หายหน้าหายตาจากงานแสดงในวงการไปนานถึง 3 ปี แถมยังปล่อยตัวให้ฉุขึ้นเยอะ ล่าสุดเจอพระเอกหนุ่มลูกครึ่ง “สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์” ใน งานแถลงข่าวงาน “สุขภาพดี & ลิฟวิ่ง อิน เชป กิ๊ฟแฟร์ 2014” ชั้น G เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยเจ้าตัวอัพเดทถึงชีวิตตอนนี้ให้ฟังว่า กำลังซุ่มทำธุรกิจคอนโดโครงการ 2 อยู่ซึ่งอยู่ในระหว่างก่อสร้าง คาดได้รับการตอบรับดีเหมือนโครงการแรก เผยคิดถึงงานละครแต่ยังไม่พร้อมกลับมารับงาน ขอลุยธุรกิจให้อยู่ตัวก่อน
“ผมก็ทำงานธุรกิจส่วนตัว ตอนนี้ก็ยุ่งๆหน่อย อย่างคอนโดโครงการแรกก็เสร็จแล้วชื่อว่า “แมนฮัตตัน พาร์ค เรสซิเดนซ์” กำลังขึ้นโครงการที่ 2 ชื่อว่า “แมนฮัตตัน เอ็มพลาซี่” อยู่ก็เลยจะยุ่งๆหน่อยช่วงนี้ มีงานละครติดต่อเข้ามาเหมือนกันแต่ผมไม่พร้อมที่จะรับ ผมยังทำธุรกิจของผมไม่เสร็จดี ผมทิ้งมันไม่ได้เพราะลงเงินไปเยอะ เดี๋ยวไม่มีเงินใช้ ผมกู้ด้วยเพราะทำกับพี่ชาย โครงการแรกขายออกหมดแล้วตั้งแต่ตึกยังสร้างอยู่ แต่ตึกที่กำลังจะเสร็จเราจะเริ่มได้ตังค์ก็ตอนที่ให้คนเข้ามาอยู่ได้แล้ว นี่คือเหตุผลที่ไม่อยากรับละคร และอีกเหตุผลนึงผมไม่อยากรับละครตอนที่ผมยังอ้วนอยู่ อยากลดก่อน”
“ยังไม่ถึงขนาดเป็นนักธุรกิจพันล้านหรอก ผมแค่เริ่มทำเป็นบริษัทเล็กๆอยู่ครับ ถามว่าติดธุรกิจนี้ไหม ถ้าอันไหนที่เราทำแล้วมันยังดีอยู่ก็โอเค อย่างโครงการแรกที่ผมบอกไปผมไม่ได้กำไรเยอะเพราะผมทำคอนโดแรกไม่มีประสบการณ์มาก่อน ฉะนั้นเราต้องทำให้ดีมากๆและขายในราคาไม่แพง ฉะนั้นกำไรก็ต้องน้อยลง”
“ในวงการรายได้ก็เยอะ แต่ก็ต้องปฏิเสธละครไป วันนึงผมมีเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ถ้าผมเล่นละครก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย จะแบ่งทำก็ยากมาก ผมนับถือดารารุ่นใหญ่นะที่ธุรกิจและเล่นละครด้วย แพลนรับงานละครผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แปลกใจคือผมไมได้เล่นละครมา 3 ปีแล้ว ผมก็ชอบนะที่สงบๆไปไหนคนน่าจะลืมได้แล้วเพราะไว้เครายาวๆ แต่คนก็ยังจำผมได้ งงเลย ก็ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละคร ผมก็รู้สึกดีนะ อย่างพี่ตุ๊กตา กันตนาก็โทรมาถามตลอดเลยว่าอยากให้มาเล่นละคร ตอนที่อ้วนก็ยังมีผู้ใหญ่ติดต่อมาให้เล่นละคร เขาก็บอกให้ผมรีบไปลดแล้วกลับมาเล่นเพราะมันเสียโอกาสที่จะไม่เล่นละคร ตอนที่ผมเลิกรับละคร ผมรู้สึกสบายมากเลยนะ ผมเล่นละครมา 10 ปี ไม่ได้พักเลยมันเหนื่อย พอได้หยุดแล้วรู้สึกดีมากเลย ไม่เครียด ผมอยากกลับมาเล่นละครนะ แต่ความจำของเราตอนเล่นละครคือตอนที่ปิดกล้องเฮฮากับเพื่อนนักแสดง แต่ตอนตื่นเช้าไม่สนุกไง”
