มือปืนถูกยิงดับ!!! ตร.จู่โจมช่วยตัวประกันคาเฟ่ซิดนีย์!!! ตายรวมอย่างน้อย 3 ศพ!!!
16 ธันวาคม 2557 - โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเอฟพี/เอพี/รอยเตอร์ - พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ในปฏิบัติการของตำรวจบุกจู่โจมเข้าไปยังคาเฟ่กลางเมืองซิดนีย์ในช่วงเช้ามืดวันอังคาร(16ธ.ค.) หลังมือปืนควบคุมตัวพนักงานและลูกค้าร้านช็อกโกแลตเป็นตัวประกันตั้งแต่ช่วงเช้าวันจันทร์(15ธ.ค.) และชูธงอิสลามที่หน้าต่างกระจกของร้าน ยุติเหตุจับตัวประกันระทึกขวัญที่เผชิญหน้ากันอย่างยืดเยื้อยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีใกล้จุดเกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่นหลายรอบ ระหว่างที่ตำรวจบุกเข้าไปภายใน จากนั้นก็พบเห็นตัวประกันหลายคนวิ่งออกมาจากอาคารและเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ก็รุดเข้าไปช่วยเหลือคนเหล่านั้น โดยสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าเบื้องต้นมีตัวประกันได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยๆ 2 ราย และอ้างคำสัมภาษณ์ของตำรวจระบุว่าสถานการณ์จับตัวประกันคลี่คลายลงแล้ว
โฆษกตำรวจยืนยันว่า "ปฏิบัติการสิ้นสุดลงแล้ว" ในตอนเช้าวันอังคาร(16ธ.ค.) แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ทางสำนักข่าวเอพีรายงานว่าตำรวจจู่โจมเข้าไปยังลินด์ท ช็อกโกแลต คาเฟ่ ไม่นานหลังพบเห็นตัวประกันราว 5 ถึง 6 คนวิ่งหนีออกมา จากนั้นพบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับร่ำไห้หลังได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจ และคนอื่นๆอีก 2 รายถูกหามเปล
ในเวลาต่อมาช่างภาพของเอเอฟพีบอกว่าพบเจ้าหน้าที่หามร่างไร้วิญญาณหนึ่งออกมา ส่วนสื่อมวลชนออสเตรเลียรายงานเพิ่มเติมว่ามือปืนถูกตำรวจวิสามัญเช่นกัน ขณะที่สกายนิวส์รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ในนั้น 3 รายอาการสาหัส
ด้านรอยเตอร์รายงานว่าได้ยินเสียงปืนและเสียงอื่นๆดังสนั่นขึ้นก่อน 02.00น.ตามเวลาท้องถิ่นไม่นาน(ตรงกับเมืองไทย 22.00น.) หลังจากก่อนหน้านี้ไม่กี่อึดใจพบเห็นตัวประกันอย่างน้อย 6 คนหลบหนีออกมาได้ จากนั้นทีมแพทย์ก็รุดเข้าไปภายในและพาตัวผู้ได้รับบาดเจ็บหามออกมา อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่าในนั้นมีมือปืนรวมอยู่ด้วยหรือไม่
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตำรวจเพิ่งระบุตัวมือปืนว่าคือนายมัน ฮารอน โมนิส ผู้อพยพชาวอิหร่านซึ่งพำนักอาศัยอยู่ทางย่านตะวันตกเฉียงใต้ของนครซิดนีย์ ทั้งนี้เขาเคยเจอข้อหาประทุษร้ายทางเพศมาหลายคดี นอกจากนี้ยังเคยถูกพิพากษาว่ามีความผิดในปี 2012 ฐานส่งจดหมายรุกรานและข่มขู่ครอบครัวนายทหารออสเตรเลีย 8 นายที่เสียชีวิตในอัฟกานิสถาน เพื่อประท้วงออสเตรเลียที่เข้าไปพัวพันในความขัดแย้งของดินแดนดังกล่าว
ระหว่างการจับตัวประกันนั้น บังคับให้ตัวประกันผลัดเปลี่ยนกันชูธงอิสลามที่หน้าต่างกระจกของร้าน ก่อให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่า ภัยก่อการร้ายแทรกซึมเข้าถึงใจกลางเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียแห่งนี้
หลังจากมือปืนบุกเข้าไปในร้านลินด์ ช็อกโกแลต คาเฟ่ และจับตัวประกันผ่านไปได้ 6 ชั่วโมง ได้มีชาย 3 คนสามารถหนีรอดออกมาได้ โดย 2 คนหนีออกทางประตูหน้าและอีกคนจากทางหนีไฟ และราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผู้หญิงสองคน ซึ่งเป็นพนักงานของร้านทั้งคู่ก็หนีตามออกมา ขณะที่คริส รีสัน ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แชนเนล เซเว่น ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคาเฟ่ที่เกิดเหตุ ทวิตว่า สามารถมองเห็นตัวประกันราว 15 คน ที่มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย หนุ่มสาวและผู้สูงวัย แต่ไม่มีเด็ก
เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิดการอพยพในอาคารใกล้เคียงและส่งคลื่นความช็อคไปทั่วประเทศที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มหันเหความสนใจไปยังเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังมาถึง หลังต้องหวาดผวากับภัยคุกคามด้านความมั่นคงมานานหลายเดือน
เดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียยกระดับการเตือนภัยการก่อการร้าย และตำรวจบุกตรวจค้นผู้ต้องสงสัยครั้งใหญ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะใน 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ เมลเบิร์น ซิดนีย์ และบริสเบน แต่สามารถจับกุมและตั้งข้อหาได้เพียง 2 คน โดย 1 ในนั้นถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียในการสุ่มตัดศีรษะใครก็ได้ในเมืองซิดนีย์
กลุ่มไอเอสที่ยึดครองพื้นที่ 1 ใน 3 ในซีเรียและอิรักขณะนี้ เคยขู่ออสเตรเลียมาก่อน โดยในเดือนกันยายน อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี โฆษกไอเอส ได้เผยแพร่คลิปเสียงเรียกร้องให้มีการโจมตีแบบ “บุกเดี่ยว” ในต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย โดยให้สังหาร “คนนอกศาสนา” ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็ตาม
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000144075
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดนเข้าให้แล้ว!!! ออสเตรเลีย!!! ปิดตายใจกลาง Sydney!!! หลังกลุ่มหัวรุนแรงธงภาษาอารบิค จับตัวประกัน!!!
15 ธันวาคม 2557 - โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเจนซีส์ – เกิดเหตุคนร้ายถือปืนบุกจี้ตัวประกันภายในคาเฟช็อกโกแลตใจกลางนครซิดนีย์วันนี้(15) โดยมีการนำธงภาษาอาหรับสีขาว-ดำมาโชว์ที่กระจกหน้าต่าง ขณะที่ตำรวจยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กำลังตอบสนองเหตุร้ายซึ่งเกิดขึ้นใกล้ๆ กับโรงละครโอเปราเฮาส์
ตำรวจได้นำกำลังเข้าปิดล้อมคาเฟช็อกโกแลต “ลินดต์” (Lindt) ในย่านมาร์ตินเพลส ขณะที่สถานีโทรทัศน์ต่างๆ เผยแพร่ภาพลูกค้าที่อยู่ในอาการหวาดกลัวถูกบังคับให้ถือธงสัญลักษณ์ที่มีภาษาอาหรับชูไว้ที่หน้าต่าง
เบื้องต้นตำรวจรายงานว่า คนร้ายมีเพียงคนเดียว และยังไม่ระบุจำนวนตัวประกันที่แน่นอน แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าภายในคาเฟ่แห่งนี้น่าจะมีคนอยู่ราวๆ 20-50 คน
“ผมยืนยันได้ว่า มีผู้ถืออาวุธ 1 คนอยู่ภายในอาคารย่านมาร์ตินเพลส และจับตัวประกันไม่ทราบจำนวน” แอนดรูว์ สกิปิโอเน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลงต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวเสริมว่าตำรวจยังไม่สามารถติดต่อกับคนร้าย และไม่อาจยืนยันว่าเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงคล้ายปืนดังออกมาหลายนัด และหนึ่งในนั้นคือ แพทริก ไบร์น ผู้ผลิตรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งมีห้องข่าวอยู่ตรงข้ามคาเฟแห่งนี้พอดี
“พวกเราวิ่งไปที่หน้าต่าง และต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนจำนวนมากยกมือขึ้นแนบกับกระจกหน้าต่างคาเฟ... มันไม่ใช่เรื่องปกติ” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว ออสเตรเลียน บรอดคาสติง คอร์ปอเรชัน
ออสเตรเลียอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุด หลังจากที่รัฐบาลประกาศเตือนว่ามีพลเมืองกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปร่วมต่อสู้กับพวกนักรบญิฮาดในตะวันออกกลางและซีเรีย และอาจจะเดินทางกลับมาก่อเหตุโจมตีในบ้านเกิด
มาร์ตินเพลส เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินของนครซิดนีย์ และเป็นที่ตั้งอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น สำนักงานของ ไมค์ แบร์ด มุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์, ธนาคารกลางออสเตรเลีย (Reserve Bank of Australia), ธนาคารเวสต์แพ็ก และธนาคารคอมมอนเวลธ์
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ได้อ้างข้อมูลจาก เดวิด โร ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคง ซึ่งระบุว่าธงภาษาอาหรับที่ปรากฏในภาพข่าวนั้นไม่ใช่ธงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และไม่ใช่ของพวกนักรบ ญับฮัต อัล-นุสรา แต่คือ “ธงชาฮาดะห์” ซึ่งเป็นเพียงคำปฏิญาณตนแสดงความศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตมูฮัมหมัดที่ชาวมุสลิมทั่วๆไปกล่าวกัน แม้ที่ผ่านมาธงชนิดนี้จะถูกกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงหลายกลุ่มนำไปใช้ก็ตาม
โฆษกตำรวจหญิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า “ตำรวจกำลังตอบสนองเหตุร้ายใกล้ๆ กับโรงละครโอเปราเฮาส์” แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการจับตัวประกันที่คาเฟช็อกโกแลตลินดต์หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีรายงานการอพยพผู้คนออกจากโรงละครโอเปราเฮาส์หลังพบวัตถุต้องสงสัย
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และแถลงว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นน่ากังวลอย่างยิ่ง แต่ขอให้ชาวออสเตรเลียทุกคนมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกหน่วยงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และมีความพร้อมที่จะตอบสนองเหตุการณ์เช่นนี้อย่างมืออาชีพ”
ผู้นำออสเตรเลียกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าการบุกจี้ตัวประกันในคาเฟช็อกโกแล็ตลินดต์เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ “แต่ก็มีเครื่องบ่งชี้ว่าอาจเป็นไปได้”
เหตุระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่นาที ก่อนที่ตำรวจออสเตรเลียจะประกาศจับกุมชายวัย 25 ปี ในนครซิดนีย์ด้วยข้อหาก่อการร้าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอบสวนเพื่อสกัดกั้นแผนของพวกอิสลามิสต์ที่หมายก่อเหตุโจมตีบนแผ่นดินจิงโจ้
ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่
ปัจจุบันมีพลเมืองออสเตรเลียมากกว่า 70 คนร่วมต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ในอิรักและซีเรีย และได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 20 คน สร้างความหวาดหวั่นแก่รัฐบาลแคนเบอร์ราว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้กำลังถูกปลูกฝังแนวคิดอิสลามแบบสุดโต่ง และอาจกลับมาก่อเหตุโจมตีในออสเตรเลียซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอน
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000143620
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000143663
http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/287453/ปิดตายใจกลางซิดนีย์หลังกลุ่มหัวรุนแรงจับตัวประกัน
http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/287453/เสริมกำลังหน่วยสวาท-สไนเปอร์ลุยจับตัวประกันจิงโจ้
[i
โดนเข้าให้แล้ว!!! ออสเตรเลีย!!! ปิดตายใจกลาง Sidney!!! หลังกลุ่มหัวรุนแรงธงภาษาอารบิค จับตัวประกัน!!!
