถ้ำกระแซทางรถไฟสายมรณะ, ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ, ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม, ไปสังขละบุรี, ดูสะพานมอญ, เจดีพุทธคายาจำลอง, วัดวังวิเวการาม, จุดชมวิวสังขละบุรี, สันเขื่อนน ที่อยากไปมีประมาณเท่านี้ครับบ อิอิ
ระยะทางจาก กรุงเทพฯ - สังขละบุรี มีระยะทางรวม ประมาณ 370 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางที่ไปนั้นมีสถานที่ต่างๆ น่าแวะเที่ยวชมมากมายครับ
ผมเลือกออกเดินทางเวลา 7:00 น. จากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่วัดถ้ำเสือ ถึงวัดถ้ำเสือราวๆ 9:40 น.
วันที่ไปฝ้าครึ้มๆ แต่ฝนไม่ตกนะครับอากาศก็ยังไม่ร้อนมากเท่าไร
วัดสร้างอยู่บนเนินเขาไม่สูงมากครับ แต่พอเดินขึ้นบันไดไปเท่านั้นแหล่ะ ...............ขาสั่นเลยครับ ฮ่าๆๆ
แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา อยากเที่ยวต้องอดทน
นี่วิวด้านบนครับ
รอบๆของวัดเป็นทุ่งนา หากไปช่วงหน้าฝนคงได้ภาพทุ่งนาเขียวขจี
ผมเดินชมวัดอยู่ราว ชั่วโมงเศษ ก็ออกจากวัด เดินทางไปยังต้นจามจุรียักษ์ โดยใช้เส้นทางจาก google map ครับ
ใช้ GPS โดยค้นหาคำว่า ต้นจามจุรียักษ์ ได้เลยครับ
อันนี้เส้นทางที่ผ่านครับ
มีทางลูกรังด้วย!!! แต่ดูเส้นทางแล้วมันใช่ ก็เลยขับต่อไปครับ ปรากฎว่าไม่ผิดครับบ สุดยอดด ^ ^"
ต้นจามจุรียักษ์ ตั้งอยู่ในกรมการสัตว์ทหารบกครับ ในนั้นมีม้างามๆมากมาย แต่เราไม่ได้แวะถ่ายถ่ายรูปมาอวด แอบเสียดายอยู่เล็กๆ
เป็นต้นไม้ที่ใหญ่มากจริงๆ เห็นว่ารัศมีของ กิ่ง ก้าน ใบ ราวๆ 50 เมตรตามข้อมูลที่ศึกษาไปนะครับ
รู้สึกเหมือนต้นไม้มีชีวิตจริงๆ ดูมีมนต์ขลัง
ต่อจากต้นจามจุรีย์ยักษ์ ก็ออกเดินทางต่อไปยัง สถานีรถไฟถ้ำกระแซ โดยใช้แผนที่ Google Map ฮ่าๆๆ
เราฝากท้องกันที่นี่ครับ
รสชาติอาหารพอใช้ได้ครับ ราคากลางๆ ไม่ถูกไม่แพง
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อ
ถึงสถานีรถไฟราวๆ 14:30 น.
เนื่องจากวันที่ไปคนเยอะมากๆ สู้กลิ่นธูปในถ้ำกระแซไม่ไหวจึงไม่ได้เข้าถ้ำเลย เอาไว้มีโอกาสค่อยไปเก็บซ่อมใหม่ครับ
ดูน่าตื่นเต้นมาก คนสมัยก่อนนี้เก่งจริงๆ
ใช้เวลาเดินชมทางรถไฟอยู่พักใหญ่ๆ จนถึงเวลาประมาณ 16:00 น. !!!
ช่องเขาขาดที่เราแพลนไว้ จะปิดให้เข้า 16:00 น.