“ถามว่าจะทิ้งวงการไหม ตอนที่ผมตัดสินใจตอนแรกผมคิดว่าไม่น่าจะเล่นละครแล้ว พอไม่ได้เล่นก็รู้สึกคิดถึงตอนที่เราไปอยู่กอง ผมชอบที่มีเพื่อนเป็นผู้กำกับ นักแสดง อยู่เหมือนครอบครัวกับทีมงาน แต่ยังไม่แน่ใจว่าผมจะกลับไปเล่นเมื่อไหร่เท่านั้นเอง”
เคยคิดจะผันตัวเป็นผู้จัดบ้างไหม “ตอนต้นปีที่ผ่านมา ผมก็มีคิดนะแต่ผมดูสิ่งที่เราต้องทำและสิ่งตอบแทน เราต้องลงทุนเยอะ หาคนเขียนบทก็ไม่รู้จะใช้ใคร ผู้กำกับดีๆเขาก็เอาไปหมดแล้ว เวียร์กับวีก็เป็นผู้จัดแล้ว งั้นให้เขาเอาผมไปเล่นแล้วกัน เท่าที่ผมดูผู้จัดที่ให้ผมไปเล่น ดูเขาเหนื่อยนะขนาดเขาทำมา 20-30ปีแล้ว ผมคิดว่าถ้าเขามีประสบการณ์มาทั้งตระกูลแล้วยังเครียด แล้วผมไม่มีประสบการณ์ก็คงไม่ได้ แต่อนาคตไม่แน่ก็ต้องดูก่อนครับ”
“ตอนนี้ผมกำลังทำธุรกิจใหม่ด้วย บ้านผมทำทัวร์พาต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 30 ปีแล้ว พ่อกับแม่ผมแก่มากแล้วก็เลยเกษียณอยู่บ้าน ผมก็เลยมาทำต่อเพราะน้องสาวผมก็ไปทำอย่างอื่นแล้ว เมื่อพาต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย ไหนๆผมเป็นดาราก็เลยพาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ชื่อบริษัท By Jove แต่อาจจะเปลี่ยนมาเป็น ฟาน ทัวร์”
ถามถึงเรื่องที่ “เคลลี่”เอารูปเราไปแซว “พอร์ช” ว่าเดี๋ยวอ้วนเหมือน “สเตฟาน” “ไม่เป็นหรอก พอร์ชยังดูเด็กอยู่ ผมไม่ซีเรียสหรอกครับที่เอาผมไปแซว พี่เคลลี่กับผมสนิทกันครับ นี่ผมก็อ้วนขึ้นมาอีกแล้วนะ ปกติไปฟิตเนสทุกวันแต่พักหลังปวดหลังเพราะหลังไม่ตรงมาตั้งแต่เด็กแล้วก็เลยไม่ได้ไป ตอนที่ผมเล่นละครเรื่องสุดท้าย ผมน้ำหนัก 82 พอทำงานอย่างเดียวก็ขึ้นมา 90 กว่า เมื่อ 2 เดือนที่แล้วน้ำหนักลงมาเหมือน 79-80 แต่ตอนนี้กลับมา 85 แล้วครับ ตอนที่ผมเข้าวงการใหม่ๆผมแคร์ภาพลักษณ์นะ หลังๆมาเริ่มไม่แคร์แล้ว ผมเป็นคนชอบกิน ชอบสบาย ไม่ได้ชอบฟิตเนสเลย ผมมีความสุขกว่าตอนผมเล่นละคร (ยิ้ม)”
อัพเดทเรื่องความรักกับสาว “ทับทิม” เป็นอย่างไรบ้าง “ก็ดีครับ คุยเหมือนเดิมแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลย รู้สึกว่าเขาถ่ายละครอยู่ 2-3 เรื่อง เขาธุรกิจตุ๊กตาม้าด้วย ผมก็ยุ่งมากเลยไม่ค่อยมีเวลาไปเจอเขา แต่เขาก็เข้าใจกันครับ มีข่าวว่าเลิกกัน ไม่จริงครับ ก็ยังคบกันอยู่เหมือนเดิมครับ เรื่องแต่งงานก็มีคิดไว้แต่ผมอยากสร้างรากฐานให้โอเคก่อน จริงๆผมอยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดที่สวยๆสบายๆ อยากพาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย กรุงเทพฯปัญหาเยอะ ก็เลยจะสร้างธุรกิจให้อยู่ได้ เพราะหนังสือที่ทำก็โอเคแล้ว คอนโดเพิ่งเริ่ม 2 ปี เรื่องนี้ก็คุยกับทับทิมแล้วเพราะมั่นใจว่าเขาคือคนที่จะใช้ชีวิตคู่ในอนาคต ผมว่าเขาเป็นคนจิตใจดี ผมไม่ชอบคุยกับคนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ ผมชอบคนตรงๆ ไม่มีพิษไม่มีภัย”
พี่ฟาน หล่อขึ้นอ่ะ
Cr.
