**ต้องขอนุญาตเจ้าของบทความนี้นะครับ คือเห็นว่ามีประโยชน์มากครับ**
ช่วงนี้เรารู้สึกประสบพบเจอสาวๆ จำนวนหนึ่ง
ที่มีลักษณะบางอย่างคล้ายๆ กัน
เช่นมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มเก่ง ยิ้มหวาน คุยเก่ง
โพสท่าถ่ายรูปแบบแนบชิดกับผู้ชาย เป็นต้น
แล้วพอผู้ชายหลงเข้าไปจีบกลับบอกไม่คิดอะไร
เป็นแค่เพื่อนบ้างนั่นนี่บ้าง
วันนี้เลยขอเขียนอะไรเพื่อจะแนะนำสาวๆ ที่มีนิสัยอย่างที่ว่า
ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเธอ เพียงแต่เธออาจไม่รู้ตัวว่า
ผู้ชายคิดยังไงกับท่าทีของเธอ
เลยอาจทำให้ชายหลายๆ คนอกหักได้
เมื่อวันที่รู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขา
พอดีส่วนตัวก็จีบสาวไม่เป็นโดยเฉพาะภาคปฏิบัติ
อาจเพราะเขินอายนั่นนี่แต่ภาคทฤษฎีนี่พอรู้มาบ้าง
ก็อยากจะบอกลำดับขั้นตอนการจีบสาว ให้สาวๆ ได้เข้าใจก่อน
ว่าผู้ชายเวลาจีบสาว ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหนก็ตาม
แต่รวมๆ ส่วนใหญ่มักไปแนวทางที่จะกล่าวดังต่อไปนี้
ผู้ชายเขาอาจมีมุกจีบสาวไม่ซ้ำกัน
บางคนอาจมาแนวเป็นเพื่อน
บางคนอาจมาแนวพี่ชาย
บางคนอาจมาแนวผู้ใหญ่ใจดี
บางคนอาจมาแนวจีบตรงๆ
หรือบางคนมาแนวพ่อก็ยังมีถ้าอายุห่างกันมากๆ
สารพัดแล้วแต่วัย นิสัย และเทคนิคของผู้ชายแต่ละคน
แต่ถ้าเขาเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะมากๆ จนผิดสังเกตุ
โปรดรับรู้ไว้ว่านี่คือ การมาจีบแล้วหล่ะ
การเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะเช่นโทรมาหาบ่อยๆ
โดยอาจไม่ได้ลักษณะโทรมาจีบกันดื้อๆ
อาจมาขอปรึกษาเรื่องงาน เรื่องความรักของเขา
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เขาอยากโทรมาคุยด้วยได้บ่อยๆ
หรือแวะเวียนมาพูดคุยด้วยบ่อยๆ
อันนี้สำหรับผู้ชายที่กล้าสักหน่อย
แต่อีกพวกขี้อายอาจปิดเงียบ ตาก็ไม่กล้าสบตาด้วย
อันนั้นก็มีเช่น เราสมัยก่อน
แบบนี้ยังไม่ถือว่ามาจีบเพราะมองไม่ออก อิอิ
ยิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสวย น่ารัก หน้าตาดี
ยิ่งมั่นใจไปได้เลยว่ากำลังโดนจีบแน่ๆ
ถ้าเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะตามที่กล่าวมาหรือมามุกอื่นๆ แต่มาบ่อยๆ
นอกจากนี้การมาชวนไปไหนสองต่อสอง
หรือแรกๆ อาจให้มีน้อง มีญาติ หรือมีเพื่อนไปด้วย
นี่ก็เป็นขั้นแรกของการเริ่มสร้างความสัมพันธ์เพื่อพัฒนาไปขั้นต่อไป
ดังนั้นถ้ามีผู้ชายมาชวนนั่งรถไปกับเขาโดยไม่มีสาเหตุจำเป็นเช่น
ให้นั่งเพราะจะพาไป รพ. หรือไปธุระคอขาดบาดตาย
หรือแค่ส่งระหว่างทางเพื่อไปต่อรถอะไร
ดูสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย
ส่วนมากต้องการมาจีบเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ขั้นต่อไป
การชวนไปดูหนัง ไปกินข้าวนี่ไม่ต้องพูดถึงชัดเจน
แต่ถ้าเขายังไม่ชัวร์ว่าฝ่ายหญิงจะชอบไหมกลัวหน้าแหก
อาจมาแนวที่บอกอ้างเป็นเพื่อนเป็นพี่ชายเป็นพ่อเป็นนั่นนี่อย่างที่บอก
แต่รวมๆ ก็คือการอยากมาจีบ ยิ่งพวกมองตาซึ้งๆ นี่ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้น่ะ
แต่เคยพบเจอบางคน นั่งรถไปไหนกับผู้ชายคนนั้นคนนี้
พอไปจีบบอกไม่ได้คิดอะไร คิดแค่เพื่อน แต่ผู้ชายคิดจะจีบเต็มที่