16 ธันวาคม 2557 - โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเอฟพี/เอพี/รอยเตอร์ - พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ในปฏิบัติการของตำรวจบุกจู่โจมเข้าไปยังคาเฟ่กลางเมืองซิดนีย์ในช่วงเช้ามืดวันอังคาร(16ธ.ค.) หลังมือปืนควบคุมตัวพนักงานและลูกค้าร้านช็อกโกแลตเป็นตัวประกันตั้งแต่ช่วงเช้าวันจันทร์(15ธ.ค.) และชูธงอิสลามที่หน้าต่างกระจกของร้าน ยุติเหตุจับตัวประกันระทึกขวัญที่เผชิญหน้ากันอย่างยืดเยื้อยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีใกล้จุดเกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่นหลายรอบ ระหว่างที่ตำรวจบุกเข้าไปภายใน จากนั้นก็พบเห็นตัวประกันหลายคนวิ่งออกมาจากอาคารและเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ก็รุดเข้าไปช่วยเหลือคนเหล่านั้น โดยสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าเบื้องต้นมีตัวประกันได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยๆ 2 ราย และอ้างคำสัมภาษณ์ของตำรวจระบุว่าสถานการณ์จับตัวประกันคลี่คลายลงแล้ว
โฆษกตำรวจยืนยันว่า "ปฏิบัติการสิ้นสุดลงแล้ว" ในตอนเช้าวันอังคาร(16ธ.ค.) แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ทางสำนักข่าวเอพีรายงานว่าตำรวจจู่โจมเข้าไปยังลินด์ท ช็อกโกแลต คาเฟ่ ไม่นานหลังพบเห็นตัวประกันราว 5 ถึง 6 คนวิ่งหนีออกมา จากนั้นพบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับร่ำไห้หลังได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจ และคนอื่นๆอีก 2 รายถูกหามเปล
ในเวลาต่อมาช่างภาพของเอเอฟพีบอกว่าพบเจ้าหน้าที่หามร่างไร้วิญญาณหนึ่งออกมา ส่วนสื่อมวลชนออสเตรเลียรายงานเพิ่มเติมว่ามือปืนถูกตำรวจวิสามัญเช่นกัน ขณะที่สกายนิวส์รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ในนั้น 3 รายอาการสาหัส
ด้านรอยเตอร์รายงานว่าได้ยินเสียงปืนและเสียงอื่นๆดังสนั่นขึ้นก่อน 02.00น.ตามเวลาท้องถิ่นไม่นาน(ตรงกับเมืองไทย 22.00น.) หลังจากก่อนหน้านี้ไม่กี่อึดใจพบเห็นตัวประกันอย่างน้อย 6 คนหลบหนีออกมาได้ จากนั้นทีมแพทย์ก็รุดเข้าไปภายในและพาตัวผู้ได้รับบาดเจ็บหามออกมา อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่าในนั้นมีมือปืนรวมอยู่ด้วยหรือไม่
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตำรวจเพิ่งระบุตัวมือปืนว่าคือนายมัน ฮารอน โมนิส ผู้อพยพชาวอิหร่านซึ่งพำนักอาศัยอยู่ทางย่านตะวันตกเฉียงใต้ของนครซิดนีย์ ทั้งนี้เขาเคยเจอข้อหาประทุษร้ายทางเพศมาหลายคดี นอกจากนี้ยังเคยถูกพิพากษาว่ามีความผิดในปี 2012 ฐานส่งจดหมายรุกรานและข่มขู่ครอบครัวนายทหารออสเตรเลีย 8 นายที่เสียชีวิตในอัฟกานิสถาน เพื่อประท้วงออสเตรเลียที่เข้าไปพัวพันในความขัดแย้งของดินแดนดังกล่าว
ระหว่างการจับตัวประกันนั้น บังคับให้ตัวประกันผลัดเปลี่ยนกันชูธงอิสลามที่หน้าต่างกระจกของร้าน ก่อให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่า ภัยก่อการร้ายแทรกซึมเข้าถึงใจกลางเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียแห่งนี้
หลังจากมือปืนบุกเข้าไปในร้านลินด์ ช็อกโกแลต คาเฟ่ และจับตัวประกันผ่านไปได้ 6 ชั่วโมง ได้มีชาย 3 คนสามารถหนีรอดออกมาได้ โดย 2 คนหนีออกทางประตูหน้าและอีกคนจากทางหนีไฟ และราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผู้หญิงสองคน ซึ่งเป็นพนักงานของร้านทั้งคู่ก็หนีตามออกมา ขณะที่คริส รีสัน ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แชนเนล เซเว่น ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคาเฟ่ที่เกิดเหตุ ทวิตว่า สามารถมองเห็นตัวประกันราว 15 คน ที่มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย หนุ่มสาวและผู้สูงวัย แต่ไม่มีเด็ก
เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิดการอพยพในอาคารใกล้เคียงและส่งคลื่นความช็อคไปทั่วประเทศที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มหันเหความสนใจไปยังเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังมาถึง หลังต้องหวาดผวากับภัยคุกคามด้านความมั่นคงมานานหลายเดือน
เดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียยกระดับการเตือนภัยการก่อการร้าย และตำรวจบุกตรวจค้นผู้ต้องสงสัยครั้งใหญ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะใน 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ เมลเบิร์น ซิดนีย์ และบริสเบน แต่สามารถจับกุมและตั้งข้อหาได้เพียง 2 คน โดย 1 ในนั้นถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียในการสุ่มตัดศีรษะใครก็ได้ในเมืองซิดนีย์
กลุ่มไอเอสที่ยึดครองพื้นที่ 1 ใน 3 ในซีเรียและอิรักขณะนี้ เคยขู่ออสเตรเลียมาก่อน โดยในเดือนกันยายน อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี โฆษกไอเอส ได้เผยแพร่คลิปเสียงเรียกร้องให้มีการโจมตีแบบ “บุกเดี่ยว” ในต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย โดยให้สังหาร “คนนอกศาสนา” ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็ตาม
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000144075
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดนเข้าให้แล้ว!!! ออสเตรเลีย!!! ปิดตายใจกลาง Sydney!!! หลังกลุ่มหัวรุนแรงธงภาษาอารบิค จับตัวประกัน!!!
15 ธันวาคม 2557 - โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเจนซีส์ – เกิดเหตุคนร้ายถือปืนบุกจี้ตัวประกันภายในคาเฟช็อกโกแลตใจกลางนครซิดนีย์วันนี้(15) โดยมีการนำธงภาษาอาหรับสีขาว-ดำมาโชว์ที่กระจกหน้าต่าง ขณะที่ตำรวจยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กำลังตอบสนองเหตุร้ายซึ่งเกิดขึ้นใกล้ๆ กับโรงละครโอเปราเฮาส์
ตำรวจได้นำกำลังเข้าปิดล้อมคาเฟช็อกโกแลต “ลินดต์” (Lindt) ในย่านมาร์ตินเพลส ขณะที่สถานีโทรทัศน์ต่างๆ เผยแพร่ภาพลูกค้าที่อยู่ในอาการหวาดกลัวถูกบังคับให้ถือธงสัญลักษณ์ที่มีภาษาอาหรับชูไว้ที่หน้าต่าง
เบื้องต้นตำรวจรายงานว่า คนร้ายมีเพียงคนเดียว และยังไม่ระบุจำนวนตัวประกันที่แน่นอน แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าภายในคาเฟ่แห่งนี้น่าจะมีคนอยู่ราวๆ 20-50 คน
“ผมยืนยันได้ว่า มีผู้ถืออาวุธ 1 คนอยู่ภายในอาคารย่านมาร์ตินเพลส และจับตัวประกันไม่ทราบจำนวน” แอนดรูว์ สกิปิโอเน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลงต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวเสริมว่าตำรวจยังไม่สามารถติดต่อกับคนร้าย และไม่อาจยืนยันว่าเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงคล้ายปืนดังออกมาหลายนัด และหนึ่งในนั้นคือ แพทริก ไบร์น ผู้ผลิตรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งมีห้องข่าวอยู่ตรงข้ามคาเฟแห่งนี้พอดี
“พวกเราวิ่งไปที่หน้าต่าง และต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนจำนวนมากยกมือขึ้นแนบกับกระจกหน้าต่างคาเฟ... มันไม่ใช่เรื่องปกติ” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว ออสเตรเลียน บรอดคาสติง คอร์ปอเรชัน
ออสเตรเลียอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุด หลังจากที่รัฐบาลประกาศเตือนว่ามีพลเมืองกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปร่วมต่อสู้กับพวกนักรบญิฮาดในตะวันออกกลางและซีเรีย และอาจจะเดินทางกลับมาก่อเหตุโจมตีในบ้านเกิด
มาร์ตินเพลส เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินของนครซิดนีย์ และเป็นที่ตั้งอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น สำนักงานของ ไมค์ แบร์ด มุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์, ธนาคารกลางออสเตรเลีย (Reserve Bank of Australia), ธนาคารเวสต์แพ็ก และธนาคารคอมมอนเวลธ์
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ได้อ้างข้อมูลจาก เดวิด โร ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคง ซึ่งระบุว่าธงภาษาอาหรับที่ปรากฏในภาพข่าวนั้นไม่ใช่ธงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และไม่ใช่ของพวกนักรบ ญับฮัต อัล-นุสรา แต่คือ “ธงชาฮาดะห์” ซึ่งเป็นเพียงคำปฏิญาณตนแสดงความศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตมูฮัมหมัดที่ชาวมุสลิมทั่วๆไปกล่าวกัน แม้ที่ผ่านมาธงชนิดนี้จะถูกกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงหลายกลุ่มนำไปใช้ก็ตาม
โฆษกตำรวจหญิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า “ตำรวจกำลังตอบสนองเหตุร้ายใกล้ๆ กับโรงละครโอเปราเฮาส์” แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการจับตัวประกันที่คาเฟช็อกโกแลตลินดต์หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีรายงานการอพยพผู้คนออกจากโรงละครโอเปราเฮาส์หลังพบวัตถุต้องสงสัย
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และแถลงว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นน่ากังวลอย่างยิ่ง แต่ขอให้ชาวออสเตรเลียทุกคนมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกหน่วยงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และมีความพร้อมที่จะตอบสนองเหตุการณ์เช่นนี้อย่างมืออาชีพ”
ผู้นำออสเตรเลียกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าการบุกจี้ตัวประกันในคาเฟช็อกโกแล็ตลินดต์เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ “แต่ก็มีเครื่องบ่งชี้ว่าอาจเป็นไปได้”
เหตุระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่นาที ก่อนที่ตำรวจออสเตรเลียจะประกาศจับกุมชายวัย 25 ปี ในนครซิดนีย์ด้วยข้อหาก่อการร้าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอบสวนเพื่อสกัดกั้นแผนของพวกอิสลามิสต์ที่หมายก่อเหตุโจมตีบนแผ่นดินจิงโจ้
ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่
ปัจจุบันมีพลเมืองออสเตรเลียมากกว่า 70 คนร่วมต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ในอิรักและซีเรีย และได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 20 คน สร้างความหวาดหวั่นแก่รัฐบาลแคนเบอร์ราว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้กำลังถูกปลูกฝังแนวคิดอิสลามแบบสุดโต่ง และอาจกลับมาก่อเหตุโจมตีในออสเตรเลียซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอน
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000143620
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000143663
http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/287453/ปิดตายใจกลางซิดนีย์หลังกลุ่มหัวรุนแรงจับตัวประกัน
http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/287453/เสริมกำลังหน่วยสวาท-สไนเปอร์ลุยจับตัวประกันจิงโจ้
[i