http://www.rakdara.net/home/?p=116870
“สเตฟาน”เผยลุยธุรกิจไม่เครียดเหมือนเล่นละคร ลั่นงดรับงานแสดงแบบไร้กำหนด
หายหน้าหายตาจากงานแสดงในวงการไปนานถึง 3 ปี แถมยังปล่อยตัวให้ฉุขึ้นเยอะ ล่าสุดเจอพระเอกหนุ่มลูกครึ่ง “สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์” ใน งานแถลงข่าวงาน “สุขภาพดี & ลิฟวิ่ง อิน เชป กิ๊ฟแฟร์ 2014” ชั้น G เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยเจ้าตัวอัพเดทถึงชีวิตตอนนี้ให้ฟังว่า กำลังซุ่มทำธุรกิจคอนโดโครงการ 2 อยู่ซึ่งอยู่ในระหว่างก่อสร้าง คาดได้รับการตอบรับดีเหมือนโครงการแรก เผยคิดถึงงานละครแต่ยังไม่พร้อมกลับมารับงาน ขอลุยธุรกิจให้อยู่ตัวก่อน
“ผมก็ทำงานธุรกิจส่วนตัว ตอนนี้ก็ยุ่งๆหน่อย อย่างคอนโดโครงการแรกก็เสร็จแล้วชื่อว่า “แมนฮัตตัน พาร์ค เรสซิเดนซ์” กำลังขึ้นโครงการที่ 2 ชื่อว่า “แมนฮัตตัน เอ็มพลาซี่” อยู่ก็เลยจะยุ่งๆหน่อยช่วงนี้ มีงานละครติดต่อเข้ามาเหมือนกันแต่ผมไม่พร้อมที่จะรับ ผมยังทำธุรกิจของผมไม่เสร็จดี ผมทิ้งมันไม่ได้เพราะลงเงินไปเยอะ เดี๋ยวไม่มีเงินใช้ ผมกู้ด้วยเพราะทำกับพี่ชาย โครงการแรกขายออกหมดแล้วตั้งแต่ตึกยังสร้างอยู่ แต่ตึกที่กำลังจะเสร็จเราจะเริ่มได้ตังค์ก็ตอนที่ให้คนเข้ามาอยู่ได้แล้ว นี่คือเหตุผลที่ไม่อยากรับละคร และอีกเหตุผลนึงผมไม่อยากรับละครตอนที่ผมยังอ้วนอยู่ อยากลดก่อน”
“ยังไม่ถึงขนาดเป็นนักธุรกิจพันล้านหรอก ผมแค่เริ่มทำเป็นบริษัทเล็กๆอยู่ครับ ถามว่าติดธุรกิจนี้ไหม ถ้าอันไหนที่เราทำแล้วมันยังดีอยู่ก็โอเค อย่างโครงการแรกที่ผมบอกไปผมไม่ได้กำไรเยอะเพราะผมทำคอนโดแรกไม่มีประสบการณ์มาก่อน ฉะนั้นเราต้องทำให้ดีมากๆและขายในราคาไม่แพง ฉะนั้นกำไรก็ต้องน้อยลง”
“ในวงการรายได้ก็เยอะ แต่ก็ต้องปฏิเสธละครไป วันนึงผมมีเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ถ้าผมเล่นละครก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย จะแบ่งทำก็ยากมาก ผมนับถือดารารุ่นใหญ่นะที่ธุรกิจและเล่นละครด้วย แพลนรับงานละครผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แปลกใจคือผมไมได้เล่นละครมา 3 ปีแล้ว ผมก็ชอบนะที่สงบๆไปไหนคนน่าจะลืมได้แล้วเพราะไว้เครายาวๆ แต่คนก็ยังจำผมได้ งงเลย ก็ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละคร ผมก็รู้สึกดีนะ อย่างพี่ตุ๊กตา กันตนาก็โทรมาถามตลอดเลยว่าอยากให้มาเล่นละคร ตอนที่อ้วนก็ยังมีผู้ใหญ่ติดต่อมาให้เล่นละคร เขาก็บอกให้ผมรีบไปลดแล้วกลับมาเล่นเพราะมันเสียโอกาสที่จะไม่เล่นละคร ตอนที่ผมเลิกรับละคร ผมรู้สึกสบายมากเลยนะ ผมเล่นละครมา 10 ปี ไม่ได้พักเลยมันเหนื่อย พอได้หยุดแล้วรู้สึกดีมากเลย ไม่เครียด ผมอยากกลับมาเล่นละครนะ แต่ความจำของเราตอนเล่นละครคือตอนที่ปิดกล้องเฮฮากับเพื่อนนักแสดง แต่ตอนตื่นเช้าไม่สนุกไง”
