ในอารมณ์มีเหตุผล
ในเหตุผลมีอารมณ์แฝงอยู่
เหตุผล คือ ลำดับและโยงใยสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งที่มาก่อนและผลที่ตามมา
อารมณ์ คือ องค์รวมของความรู้สึกที่มีระดับขั้นจากน้อยไปหามาก อันเป็นตัวบ่งชี้ลักษณะเฉพาะมนุษย์
สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณ เพื่อความอยู่รอดเป็นฐานของการดำรงอยู่
การสัมผัสถึงความงาม ย่อมมีทั้งสองมิติของเหตุผลและอารมณ์ ล้อกลไกธรรมชาติภายในมนุษย์
ทั้งการคิด และความชื่นชมยินดี ในสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะโลกธรรมชาติ .....
ความงามที่สัมผัสถึง ย่อมบ่งบอกถึงการเติบโตแห่งศักยภาพ และการเคารพต่อความจริง
ที่มักถูกบดบังไว้ด้วย ความโลภ ความอยาก และกิเลส ที่ไม่สิ้นสุดประหนึ่งการขึ้นลงของคลื่นในมหาสมุทร
โดยภาพรวมแล้ว ในความงามมักประกอบด้วย การประสานกลมกลืนเป็นสิ่งเด่น
นั่นหมายความว่า ภาวะนั้นย่อมมีการเคลื่อนไหวเป็นเนื้อเดียวกันขององค์ประกอบย่อย
อันสะท้อนถึงเจตจำนงของพลัง หรือทิศทางการเคลื่อนตัว หรือแปรเปลี่ยน
แง่นี้ มันจึงฉายมิติอารมณ์ไปพร้อมกัน อันเป็นสีสรรอีกด้านโดยปริยาย
แถมตัวมิติด้านประวัติศาสตร์ ก็เกิดขึ้นโดยทันทีเมื่อจิตมองในภาพกว้างยิ่งขึ้น
เหล่านี้แหละ คือ ศักยภาพที่ทำให้มนุษย์แตกต่างไปจากชีวิตอื่น และสร้างความแตกต่างระหว่างกัน
ดังนั้น ก็เป็นไปได้ว่า สมรรถนะภายในมนุษย์ ที่มีอีกด้านเป็นการเปลี่ยนแปลงโลก
ย่อมบ่งบอกว่า มนุษย์คืออะไร เป็นอย่างไร และไม่ได้แยกขาดจากกันอย่างไร
หรือแม้กระทั่ง สามารถแยกขาดจากกันชั่วคราวสักระยะเวลาหนึ่งได้อย่างไร ..
เพราะในขณะที่ร่างกายของเขา เป็นส่วนหนึ่งของโลก แต่มิติภายในก็อาจดำรงไว้ซึ่งอิสรภาพได้
เพื่อค้นหา ความจริง ความรักและความงาม ซึ่งดำรงอยู่ร่วมกันและแยกจากกันบนเอกภาพเดียวกัน
ความเป็นมนุษย์
ในเหตุผลมีอารมณ์แฝงอยู่
เหตุผล คือ ลำดับและโยงใยสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งที่มาก่อนและผลที่ตามมา
อารมณ์ คือ องค์รวมของความรู้สึกที่มีระดับขั้นจากน้อยไปหามาก อันเป็นตัวบ่งชี้ลักษณะเฉพาะมนุษย์
สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณ เพื่อความอยู่รอดเป็นฐานของการดำรงอยู่
การสัมผัสถึงความงาม ย่อมมีทั้งสองมิติของเหตุผลและอารมณ์ ล้อกลไกธรรมชาติภายในมนุษย์
ทั้งการคิด และความชื่นชมยินดี ในสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะโลกธรรมชาติ .....
ความงามที่สัมผัสถึง ย่อมบ่งบอกถึงการเติบโตแห่งศักยภาพ และการเคารพต่อความจริง
ที่มักถูกบดบังไว้ด้วย ความโลภ ความอยาก และกิเลส ที่ไม่สิ้นสุดประหนึ่งการขึ้นลงของคลื่นในมหาสมุทร
โดยภาพรวมแล้ว ในความงามมักประกอบด้วย การประสานกลมกลืนเป็นสิ่งเด่น
นั่นหมายความว่า ภาวะนั้นย่อมมีการเคลื่อนไหวเป็นเนื้อเดียวกันขององค์ประกอบย่อย
อันสะท้อนถึงเจตจำนงของพลัง หรือทิศทางการเคลื่อนตัว หรือแปรเปลี่ยน
แง่นี้ มันจึงฉายมิติอารมณ์ไปพร้อมกัน อันเป็นสีสรรอีกด้านโดยปริยาย
แถมตัวมิติด้านประวัติศาสตร์ ก็เกิดขึ้นโดยทันทีเมื่อจิตมองในภาพกว้างยิ่งขึ้น
เหล่านี้แหละ คือ ศักยภาพที่ทำให้มนุษย์แตกต่างไปจากชีวิตอื่น และสร้างความแตกต่างระหว่างกัน
ดังนั้น ก็เป็นไปได้ว่า สมรรถนะภายในมนุษย์ ที่มีอีกด้านเป็นการเปลี่ยนแปลงโลก
ย่อมบ่งบอกว่า มนุษย์คืออะไร เป็นอย่างไร และไม่ได้แยกขาดจากกันอย่างไร
หรือแม้กระทั่ง สามารถแยกขาดจากกันชั่วคราวสักระยะเวลาหนึ่งได้อย่างไร ..
เพราะในขณะที่ร่างกายของเขา เป็นส่วนหนึ่งของโลก แต่มิติภายในก็อาจดำรงไว้ซึ่งอิสรภาพได้
เพื่อค้นหา ความจริง ความรักและความงาม ซึ่งดำรงอยู่ร่วมกันและแยกจากกันบนเอกภาพเดียวกัน