จึงต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ขับรถเข้าที่พักก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หุหุ
ขับรถถึงที่พักเวลา 18:00 น. พอดีครับ
ทางเข้าที่พักค่อนข้างเงียบ สงัด มากๆ ถ้ามากลางคืนคงน่ากลัว
แนะนำว่าหากใครจะลอกการบ้าน ให้มาถึงที่พักก่อน 18:00 น. ครับ
ทางเข้าที่พักเป็นทางเดียวกับทางเข้าไปชม ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ
เนื่องจาก จขกท. คาดการไว้แล้วว่า ถ้าไม่ทันเข้า ช่องเขาขาด ก็จะมาเก็บตอนเช้า
นี่รูปห้องพักที่เราพักครับ จองที่พักจาก agoda ราคารวม vat + อาหารเช้า 1800 บาท ครับ
บรรยากาศโดยรวมของรีสอร์ท ถือว่าดีครับ มีสระว่ายน้ำด้วย และมีห้องติดสระด้วยราคา 1800 เหมือนกัน แต่วันที่เราไปคนเยอะมาก
จึงไม่ได้ถ่ายรูปบริเวณรอบๆมาให้ชมกัน เรากินอาหารที่รีสอร์ทครับ รสชาติถือว่าดีครับ แต่ถ้าเทียบกับราคาถือว่ากลางๆครับ ฮ่าๆๆ
เสร็จแล้วเข้านอนตื่นเช้า มาทานอาหารเช้า 7:00 น. แล้วกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเก็บของ ออกจากรีสอร์ท 9:00 น. ไปช่องเขาขาดครับ
ใครจะลอกการบ้านข้อนี้ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมาด้วยนะครับ
เงียบสงบมากๆ ครับ ดูขลังๆ
เราเดินไปตามทาง จนสุดทาง จนเจอป้ายบอกนักท่องเที่ยวไม่ควรไปต่อครับ แล้วเราก็เดินกลับกัน
ขอย้ำ!!! ใครจะลอกการบ้านควรใส่รองเท้าผ้าใบนะครับบ
เสร็จจากช่องเขาขาดราวๆ 10:30 น. ก็เดินทางไปสังขละบุรีต่อครับ โดยที่พักของเราคือ ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมครับ
ศึกษามาว่าควรไปจองที่กางเต้นท์ ไว้ก่อนน
เราถึงป้อมปี่เวลาประมาณ 13:00 น. ครับ
ตอนไปถึงคนกางเต้นท์จองวิวดีๆกันเกือบเต็มแล้ว แต่ก็ยังมีที่ว่างสำหรับเราครับ ^ ^
ลงมือกางเต้นท์ทันที เพราะต้องรีบไปสังขละต่อครับบ วิวนี้เป็นของเราหล่ะ
กางเต้นท์เสร็จก็เกือบ 14:00 น. ขับรถเข้า สังขละบุรีต่ออีกประมาณ 37 กิโลเมตร
ถึงแล้วววสังขละบุรี
บรรยากาศสุดยอดมาก สมคำร่ำลือจริงๆ
แดดแรงดีมากครับ
เดินมาได้ครึ่งทางของสะพานลูกบวบก็โดนเรือหางยาวสอยไปวัดวังวิเวการามกลางน้ำซะก่อน
แดดจ้ามากแต่ไม่รู้สึกร้อนเลยเพราะภาพที่เห็นมันคุ้มค่าจริงๆ
กลับมาที่สะพานมอญครับ สังเกตดีๆ จะเห็นเด็กกระโดดน้ำครับ ^ ^
จัดสะพานมอญอีกรูป
ต่อด้วยนั่งพี่วินไปวัดหลวงพ่ออุตตมะต่อ
ค่าวิน 20 บาทครับ คุ้มมาก
พอไปถึงก็ขอเบอร์พี่วินไว้
อีกสักรูปก่อนกลับ
เที่ยวชมวัด ถ่ายรูป สักการะหลวงพ่อเสร็จก็โทรหาพี่วินให้มารับไปส่งที่สะพาน