“ถามว่าจะทิ้งวงการไหม ตอนที่ผมตัดสินใจตอนแรกผมคิดว่าไม่น่าจะเล่นละครแล้ว พอไม่ได้เล่นก็รู้สึกคิดถึงตอนที่เราไปอยู่กอง ผมชอบที่มีเพื่อนเป็นผู้กำกับ นักแสดง อยู่เหมือนครอบครัวกับทีมงาน แต่ยังไม่แน่ใจว่าผมจะกลับไปเล่นเมื่อไหร่เท่านั้นเอง”
เคยคิดจะผันตัวเป็นผู้จัดบ้างไหม “ตอนต้นปีที่ผ่านมา ผมก็มีคิดนะแต่ผมดูสิ่งที่เราต้องทำและสิ่งตอบแทน เราต้องลงทุนเยอะ หาคนเขียนบทก็ไม่รู้จะใช้ใคร ผู้กำกับดีๆเขาก็เอาไปหมดแล้ว เวียร์กับวีก็เป็นผู้จัดแล้ว งั้นให้เขาเอาผมไปเล่นแล้วกัน เท่าที่ผมดูผู้จัดที่ให้ผมไปเล่น ดูเขาเหนื่อยนะขนาดเขาทำมา 20-30ปีแล้ว ผมคิดว่าถ้าเขามีประสบการณ์มาทั้งตระกูลแล้วยังเครียด แล้วผมไม่มีประสบการณ์ก็คงไม่ได้ แต่อนาคตไม่แน่ก็ต้องดูก่อนครับ”
“ตอนนี้ผมกำลังทำธุรกิจใหม่ด้วย บ้านผมทำทัวร์พาต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 30 ปีแล้ว พ่อกับแม่ผมแก่มากแล้วก็เลยเกษียณอยู่บ้าน ผมก็เลยมาทำต่อเพราะน้องสาวผมก็ไปทำอย่างอื่นแล้ว เมื่อพาต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย ไหนๆผมเป็นดาราก็เลยพาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ชื่อบริษัท By Jove แต่อาจจะเปลี่ยนมาเป็น ฟาน ทัวร์”
ถามถึงเรื่องที่ “เคลลี่”เอารูปเราไปแซว “พอร์ช” ว่าเดี๋ยวอ้วนเหมือน “สเตฟาน” “ไม่เป็นหรอก พอร์ชยังดูเด็กอยู่ ผมไม่ซีเรียสหรอกครับที่เอาผมไปแซว พี่เคลลี่กับผมสนิทกันครับ นี่ผมก็อ้วนขึ้นมาอีกแล้วนะ ปกติไปฟิตเนสทุกวันแต่พักหลังปวดหลังเพราะหลังไม่ตรงมาตั้งแต่เด็กแล้วก็เลยไม่ได้ไป ตอนที่ผมเล่นละครเรื่องสุดท้าย ผมน้ำหนัก 82 พอทำงานอย่างเดียวก็ขึ้นมา 90 กว่า เมื่อ 2 เดือนที่แล้วน้ำหนักลงมาเหมือน 79-80 แต่ตอนนี้กลับมา 85 แล้วครับ ตอนที่ผมเข้าวงการใหม่ๆผมแคร์ภาพลักษณ์นะ หลังๆมาเริ่มไม่แคร์แล้ว ผมเป็นคนชอบกิน ชอบสบาย ไม่ได้ชอบฟิตเนสเลย ผมมีความสุขกว่าตอนผมเล่นละคร (ยิ้ม)”
อัพเดทเรื่องความรักกับสาว “ทับทิม” เป็นอย่างไรบ้าง “ก็ดีครับ คุยเหมือนเดิมแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลย รู้สึกว่าเขาถ่ายละครอยู่ 2-3 เรื่อง เขาธุรกิจตุ๊กตาม้าด้วย ผมก็ยุ่งมากเลยไม่ค่อยมีเวลาไปเจอเขา แต่เขาก็เข้าใจกันครับ มีข่าวว่าเลิกกัน ไม่จริงครับ ก็ยังคบกันอยู่เหมือนเดิมครับ เรื่องแต่งงานก็มีคิดไว้แต่ผมอยากสร้างรากฐานให้โอเคก่อน จริงๆผมอยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดที่สวยๆสบายๆ อยากพาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย กรุงเทพฯปัญหาเยอะ ก็เลยจะสร้างธุรกิจให้อยู่ได้ เพราะหนังสือที่ทำก็โอเคแล้ว คอนโดเพิ่งเริ่ม 2 ปี เรื่องนี้ก็คุยกับทับทิมแล้วเพราะมั่นใจว่าเขาคือคนที่จะใช้ชีวิตคู่ในอนาคต ผมว่าเขาเป็นคนจิตใจดี ผมไม่ชอบคุยกับคนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ ผมชอบคนตรงๆ ไม่มีพิษไม่มีภัย”
พี่ฟาน หล่อขึ้นอ่ะ
Cr. http://www.rakdara.net/home/?p=116870