ถ้ายังแค่ไม่กี่วัน โดนปฏิเสธมาก็อาจไม่อกหักมาก
แต่ถ้าปล่อยนานเป็นเดือนเป็นปี แล้วปฏิเสธแบบนี้
เขาจะอกหักอย่างแรง เพราะเขามีความหวังมากนั่นเอง
เพราะการที่ผู้หญิงยินยอมไปกินข้าวด้วย
หรือยอมนั่งรถไปด้วยกันบ่อยๆ
มันทำให้ผู้ชายเริ่มมั่นใจเกิน 80% แล้วหล่ะ ว่าผู้หญิงมีใจด้วย
แล้วอยู่ๆ พอเขามั่นใจก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง คือ การบอกรัก
แล้วเล่นปฏิเสธเขาโดยอ้างนั่นนี่ เท่ากับหักอกเขาอย่างแรง
รู้แบบนี้แล้ว คุณผู้หญิงทั้งหลายที่ไม่คิดว่าจะขอดูใจเขา
หรืออะไรแนวรอดูใจกันไปก่อน คิดว่าคงเป็นแค่เพื่อนกันในชาตินี้
ไม่ว่าจะยอมนั่งรถไปกับเขาอีกกี่ 10 ปี
หรือยอมไปกินข้าวด้วยอีกกี่พันครั้งก็ยังคิดว่าเป็นได้แค่เพื่อน
แนะนำอย่างแรงว่า ให้ปฏิเสธเขาไปเลย
ดีกว่าให้เขาเสียเวลามากมาย เสียโอกาสเจอคนที่ใช่อีก
หรือเจอจะไปจีบก็ทำไม่ได้เพราะจะถูกเข้าใจผิดคิดว่ามีแฟนแล้ว
แถมยังอกหักอย่างแรงในภายหลังก็จะทำให้ช้ำหนักกว่าโดนปฏิเสธทันที
ที่ว่ามานี้เป็นแค่พิธีกรรมการจีบ ซึ่งอยู่ในขั้นแรก
ซึ่งก็อาจมีเทคนิคหลากหลายขึ้นอยู่กับความกล้าไม่กล้า
นิสัยผู้ชายแต่ละคน รวมไปถึงเทคนิคของแต่ละคน
สาธยายไปก็ไม่หมด บอกได้แนวๆ แค่เรื่องชวนนั่งรถไปกับเขา
หรือชวนไปไหนสองต่อสองบ่อยๆ
ต่อมาจะเป็นพิธีกรรมการบอกรัก หรือแสดงออกให้รู้ว่ามาจีบจริงจัง
แบบแรกพิธีกรรมการจีบ ซึ่งมาเจ๊าะแจ๊ะลักษณะมาจีบ
แต่อาจไว้เชิงกลัวเสียหน้านั่นนี่ แต่ในขั้นที่ 2 พิธีกรรมการบอกรักนี้
มาแบบหมดฟอร์ม ยอมแสดงออกว่ารัก ว่าชอบแล้ว
อาจมาในมุกซื้อนั่นนี่ให้ทั้งดอกไม้ ทั้งแหวน ทั้งนั่นนี่ หรือพูดตรงๆ
หรือโทรไปบอก หรือโพสบอกเขียนบอก ส่งสายตาหวานบอก
เรียกว่าถึงขั้นนี้ผู้หญิงจะต้องรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้มาจีบแน่นอนชัวร์
และเมื่อเขายอมเสียหน้าเสียฟอร์มยอมมาบอกมาแสดงให้รับรู้แล้วว่ารักหรือชอบ
ก็อยู่ที่ว่าฝ่ายหญิงจะตอบรักหรือไม่รัก ชอบหรือไม่ชอบ
ด้วยการแสดงออกบอกให้เขารับรู้ไปตามเทคนิคของแต่ละคน
แต่ขออย่างเดียวแหล่ะว่า การที่ผู้ชายไม่ว่าใครจะรักใครชอบใคร
แล้วเขาไปบอกรักด้วยวิธีต่างๆ เมื่อผู้หญิงรู้ตัวแล้ว
ถ้าชอบก็แสดงออกตามอัธยาศัยแบบพองามหรือแบบเปิดเผยก็ว่ากันไป
ไม่มีปัญหาสำหรับสาวยุคใหม่เผลอๆ ผู้ชายไม่กล้าบอกก่อน
แต่คบหาดูใจกันมานานจะไปบอกเขาก่อนก็ได้
ถ้าชัวรก็ไม่ผิดอะไรสำหรับสาวยุคใหม่
เพราะถือว่าได้เลือกเองกับมือตัดสินใจเลือกเอง ไม่ได้รอให้ใครมาเลือก
เพราะอาจไม่ชอบจำใจต้องเลือกเพราะมีมาจีบแค่นั้น
แบบแรกเราว่าดีกว่าแม้จะยังมีพวกหัวโบราณอาจมองว่าไม่งาม
งามไม่งามอย่าไปสนใจชาวบ้านมาก
เพราะเขาไม่ได้มาครองคู่อยู่ด้วยกับเธอ
สิ่งที่ขออย่างเดียวเป็นกรณีที่ผู้หญิงไม่ชอบและไม่คิดหรือรู้สึกผิดหวัง
เพราะคาดคิดหวังไปเองว่าเขาจะคิดแค่เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นพ่ออะไร
แล้วอยู่ๆ เขามาบอกรักรู้สึกรับไม่ได้ บางคนเราเคยเจอเคยเห็นชีวิตคนอื่นก็มี
แบบผู้หญิงพอรู้ว่าผู้ชายคนที่ไม่คิดว่าเขาจะมาจีบ
พอมาจีบ ก็โกรธเลิกคบ บางคนด่า บางคนเกลียดไปเลยก็มี
กรณีนี้ที่เราขอคืออย่าไปโกรธเกลียดคนที่มาบอกรักพวกเธอเลย
เพราะเธออาจไม่รู้ว่าบางคนอาจรวบรวมความกล้ามาหลายปีหรือหลายเดือน
