"ความเหงา " ไม่เกี่ยวกับ จำนวนผู้คนที่เราเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะในบริบทใด ๆ ก็ตามในสังคม ต่อให้เรามีผู้คนมากมาย ต้องเจอะเจอ พบปะ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่เหงา เพราะจำนวนคนที่เราต้องเจอแต่ละวัน ไม่ได้ หมายความว่า เราจะไม่เหงา หลายครั้งที่ ความเหงา เกิดขึ้นกับคนที่มีหน้าที่การงานต้องพบปะเจอผู้คนมากมาย ห้อมล้อมไปด้วย คนต่าง ๆ ในแต่ละวัน แต่ ก็ยังรู้สึกว่า เหงา ในในลึก ๆ
คนที่มีครอบครัวแล้ว มีโอกาส " เหงา " ได้มากพอ ๆ กับ คนโสด ด้วยซ้ำไป หลายครั้ง คนที่ดูเหมือน ภายนอก เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ครอบครัว ฐานะ การงาน หน้าที่ ชื่อเสียง แต่ค้นพบภายใจลึก ๆ แล้ว พวกเขา " เหงา " มาก และเหมือนบางสิ่งยังไม่ เติมเต็ม ในชีวิต ภายนอกเราดูไม่ออกเลยว่า พวกเขากำลัง เหงา และต้องการใครสักคนมารับฟัง อยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ .....
ยิ่งคนโสด ไม่ต้องพูดถึง " ความเหงา " มาเยือนได้บ่อย ตราบเท่าที่ ยังไม่มีใครอยู่เคียงข้าง แต่ไม่สำคัญว่า คุณเหงาหรือเปล่า สำคัญว่า เรารู้จักมันดีแค่ไหน
นักศึกษาอาจจะเหงากับการที่ต้องห่างจากไกล บ้านเกิด ห่างจาก พ่อแม่ ที่ ตจว
คนทำธุรกิจอาจจะเหงากับการ เดินไปบนเส้นทางการแข่งขันที่ เดียวดาย
ครูอาจจะเหงากับการต้องต่อสู้กับการสอนในแต่ละวันอย่างเหน็ดเหนื่อย กลับมาพร้อมกับความเหงาในใจ
เด็กนักเรียนอาจจะเหงา เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ หรือแม้แต่ ภรรยาที่ ไม่ได้รับใส่ใจจากสามี ก็สามารถเหงาได้ .....
เจ้าของกิจการใหญ่โต มีเงินเป็นพันล้าน แต่ก็อาจจะกำลังเหงา เพราะ ไม่มีคนไว้วางใจได้ รอบตัว ไม่สามารถเล่าทุกเรื่องให้กับคนอื่นได้ ในบางเรื่อง
ขอทาน อาจจะรู้สึกเหงา เพราะ เหมือนโดนทอดทิ้ง กลายเป็นคนชั้นชนล่าง ที่ ขาดโอกาสความเท่าเทียมในสังคม ต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง ....
ความเหงาไม่ใช่ เรื่องน่ากลัว หรือ ผิดปรกติอันใด ในสังคมมนุษย์คนเรา ความเหงาเป็นเพียง Moment หนึ่งของชีวิตที่ จะทำให้เรา ได้ตระหนัก คิดถึงตัวเองว่า เราต้องการอะไร เราได้ครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่สำคัญ กับชีวิตของเรา ว่า จริง ๆ แล้ว เราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต
ว่าไปแล้ว ความเหงาเหมือนเพื่อน ๆ ที่คอยย้ำเตือนให้เราเห็น ความจริงของความอ่อนแอของมนุษย์ภายใน ว่าเรา ไม่ได้ เข้มแข็งได้เสมอไป .... และมนุษย์เราก็คงต้องการเพื่อน และบางสิ่งที่ไม่ใช่ แค่วัตถุ ผลประโยชน์ หรือ ชื่อเสียงใด ๆ
ความจริงเกี่ยวกับ " ความเหงา" ที่หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกต
คนที่มีครอบครัวแล้ว มีโอกาส " เหงา " ได้มากพอ ๆ กับ คนโสด ด้วยซ้ำไป หลายครั้ง คนที่ดูเหมือน ภายนอก เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ครอบครัว ฐานะ การงาน หน้าที่ ชื่อเสียง แต่ค้นพบภายใจลึก ๆ แล้ว พวกเขา " เหงา " มาก และเหมือนบางสิ่งยังไม่ เติมเต็ม ในชีวิต ภายนอกเราดูไม่ออกเลยว่า พวกเขากำลัง เหงา และต้องการใครสักคนมารับฟัง อยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ .....
ยิ่งคนโสด ไม่ต้องพูดถึง " ความเหงา " มาเยือนได้บ่อย ตราบเท่าที่ ยังไม่มีใครอยู่เคียงข้าง แต่ไม่สำคัญว่า คุณเหงาหรือเปล่า สำคัญว่า เรารู้จักมันดีแค่ไหน
คนทำธุรกิจอาจจะเหงากับการ เดินไปบนเส้นทางการแข่งขันที่ เดียวดาย
ครูอาจจะเหงากับการต้องต่อสู้กับการสอนในแต่ละวันอย่างเหน็ดเหนื่อย กลับมาพร้อมกับความเหงาในใจ
เด็กนักเรียนอาจจะเหงา เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ หรือแม้แต่ ภรรยาที่ ไม่ได้รับใส่ใจจากสามี ก็สามารถเหงาได้ .....
เจ้าของกิจการใหญ่โต มีเงินเป็นพันล้าน แต่ก็อาจจะกำลังเหงา เพราะ ไม่มีคนไว้วางใจได้ รอบตัว ไม่สามารถเล่าทุกเรื่องให้กับคนอื่นได้ ในบางเรื่อง
ขอทาน อาจจะรู้สึกเหงา เพราะ เหมือนโดนทอดทิ้ง กลายเป็นคนชั้นชนล่าง ที่ ขาดโอกาสความเท่าเทียมในสังคม ต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง ....
ความเหงาไม่ใช่ เรื่องน่ากลัว หรือ ผิดปรกติอันใด ในสังคมมนุษย์คนเรา ความเหงาเป็นเพียง Moment หนึ่งของชีวิตที่ จะทำให้เรา ได้ตระหนัก คิดถึงตัวเองว่า เราต้องการอะไร เราได้ครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่สำคัญ กับชีวิตของเรา ว่า จริง ๆ แล้ว เราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต
ว่าไปแล้ว ความเหงาเหมือนเพื่อน ๆ ที่คอยย้ำเตือนให้เราเห็น ความจริงของความอ่อนแอของมนุษย์ภายใน ว่าเรา ไม่ได้ เข้มแข็งได้เสมอไป .... และมนุษย์เราก็คงต้องการเพื่อน และบางสิ่งที่ไม่ใช่ แค่วัตถุ ผลประโยชน์ หรือ ชื่อเสียงใด ๆ