พี่วินคิด 20 บาทเช่นกันครับ ^ ^
พอหันไปมองเวลา โอ้ววว 17:00 น. แล้วว เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
ผมตัดสินใจกลับที่พักที่ไปจองไว้เมื่อตอนเที่ยงทันทีครับบ ฮ่าๆๆ
ว่าแล้วก็หาซื้อ เครื่องดื่ม ที่ขาดไม่ได้คือเบียร์เย็นๆ ไปนั่งจิบเบียร์ ชิวๆ ดูพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ครับบ ^ ^
กลับมาถึงป้อมปี่ 17:40 น. ทันเวลาพระอาทิตย์ตกพอดีครับ แต่ดันมีเมฆมาบังพอดีอีก
ได้อยู่กับคนรู้ใจ บรรยากาศแบบนี้ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
เราฝากท้องมื้อเย็น - เช้า ที่ศูนย์บริการ ที่ป้อมปี่ครับ อาหารอร่อย ราคาถือว่าถูกมากครับ คุ้มค่าจริงๆ ให้เต็ม 10 กันไปเลยละกันครับ
พี่ๆ เจ้าหน้าที่บริการนักท่องเที่ยวดีมากครับ ขอชมเลย กินอิ่มแล้วก็อาบน้ำเข้านอน เก็บแรงไว้ขับรถกลับ กรุงเทพฯ รุ่งขึ้นต่อครับ
ก่อนกลับขาดไม่ได้เจ้าต้นไม้ที่อาจถือเป็นสัญลักษณ์ ของที่นี่ไปแล้ว
จริงๆแล้วตั้งใจว่าจะแวะที่สันเขื่อนสักหน่อยแต่เกรงว่าจะเจอรถติดที่กรุงเทพฯ์ เลยตัดสินใจยิงยาวกลับ กรุงเทพฯเลยครับ
ระหว่างทางเจอนี่ครับ
ว่าแล้วก็จัดสักหน่อยเห็นเค้าเล่นกันจังมุขนี้ ^ ^
จบแว้ววครับบ ขอบคุณที่ติดตามฮะ ^ ^ มีโอกาสคงได้ไปอีกรอบครับบอกเลยย
[CR] กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี - สังขละบุรี 3 วัน 2 คืน เยิ๊ฟ เยิ๊ฟ
ทริปนี้ผมไปช่วงวันหยุด 5-7 ธันวาคม 2557 นะครับ เนื่องจากช่วงที่ไปเห็นว่าโรงแรมต่างๆที่สังขละบุรี เต็มหมดเลยล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ไม่ใช่ปัญหาของคนที่จะไปครับ ตัวเป็นของเรา ใจเป็นของเรา อยากไปต้องไปนะครับบ ฮ่าๆๆๆ
มาเริ่มกันเลยนะครับ
ก่อนอื่นก็มา List สถานที่อยากไปก่อนครับ
วัดถ้ำเสือ, ต้นจามจุรียักษ์, ไปถ้ำกระแซทางรถไฟสายมรณะ, ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ, ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม, ไปสังขละบุรี, ดูสะพานมอญ, เจดีพุทธคายาจำลอง, วัดวังวิเวการาม, จุดชมวิวสังขละบุรี, สันเขื่อนน ที่อยากไปมีประมาณเท่านี้ครับบ อิอิ
ระยะทางจาก กรุงเทพฯ - สังขละบุรี มีระยะทางรวม ประมาณ 370 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางที่ไปนั้นมีสถานที่ต่างๆ น่าแวะเที่ยวชมมากมายครับ
ผมเลือกออกเดินทางเวลา 7:00 น. จากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่วัดถ้ำเสือ ถึงวัดถ้ำเสือราวๆ 9:40 น.