กว่าจะกล้าแสดงออกบอกรัก ยอมเสียหน้า ยอมเสียฟอร์ม
ยิ่งโดนปฏิเสธนี่ก็ช้ำมากพออยู่แล้ว ยังโดนโกรธซ้ำเข้าไปอีกยิ่งแย่กันใหญ่
ควรปฏิเสธเขานิ่มๆ แล้วไม่ต้องไปคอยปลอบเขา
ปล่อยให้เวลาช่วยทำให้เขาดีขึ้นเอง จนทำใจได้เอง
ความจริงอย่างที่บอกควรตัดไฟแต่ต้นลม
อย่าให้เขามีความหวัง ถ้าคิดว่าชาตินี้ไม่มีทางจะรักเขา
ไปได้มากกว่าที่อยากให้เขาเป็น
เพราะว่าเวลาคนอกหักในเรื่องความรัก
อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย
สำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องใหญ่โต
เหมือนสงครามสมัยก่อนหลายที่ในประวัติศาสตร์
ก็เคยมีที่ต้นเหตุของสงครามเกิดจากความรัก
ขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้น มีเพาเว่อร์ที่จะทำอะไรได้มากมายไหม
หรืออาละวาดฟาดหางได้มากมายเท่าไหร่
บางคนเขาอาจคลุ้มคลั่ง บางคนอาจฆ่าตัวตาย
บ้าไปเลยก็มี หรือประชดชีวิตทำอะไรไม่ดีไปเลยก็ได้
อย่าคิดทำเป็นเล่นๆ สนุกๆ ไปวันๆ หรือคิดคบแก้เซ็งเผื่อเลือกอะไร
อย่าเล่นกับไฟ เราเตือนคุณแล้ว
เพราะผู้ชายแต่ละคนอารมณ์ความยั้งคิดอะไรอาจแตกต่างกัน
ไม่ใช่ว่าจะเหมือนพระเอกในละครทุกคนเสมอไป
จากขั้นแรกเริ่มจีบ พัฒนามาเป็นบอกรักในขั้นที่สอง
ต่อมาขั้นที่สาม ก็คือการพัฒนาไปสู่การครองคู่
พูดภาษาชาวบ้านก็คือพัฒนาไปเป็นผัวเมียกันนั่นแหล่ะ
ในขั้นนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนและในสมัยนี้อาจยังมีหลงเหลืออยู่พอสมควร
คือจะมีการไปสู่ขอและแต่งงานกันตามปกติ
กับอีกแบบที่ไม่ได้แต่งงานกันอยู่ด้วยกันเฉยๆ ก็มี
ขั้นนี้จะมีสิ่งบอกเหตุไล่ไปตามลำดับ ดังต่อไปนี้
เริ่มจากจับมือ โอบกอด จูบ และจบด้วยการได้เสียกัน
มันจะเป็นไปตามสเต็ปแล้วแต่ความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย
หรือมือไวใจเร็ว ถ้าพวกเจ้าชู้หน่อยก็อาจไปไวขึ้น
ยิ่งถ้ายอมเป็นแฟนกันยิ่งไปไว ซึ่งก็อยู่ที่สาวๆ ด้วย
บางคนแนวหัวโบราณก็จะไม่ไวไปอย่างดีจบแค่จูบ
หรือได้แค่จับมือรอแต่งงานก่อน
แต่มีจำนวนไม่น้อยสำหรับสาวรุ่นใหม่
อาจไปนอนด้วยกันก่อนโดยไม่ได้รอแต่งก็มีไม่น้อย
ดังนั้น อยู่ๆ มีสาวยุคใหญ่ที่เริ่มเห็นจำนวนไม่น้อยทีเดียวแนวไม่คิดอะไร
อยู่ๆ ข้ามขั้นตอนทั้งการจีบและการบอกรักไปโอบกอดกับผู้ชาย
แบบไม่คิดอะไรคิดแค่เพื่อนหรือเพิ่งเริ่มเปลี่ยนจากวัยเด็กสู่วัยสาว
เลยยังคิดว่าตนเองยังเด็กๆ อยู่ เคยเล่นกับผู้ชายแบบเด็กๆ
เช่น จับมือถือแขนอะไรกัน ก็นึกว่าโตเป็นสาวก็ทำได้แบบเดียวกัน
ซึ่งการทำแบบนั้นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้
เช่นอยู่ๆ คุณไปถ่ายรูปคู่กับหนุ่มๆ ที่คุณอาจบอกว่า
เป็นเพื่อนกันตอนเด็กๆ ไปใกล้ชิด แนบชิด
ไปโอบเขาบ้าง ให้เขาโอบบ้าง ให้เขาจับมือบ้าง
สำหรับผู้ชายด้วยกันมั่นใจได้ว่าเขาคิด
และอาจเข้าข้างตนเองว่าผู้หญิงมีใจกับเขาแล้ว
หรือไม่ก็ได้แสดงออกถึงการจองผู้หญิงคนนี้กีดกันผู้ชายคนอื่นไปในตัว
เขาไม่มีอะไรเสียนอกจากได้กีดกันคู่แข่งไปเกือบหมด
เพราะอย่างที่บอกกว่าจะมาถึงขั้นที่3 ก็ใช้เวลานานสำหรับหลายคน
แต่จู่ๆ มีใครไม่รู้มาแสดงให้เห็นว่าล้ำหน้าไปขั้นที่ 3 แล้ว
ไม่ทำให้หนุ่มๆ ที่ตามจีบถอดใจกันไปได้ยังไง
อีกอย่างการพัฒนาไปสู่การเป็นสามีภรรยากัน
ก็ไล่ตั้งแต่ จับมือ โอบกอด จูบ และจบด้วยการได้เสียกัน อย่างที่ว่ามา
เวลาผู้ชายอื่นเห็นผู้หญิงที่เขาจะไปจีบ ไปทำแบบนี้กับผู้ชายอื่นที่ไหน
เท่ากับเขาอาจจะคิดไปแล้วว่าคุณมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้นไปถึงไหนแล้ว
บางคนอาจคิดเลยเถิดไปถึงว่าคงได้เสียกันแล้วด้วย
ถ้าเห็นคุณไปโอบกอดกับผู้ชายแบบนั้น
ดังนั้นการที่มีภาพคุณไปโอบกอดกับผู้ชายเท่ากับว่า
คุณยอมที่จะไล่ผู้ชายคนอื่นออกไปจากชีวิตคุณแล้วทางอ้อมดีๆ นี่เอง
โดยที่คุณผู้หญิงบางคนบอกว่าฉันไม่ได้คิดอะไร
ใช่คุณอาจไม่คิดอะไรแต่คนอื่นที่เขาเห็นเขาคิด
ยิ่งผู้ชายด้วยกันยิ่งคิดหนัก เสียหายไหม
จะเห็นได้ว่ายังมีผู้หญิงจำนวนมาก แนวไม่คิดอะไร
ไม่รู้ว่าภาพพจน์ตนเองเสียหายหนักแค่ไหนในสายตาคนอื่น
เพียงแต่จะมีคนบอกให้รู้หรือไม่เท่านั้น
ยิ่งถ้ามีแฟนไม่ว่ากำลังคบกันหรือเป็นสามีแล้ว
การไปแสดงออกแบบนั้นกับเพื่อนรักสมัยเรียน
หรือชายที่ไหนที่ไม่ใช่พ่อ หรือพี่ชายน้องชายเธอ
รับประกันได้ แฟนคุณเห็นไม่ว่าจะจะหรือแค่ภาพถ่าย
ควันออกหูแน่นอน บางคนพาลเลิกทันที
เพราะเขาจะมองว่าคุณกำลังนอกใจหรือนอกใจเขาไปแล้วนั่นเอง
อีกกรณีหนึ่ง การไปทำสนิทสนมเกินงามกับชายอื่นที่เขามีแฟนอยู่แล้ว
ซึ่งพวกเขาอาจจีบกันอยู่หรือเป็นสามีภรรยากันแล้ว
รับประกันอีกเหมือนกันว่าชีวิตคู่ของพวกเขาจะเริ่มมีปัญหา
ถ้าไม่เลิกกัน ก็อาจจะโดนแฟนเขาตามตบ
หรือโทรมาด่า หรือเอาไปประจานให้คุณอายได้ทุกรูปแบบ
แล้วแต่ความหึงหวงของผู้หญิงคนนั้น
ก็เหมือนในละครที่ว่าน้ำเน่านั่นแหล่ะ
เรื่องจริงบางคนก็คล้ายๆ แบบนั้น
หวังว่าบทความสอนหญิงบทความนี้
จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับสาวๆ
ที่โตมาโดยไม่มีใครกล้าสอน กล้าบอกเรื่องแบบนี้
จะได้เข้าใจ และจะได้ไม่วางตัวจนทำให้มีผู้ชายเข้าใจผิดจนเขาอกหักอีกเลย
ผู้หญิงส่วนใหญ่อ่านแล้วอาจคิดว่ามาสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำทำไม
คือเขาอาจรู้จักการวางตัวตามแบบหญิงไทยอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ที่เห็นยังมีอีกเพียบที่เจอเป็นหญิงแนวใหม่
ไม่รู้ว่ากำลังโดนผู้ชายจีบ หรือวางตัวนั่นนี่กับผู้ชายยังไง
ไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดอะไรแบบนั้น
ที่สำคัญเคยเห็นชีวิตคู่หลายคนพังทลายลง
โดยมีสาเหตุจากการไม่รู้จักการวางตัวของผู้หญิง
พอแฟนเห็นแล้วเข้าใจผิด ถ้าเขาวีนทันทีก็อาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไร
แต่ถ้าเขาเก็บไปคิดมากไม่ยอมบอกแล้วเลิกเลย ก็อาจพาลงงได้
แถมอีกนิด สิ่งที่ทำให้เกิดการหักเหด้านความรัก
เพราะต่างคนต่างฟอร์มเยอะกลัวเสียหน้า
ไม่กล้าแสดงออกให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่ารักว่าชอบ
พอมีคนอื่นมาแสดงออกแล้วเขาไปชอบคนนั้นแทน
เพราะคิดว่าคนไม่แสดงออกไม่ชอบก็เกิดตำนานรักอกหักมากมาย
ความจริงแล้วง่ายสุดๆ คือทิ้งฟอร์มออก
แต่บอกไปก็ทำยากเพราะเราก็เคยเป็นแบบนี้แหล่ะ
อายจนแห้วอยู่ดี สู้ไม่อายจีบไปไม่ติดจะได้ไปจีบคนอื่นต่อ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอคอยยาวนานไป
หรือเสียโอกาสได้คบหากับคนใหม่ๆ
ขอบคุณเครดิต #มาหาอะไร#