วันที่ไปฝ้าครึ้มๆ แต่ฝนไม่ตกนะครับอากาศก็ยังไม่ร้อนมากเท่าไร
วัดสร้างอยู่บนเนินเขาไม่สูงมากครับ แต่พอเดินขึ้นบันไดไปเท่านั้นแหล่ะ ...............ขาสั่นเลยครับ ฮ่าๆๆ
แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา อยากเที่ยวต้องอดทน
นี่วิวด้านบนครับ
รอบๆของวัดเป็นทุ่งนา หากไปช่วงหน้าฝนคงได้ภาพทุ่งนาเขียวขจี
ผมเดินชมวัดอยู่ราว ชั่วโมงเศษ ก็ออกจากวัด เดินทางไปยังต้นจามจุรียักษ์ โดยใช้เส้นทางจาก google map ครับ
ใช้ GPS โดยค้นหาคำว่า ต้นจามจุรียักษ์ ได้เลยครับ
อันนี้เส้นทางที่ผ่านครับ
มีทางลูกรังด้วย!!! แต่ดูเส้นทางแล้วมันใช่ ก็เลยขับต่อไปครับ ปรากฎว่าไม่ผิดครับบ สุดยอดด ^ ^"
ต้นจามจุรียักษ์ ตั้งอยู่ในกรมการสัตว์ทหารบกครับ ในนั้นมีม้างามๆมากมาย แต่เราไม่ได้แวะถ่ายถ่ายรูปมาอวด แอบเสียดายอยู่เล็กๆ
เป็นต้นไม้ที่ใหญ่มากจริงๆ เห็นว่ารัศมีของ กิ่ง ก้าน ใบ ราวๆ 50 เมตรตามข้อมูลที่ศึกษาไปนะครับ
รู้สึกเหมือนต้นไม้มีชีวิตจริงๆ ดูมีมนต์ขลัง
ต่อจากต้นจามจุรีย์ยักษ์ ก็ออกเดินทางต่อไปยัง สถานีรถไฟถ้ำกระแซ โดยใช้แผนที่ Google Map ฮ่าๆๆ
เราฝากท้องกันที่นี่ครับ
รสชาติอาหารพอใช้ได้ครับ ราคากลางๆ ไม่ถูกไม่แพง
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อ
ถึงสถานีรถไฟราวๆ 14:30 น.
เนื่องจากวันที่ไปคนเยอะมากๆ สู้กลิ่นธูปในถ้ำกระแซไม่ไหวจึงไม่ได้เข้าถ้ำเลย เอาไว้มีโอกาสค่อยไปเก็บซ่อมใหม่ครับ
ดูน่าตื่นเต้นมาก คนสมัยก่อนนี้เก่งจริงๆ
ใช้เวลาเดินชมทางรถไฟอยู่พักใหญ่ๆ จนถึงเวลาประมาณ 16:00 น. !!!
ช่องเขาขาดที่เราแพลนไว้ จะปิดให้เข้า 16:00 น.
จึงต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ขับรถเข้าที่พักก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หุหุ
ขับรถถึงที่พักเวลา 18:00 น. พอดีครับ
ทางเข้าที่พักค่อนข้างเงียบ สงัด มากๆ ถ้ามากลางคืนคงน่ากลัว
แนะนำว่าหากใครจะลอกการบ้าน ให้มาถึงที่พักก่อน 18:00 น. ครับ
ทางเข้าที่พักเป็นทางเดียวกับทางเข้าไปชม ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ
เนื่องจาก จขกท. คาดการไว้แล้วว่า ถ้าไม่ทันเข้า ช่องเขาขาด ก็จะมาเก็บตอนเช้า
นี่รูปห้องพักที่เราพักครับ จองที่พักจาก agoda ราคารวม vat + อาหารเช้า 1800 บาท ครับ
บรรยากาศโดยรวมของรีสอร์ท ถือว่าดีครับ มีสระว่ายน้ำด้วย และมีห้องติดสระด้วยราคา 1800 เหมือนกัน แต่วันที่เราไปคนเยอะมาก
จึงไม่ได้ถ่ายรูปบริเวณรอบๆมาให้ชมกัน เรากินอาหารที่รีสอร์ทครับ รสชาติถือว่าดีครับ แต่ถ้าเทียบกับราคาถือว่ากลางๆครับ ฮ่าๆๆ
เสร็จแล้วเข้านอนตื่นเช้า มาทานอาหารเช้า 7:00 น. แล้วกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเก็บของ ออกจากรีสอร์ท 9:00 น. ไปช่องเขาขาดครับ