สงสารผู้ชายที่ต้องการรักจริงบ้างนะครับ###ผู้หญิง : อย่าทำให้ผู้ชายอกหักเพราะความเข้าใจผิดในการวางตัวของผู้หญิง >>>
ช่วงนี้เรารู้สึกประสบพบเจอสาวๆ จำนวนหนึ่ง
ที่มีลักษณะบางอย่างคล้ายๆ กัน
เช่นมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มเก่ง ยิ้มหวาน คุยเก่ง
โพสท่าถ่ายรูปแบบแนบชิดกับผู้ชาย เป็นต้น
แล้วพอผู้ชายหลงเข้าไปจีบกลับบอกไม่คิดอะไร
เป็นแค่เพื่อนบ้างนั่นนี่บ้าง
วันนี้เลยขอเขียนอะไรเพื่อจะแนะนำสาวๆ ที่มีนิสัยอย่างที่ว่า
ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเธอ เพียงแต่เธออาจไม่รู้ตัวว่า
ผู้ชายคิดยังไงกับท่าทีของเธอ
เลยอาจทำให้ชายหลายๆ คนอกหักได้
เมื่อวันที่รู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขา
พอดีส่วนตัวก็จีบสาวไม่เป็นโดยเฉพาะภาคปฏิบัติ
อาจเพราะเขินอายนั่นนี่แต่ภาคทฤษฎีนี่พอรู้มาบ้าง
ก็อยากจะบอกลำดับขั้นตอนการจีบสาว ให้สาวๆ ได้เข้าใจก่อน
ว่าผู้ชายเวลาจีบสาว ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหนก็ตาม
แต่รวมๆ ส่วนใหญ่มักไปแนวทางที่จะกล่าวดังต่อไปนี้
ผู้ชายเขาอาจมีมุกจีบสาวไม่ซ้ำกัน
บางคนอาจมาแนวเป็นเพื่อน
บางคนอาจมาแนวพี่ชาย
บางคนอาจมาแนวผู้ใหญ่ใจดี
บางคนอาจมาแนวจีบตรงๆ
หรือบางคนมาแนวพ่อก็ยังมีถ้าอายุห่างกันมากๆ
สารพัดแล้วแต่วัย นิสัย และเทคนิคของผู้ชายแต่ละคน
แต่ถ้าเขาเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะมากๆ จนผิดสังเกตุ
โปรดรับรู้ไว้ว่านี่คือ การมาจีบแล้วหล่ะ
การเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะเช่นโทรมาหาบ่อยๆ
โดยอาจไม่ได้ลักษณะโทรมาจีบกันดื้อๆ
อาจมาขอปรึกษาเรื่องงาน เรื่องความรักของเขา
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เขาอยากโทรมาคุยด้วยได้บ่อยๆ
หรือแวะเวียนมาพูดคุยด้วยบ่อยๆ
อันนี้สำหรับผู้ชายที่กล้าสักหน่อย
แต่อีกพวกขี้อายอาจปิดเงียบ ตาก็ไม่กล้าสบตาด้วย
อันนั้นก็มีเช่น เราสมัยก่อน
แบบนี้ยังไม่ถือว่ามาจีบเพราะมองไม่ออก อิอิ
ยิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสวย น่ารัก หน้าตาดี
ยิ่งมั่นใจไปได้เลยว่ากำลังโดนจีบแน่ๆ
ถ้าเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะตามที่กล่าวมาหรือมามุกอื่นๆ แต่มาบ่อยๆ
นอกจากนี้การมาชวนไปไหนสองต่อสอง
หรือแรกๆ อาจให้มีน้อง มีญาติ หรือมีเพื่อนไปด้วย
นี่ก็เป็นขั้นแรกของการเริ่มสร้างความสัมพันธ์เพื่อพัฒนาไปขั้นต่อไป
ดังนั้นถ้ามีผู้ชายมาชวนนั่งรถไปกับเขาโดยไม่มีสาเหตุจำเป็นเช่น
ให้นั่งเพราะจะพาไป รพ. หรือไปธุระคอขาดบาดตาย
หรือแค่ส่งระหว่างทางเพื่อไปต่อรถอะไร
ดูสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย
ส่วนมากต้องการมาจีบเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ขั้นต่อไป
การชวนไปดูหนัง ไปกินข้าวนี่ไม่ต้องพูดถึงชัดเจน
แต่ถ้าเขายังไม่ชัวร์ว่าฝ่ายหญิงจะชอบไหมกลัวหน้าแหก
อาจมาแนวที่บอกอ้างเป็นเพื่อนเป็นพี่ชายเป็นพ่อเป็นนั่นนี่อย่างที่บอก
แต่รวมๆ ก็คือการอยากมาจีบ ยิ่งพวกมองตาซึ้งๆ นี่ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้น่ะ
แต่เคยพบเจอบางคน นั่งรถไปไหนกับผู้ชายคนนั้นคนนี้
พอไปจีบบอกไม่ได้คิดอะไร คิดแค่เพื่อน แต่ผู้ชายคิดจะจีบเต็มที่
ถ้ายังแค่ไม่กี่วัน โดนปฏิเสธมาก็อาจไม่อกหักมาก
แต่ถ้าปล่อยนานเป็นเดือนเป็นปี แล้วปฏิเสธแบบนี้
เขาจะอกหักอย่างแรง เพราะเขามีความหวังมากนั่นเอง
เพราะการที่ผู้หญิงยินยอมไปกินข้าวด้วย
หรือยอมนั่งรถไปด้วยกันบ่อยๆ
มันทำให้ผู้ชายเริ่มมั่นใจเกิน 80% แล้วหล่ะ ว่าผู้หญิงมีใจด้วย
แล้วอยู่ๆ พอเขามั่นใจก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง คือ การบอกรัก
แล้วเล่นปฏิเสธเขาโดยอ้างนั่นนี่ เท่ากับหักอกเขาอย่างแรง
รู้แบบนี้แล้ว คุณผู้หญิงทั้งหลายที่ไม่คิดว่าจะขอดูใจเขา
หรืออะไรแนวรอดูใจกันไปก่อน คิดว่าคงเป็นแค่เพื่อนกันในชาตินี้
ไม่ว่าจะยอมนั่งรถไปกับเขาอีกกี่ 10 ปี
หรือยอมไปกินข้าวด้วยอีกกี่พันครั้งก็ยังคิดว่าเป็นได้แค่เพื่อน
แนะนำอย่างแรงว่า ให้ปฏิเสธเขาไปเลย
ดีกว่าให้เขาเสียเวลามากมาย เสียโอกาสเจอคนที่ใช่อีก
หรือเจอจะไปจีบก็ทำไม่ได้เพราะจะถูกเข้าใจผิดคิดว่ามีแฟนแล้ว
แถมยังอกหักอย่างแรงในภายหลังก็จะทำให้ช้ำหนักกว่าโดนปฏิเสธทันที
ที่ว่ามานี้เป็นแค่พิธีกรรมการจีบ ซึ่งอยู่ในขั้นแรก
ซึ่งก็อาจมีเทคนิคหลากหลายขึ้นอยู่กับความกล้าไม่กล้า
นิสัยผู้ชายแต่ละคน รวมไปถึงเทคนิคของแต่ละคน
สาธยายไปก็ไม่หมด บอกได้แนวๆ แค่เรื่องชวนนั่งรถไปกับเขา
หรือชวนไปไหนสองต่อสองบ่อยๆ
ต่อมาจะเป็นพิธีกรรมการบอกรัก หรือแสดงออกให้รู้ว่ามาจีบจริงจัง
แบบแรกพิธีกรรมการจีบ ซึ่งมาเจ๊าะแจ๊ะลักษณะมาจีบ
แต่อาจไว้เชิงกลัวเสียหน้านั่นนี่ แต่ในขั้นที่ 2 พิธีกรรมการบอกรักนี้
มาแบบหมดฟอร์ม ยอมแสดงออกว่ารัก ว่าชอบแล้ว
อาจมาในมุกซื้อนั่นนี่ให้ทั้งดอกไม้ ทั้งแหวน ทั้งนั่นนี่ หรือพูดตรงๆ
หรือโทรไปบอก หรือโพสบอกเขียนบอก ส่งสายตาหวานบอก
เรียกว่าถึงขั้นนี้ผู้หญิงจะต้องรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้มาจีบแน่นอนชัวร์
และเมื่อเขายอมเสียหน้าเสียฟอร์มยอมมาบอกมาแสดงให้รับรู้แล้วว่ารักหรือชอบ
ก็อยู่ที่ว่าฝ่ายหญิงจะตอบรักหรือไม่รัก ชอบหรือไม่ชอบ
ด้วยการแสดงออกบอกให้เขารับรู้ไปตามเทคนิคของแต่ละคน
แต่ขออย่างเดียวแหล่ะว่า การที่ผู้ชายไม่ว่าใครจะรักใครชอบใคร
แล้วเขาไปบอกรักด้วยวิธีต่างๆ เมื่อผู้หญิงรู้ตัวแล้ว
ถ้าชอบก็แสดงออกตามอัธยาศัยแบบพองามหรือแบบเปิดเผยก็ว่ากันไป
ไม่มีปัญหาสำหรับสาวยุคใหม่เผลอๆ ผู้ชายไม่กล้าบอกก่อน
แต่คบหาดูใจกันมานานจะไปบอกเขาก่อนก็ได้
ถ้าชัวรก็ไม่ผิดอะไรสำหรับสาวยุคใหม่
เพราะถือว่าได้เลือกเองกับมือตัดสินใจเลือกเอง ไม่ได้รอให้ใครมาเลือก
เพราะอาจไม่ชอบจำใจต้องเลือกเพราะมีมาจีบแค่นั้น
แบบแรกเราว่าดีกว่าแม้จะยังมีพวกหัวโบราณอาจมองว่าไม่งาม
งามไม่งามอย่าไปสนใจชาวบ้านมาก
เพราะเขาไม่ได้มาครองคู่อยู่ด้วยกับเธอ
สิ่งที่ขออย่างเดียวเป็นกรณีที่ผู้หญิงไม่ชอบและไม่คิดหรือรู้สึกผิดหวัง
เพราะคาดคิดหวังไปเองว่าเขาจะคิดแค่เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นพ่ออะไร
แล้วอยู่ๆ เขามาบอกรักรู้สึกรับไม่ได้ บางคนเราเคยเจอเคยเห็นชีวิตคนอื่นก็มี
แบบผู้หญิงพอรู้ว่าผู้ชายคนที่ไม่คิดว่าเขาจะมาจีบ
พอมาจีบ ก็โกรธเลิกคบ บางคนด่า บางคนเกลียดไปเลยก็มี
กรณีนี้ที่เราขอคืออย่าไปโกรธเกลียดคนที่มาบอกรักพวกเธอเลย