ใครจะลอกการบ้านข้อนี้ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมาด้วยนะครับ
เงียบสงบมากๆ ครับ ดูขลังๆ
เราเดินไปตามทาง จนสุดทาง จนเจอป้ายบอกนักท่องเที่ยวไม่ควรไปต่อครับ แล้วเราก็เดินกลับกัน
ขอย้ำ!!! ใครจะลอกการบ้านควรใส่รองเท้าผ้าใบนะครับบ
เสร็จจากช่องเขาขาดราวๆ 10:30 น. ก็เดินทางไปสังขละบุรีต่อครับ โดยที่พักของเราคือ ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมครับ
ศึกษามาว่าควรไปจองที่กางเต้นท์ ไว้ก่อนน
เราถึงป้อมปี่เวลาประมาณ 13:00 น. ครับ
ตอนไปถึงคนกางเต้นท์จองวิวดีๆกันเกือบเต็มแล้ว แต่ก็ยังมีที่ว่างสำหรับเราครับ ^ ^
ลงมือกางเต้นท์ทันที เพราะต้องรีบไปสังขละต่อครับบ วิวนี้เป็นของเราหล่ะ
กางเต้นท์เสร็จก็เกือบ 14:00 น. ขับรถเข้า สังขละบุรีต่ออีกประมาณ 37 กิโลเมตร
ถึงแล้วววสังขละบุรี
บรรยากาศสุดยอดมาก สมคำร่ำลือจริงๆ
แดดแรงดีมากครับ
เดินมาได้ครึ่งทางของสะพานลูกบวบก็โดนเรือหางยาวสอยไปวัดวังวิเวการามกลางน้ำซะก่อน
แดดจ้ามากแต่ไม่รู้สึกร้อนเลยเพราะภาพที่เห็นมันคุ้มค่าจริงๆ
กลับมาที่สะพานมอญครับ สังเกตดีๆ จะเห็นเด็กกระโดดน้ำครับ ^ ^
จัดสะพานมอญอีกรูป
ต่อด้วยนั่งพี่วินไปวัดหลวงพ่ออุตตมะต่อ
ค่าวิน 20 บาทครับ คุ้มมาก
พอไปถึงก็ขอเบอร์พี่วินไว้
อีกสักรูปก่อนกลับ
เที่ยวชมวัด ถ่ายรูป สักการะหลวงพ่อเสร็จก็โทรหาพี่วินให้มารับไปส่งที่สะพาน
พี่วินคิด 20 บาทเช่นกันครับ ^ ^
พอหันไปมองเวลา โอ้ววว 17:00 น. แล้วว เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
ผมตัดสินใจกลับที่พักที่ไปจองไว้เมื่อตอนเที่ยงทันทีครับบ ฮ่าๆๆ
ว่าแล้วก็หาซื้อ เครื่องดื่ม ที่ขาดไม่ได้คือเบียร์เย็นๆ ไปนั่งจิบเบียร์ ชิวๆ ดูพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ครับบ ^ ^
กลับมาถึงป้อมปี่ 17:40 น. ทันเวลาพระอาทิตย์ตกพอดีครับ แต่ดันมีเมฆมาบังพอดีอีก
ได้อยู่กับคนรู้ใจ บรรยากาศแบบนี้ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
เราฝากท้องมื้อเย็น - เช้า ที่ศูนย์บริการ ที่ป้อมปี่ครับ อาหารอร่อย ราคาถือว่าถูกมากครับ คุ้มค่าจริงๆ ให้เต็ม 10 กันไปเลยละกันครับ
พี่ๆ เจ้าหน้าที่บริการนักท่องเที่ยวดีมากครับ ขอชมเลย กินอิ่มแล้วก็อาบน้ำเข้านอน เก็บแรงไว้ขับรถกลับ กรุงเทพฯ รุ่งขึ้นต่อครับ
ก่อนกลับขาดไม่ได้เจ้าต้นไม้ที่อาจถือเป็นสัญลักษณ์ ของที่นี่ไปแล้ว
จริงๆแล้วตั้งใจว่าจะแวะที่สันเขื่อนสักหน่อยแต่เกรงว่าจะเจอรถติดที่กรุงเทพฯ์ เลยตัดสินใจยิงยาวกลับ กรุงเทพฯเลยครับ
ระหว่างทางเจอนี่ครับ
ว่าแล้วก็จัดสักหน่อยเห็นเค้าเล่นกันจังมุขนี้ ^ ^
จบแว้ววครับบ ขอบคุณที่ติดตามฮะ ^ ^ มีโอกาสคงได้ไปอีกรอบครับบอกเลยย