เพราะเธออาจไม่รู้ว่าบางคนอาจรวบรวมความกล้ามาหลายปีหรือหลายเดือน
กว่าจะกล้าแสดงออกบอกรัก ยอมเสียหน้า ยอมเสียฟอร์ม
ยิ่งโดนปฏิเสธนี่ก็ช้ำมากพออยู่แล้ว ยังโดนโกรธซ้ำเข้าไปอีกยิ่งแย่กันใหญ่
ควรปฏิเสธเขานิ่มๆ แล้วไม่ต้องไปคอยปลอบเขา
ปล่อยให้เวลาช่วยทำให้เขาดีขึ้นเอง จนทำใจได้เอง
ความจริงอย่างที่บอกควรตัดไฟแต่ต้นลม
อย่าให้เขามีความหวัง ถ้าคิดว่าชาตินี้ไม่มีทางจะรักเขา
ไปได้มากกว่าที่อยากให้เขาเป็น
เพราะว่าเวลาคนอกหักในเรื่องความรัก
อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย
สำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องใหญ่โต
เหมือนสงครามสมัยก่อนหลายที่ในประวัติศาสตร์
ก็เคยมีที่ต้นเหตุของสงครามเกิดจากความรัก
ขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้น มีเพาเว่อร์ที่จะทำอะไรได้มากมายไหม
หรืออาละวาดฟาดหางได้มากมายเท่าไหร่
บางคนเขาอาจคลุ้มคลั่ง บางคนอาจฆ่าตัวตาย
บ้าไปเลยก็มี หรือประชดชีวิตทำอะไรไม่ดีไปเลยก็ได้
อย่าคิดทำเป็นเล่นๆ สนุกๆ ไปวันๆ หรือคิดคบแก้เซ็งเผื่อเลือกอะไร
อย่าเล่นกับไฟ เราเตือนคุณแล้ว
เพราะผู้ชายแต่ละคนอารมณ์ความยั้งคิดอะไรอาจแตกต่างกัน
ไม่ใช่ว่าจะเหมือนพระเอกในละครทุกคนเสมอไป
จากขั้นแรกเริ่มจีบ พัฒนามาเป็นบอกรักในขั้นที่สอง
ต่อมาขั้นที่สาม ก็คือการพัฒนาไปสู่การครองคู่
พูดภาษาชาวบ้านก็คือพัฒนาไปเป็นผัวเมียกันนั่นแหล่ะ
ในขั้นนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนและในสมัยนี้อาจยังมีหลงเหลืออยู่พอสมควร
คือจะมีการไปสู่ขอและแต่งงานกันตามปกติ
กับอีกแบบที่ไม่ได้แต่งงานกันอยู่ด้วยกันเฉยๆ ก็มี
ขั้นนี้จะมีสิ่งบอกเหตุไล่ไปตามลำดับ ดังต่อไปนี้
เริ่มจากจับมือ โอบกอด จูบ และจบด้วยการได้เสียกัน
มันจะเป็นไปตามสเต็ปแล้วแต่ความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย
หรือมือไวใจเร็ว ถ้าพวกเจ้าชู้หน่อยก็อาจไปไวขึ้น
ยิ่งถ้ายอมเป็นแฟนกันยิ่งไปไว ซึ่งก็อยู่ที่สาวๆ ด้วย
บางคนแนวหัวโบราณก็จะไม่ไวไปอย่างดีจบแค่จูบ
หรือได้แค่จับมือรอแต่งงานก่อน
แต่มีจำนวนไม่น้อยสำหรับสาวรุ่นใหม่
อาจไปนอนด้วยกันก่อนโดยไม่ได้รอแต่งก็มีไม่น้อย
ดังนั้น อยู่ๆ มีสาวยุคใหญ่ที่เริ่มเห็นจำนวนไม่น้อยทีเดียวแนวไม่คิดอะไร
อยู่ๆ ข้ามขั้นตอนทั้งการจีบและการบอกรักไปโอบกอดกับผู้ชาย
แบบไม่คิดอะไรคิดแค่เพื่อนหรือเพิ่งเริ่มเปลี่ยนจากวัยเด็กสู่วัยสาว
เลยยังคิดว่าตนเองยังเด็กๆ อยู่ เคยเล่นกับผู้ชายแบบเด็กๆ
เช่น จับมือถือแขนอะไรกัน ก็นึกว่าโตเป็นสาวก็ทำได้แบบเดียวกัน
ซึ่งการทำแบบนั้นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้
เช่นอยู่ๆ คุณไปถ่ายรูปคู่กับหนุ่มๆ ที่คุณอาจบอกว่า
เป็นเพื่อนกันตอนเด็กๆ ไปใกล้ชิด แนบชิด
ไปโอบเขาบ้าง ให้เขาโอบบ้าง ให้เขาจับมือบ้าง
สำหรับผู้ชายด้วยกันมั่นใจได้ว่าเขาคิด
และอาจเข้าข้างตนเองว่าผู้หญิงมีใจกับเขาแล้ว
หรือไม่ก็ได้แสดงออกถึงการจองผู้หญิงคนนี้กีดกันผู้ชายคนอื่นไปในตัว
เขาไม่มีอะไรเสียนอกจากได้กีดกันคู่แข่งไปเกือบหมด
เพราะอย่างที่บอกกว่าจะมาถึงขั้นที่3 ก็ใช้เวลานานสำหรับหลายคน
แต่จู่ๆ มีใครไม่รู้มาแสดงให้เห็นว่าล้ำหน้าไปขั้นที่ 3 แล้ว
ไม่ทำให้หนุ่มๆ ที่ตามจีบถอดใจกันไปได้ยังไง
อีกอย่างการพัฒนาไปสู่การเป็นสามีภรรยากัน
ก็ไล่ตั้งแต่ จับมือ โอบกอด จูบ และจบด้วยการได้เสียกัน อย่างที่ว่ามา
เวลาผู้ชายอื่นเห็นผู้หญิงที่เขาจะไปจีบ ไปทำแบบนี้กับผู้ชายอื่นที่ไหน
เท่ากับเขาอาจจะคิดไปแล้วว่าคุณมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้นไปถึงไหนแล้ว
บางคนอาจคิดเลยเถิดไปถึงว่าคงได้เสียกันแล้วด้วย
ถ้าเห็นคุณไปโอบกอดกับผู้ชายแบบนั้น
ดังนั้นการที่มีภาพคุณไปโอบกอดกับผู้ชายเท่ากับว่า
คุณยอมที่จะไล่ผู้ชายคนอื่นออกไปจากชีวิตคุณแล้วทางอ้อมดีๆ นี่เอง
โดยที่คุณผู้หญิงบางคนบอกว่าฉันไม่ได้คิดอะไร
ใช่คุณอาจไม่คิดอะไรแต่คนอื่นที่เขาเห็นเขาคิด
ยิ่งผู้ชายด้วยกันยิ่งคิดหนัก เสียหายไหม
จะเห็นได้ว่ายังมีผู้หญิงจำนวนมาก แนวไม่คิดอะไร
ไม่รู้ว่าภาพพจน์ตนเองเสียหายหนักแค่ไหนในสายตาคนอื่น
เพียงแต่จะมีคนบอกให้รู้หรือไม่เท่านั้น
ยิ่งถ้ามีแฟนไม่ว่ากำลังคบกันหรือเป็นสามีแล้ว
การไปแสดงออกแบบนั้นกับเพื่อนรักสมัยเรียน
หรือชายที่ไหนที่ไม่ใช่พ่อ หรือพี่ชายน้องชายเธอ
รับประกันได้ แฟนคุณเห็นไม่ว่าจะจะหรือแค่ภาพถ่าย
ควันออกหูแน่นอน บางคนพาลเลิกทันที
เพราะเขาจะมองว่าคุณกำลังนอกใจหรือนอกใจเขาไปแล้วนั่นเอง
อีกกรณีหนึ่ง การไปทำสนิทสนมเกินงามกับชายอื่นที่เขามีแฟนอยู่แล้ว
ซึ่งพวกเขาอาจจีบกันอยู่หรือเป็นสามีภรรยากันแล้ว
รับประกันอีกเหมือนกันว่าชีวิตคู่ของพวกเขาจะเริ่มมีปัญหา
ถ้าไม่เลิกกัน ก็อาจจะโดนแฟนเขาตามตบ
หรือโทรมาด่า หรือเอาไปประจานให้คุณอายได้ทุกรูปแบบ
แล้วแต่ความหึงหวงของผู้หญิงคนนั้น
ก็เหมือนในละครที่ว่าน้ำเน่านั่นแหล่ะ
เรื่องจริงบางคนก็คล้ายๆ แบบนั้น
หวังว่าบทความสอนหญิงบทความนี้
จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับสาวๆ
ที่โตมาโดยไม่มีใครกล้าสอน กล้าบอกเรื่องแบบนี้
จะได้เข้าใจ และจะได้ไม่วางตัวจนทำให้มีผู้ชายเข้าใจผิดจนเขาอกหักอีกเลย
ผู้หญิงส่วนใหญ่อ่านแล้วอาจคิดว่ามาสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำทำไม
คือเขาอาจรู้จักการวางตัวตามแบบหญิงไทยอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ที่เห็นยังมีอีกเพียบที่เจอเป็นหญิงแนวใหม่
ไม่รู้ว่ากำลังโดนผู้ชายจีบ หรือวางตัวนั่นนี่กับผู้ชายยังไง
ไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดอะไรแบบนั้น
ที่สำคัญเคยเห็นชีวิตคู่หลายคนพังทลายลง
โดยมีสาเหตุจากการไม่รู้จักการวางตัวของผู้หญิง
พอแฟนเห็นแล้วเข้าใจผิด ถ้าเขาวีนทันทีก็อาจเข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไร
แต่ถ้าเขาเก็บไปคิดมากไม่ยอมบอกแล้วเลิกเลย ก็อาจพาลงงได้
แถมอีกนิด สิ่งที่ทำให้เกิดการหักเหด้านความรัก
เพราะต่างคนต่างฟอร์มเยอะกลัวเสียหน้า
ไม่กล้าแสดงออกให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่ารักว่าชอบ
พอมีคนอื่นมาแสดงออกแล้วเขาไปชอบคนนั้นแทน
เพราะคิดว่าคนไม่แสดงออกไม่ชอบก็เกิดตำนานรักอกหักมากมาย
ความจริงแล้วง่ายสุดๆ คือทิ้งฟอร์มออก
แต่บอกไปก็ทำยากเพราะเราก็เคยเป็นแบบนี้แหล่ะ
อายจนแห้วอยู่ดี สู้ไม่อายจีบไปไม่ติดจะได้ไปจีบคนอื่นต่อ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอคอยยาวนานไป
หรือเสียโอกาสได้คบหากับคนใหม่ๆ
ขอบคุณเครดิต #มาหาอะไร#