สวัสดีค่ะ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเราได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ที่เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือที่เรียกกันว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือกุ้ยหลินเมืองไทย
เราตั้งชื่อทริปนี้ว่า 'กว่าจะได้มาทริป2014' สาเหตุมาจากว่าเรากับเพื่อนอยากไปกันหลายที่มาก เขาช้างเผือกก็อยากไป เชียงใหม่ก็อยากไป อยากนู่นนี่จนสุดท้ายก็มาลงเอยที่นี่
ก่อนจะไปเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย
- จองเครื่องบิน จริงๆเราอยากลองเดินทางด้วยรถไฟมากเลย เพราะจำไม่ได้ว่าความรู้สึกเป็นยังไง (พ่อเคยบอกว่าเราเคยนั่งแล้วตอนเด็กๆ) แต่เพื่อนไม่อยาก และด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เลยคิดว่านี่น่าจะสะดวกที่สุด โชคดีที่เราได้โปรที่ดีขาไป แต่ขากลับไม่แน่ใจว่าเป็นโปรหรือเปล่าเพราะไมไช่ราคาที่ถูกที่สุดแต่ก็ไม่ใช่ราคาที่แพงที่สุดเช่นกัน (ด้านล่าง เราจะมีสรุปค่าใช้จ่ายไว้ให้นะคะ)
-จองที่พัก เราเลือกแพภูตะวัน กับแพคเกจ3วัน2คืน ซึ่งเราคิดว่าน่าจะถูกที่สุดแล้วในบรรดาหลายๆแพ ประกอบกับเพื่อนสนิทอีกคนพึ่งไปมาและบอกว่าดี เลยไม่รอช้าจองทันที
- เนื่องจากตัวเขื่อนที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสกค่อนข้างไกลจากตัวสนามบิน เราเลยต้องพึ่งรถเพื่อไปลงที่ท่าเรือเทศบาลก่อน ซึ่งทางแพจะให้เบอร์โทรคิวรถตู้มาให้ ที่เราต้องทำก็คือโทรแจ้งเวลาที่ไฟล์ทจะลงให้กับพนักงานคิวรถตู้ แล้วเค้าจะกะเวลามารับเอง ส่วนการเดินทางจากท่าเรือเทศบาลทางแพจะมีเรือมารอรับเราอยู่แล้ว (โทรบอกทางแพหน่อยก็จะดีว่าเราขึ้นรถตู้แล้ว เพราะเค้าจะได้กะเวลาถูก)
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกันได้เลย
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ในวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 7.00น. ถึงสนามบินนานาชาติสุราษฎร์เวลา 8.15น. เมื่อลงจากเครื่องแล้วก็รอรถตู้ที่เราติดต่อเอาไว้ตอนก่อนมา (ซึ่งเค้ามาเลทนิดนึงด้วยการเข้าใจผิดเล็กน้อย) ระยะเวลาจากสนามบินไปท่าเรือเทศบาลกินเวลาประมาณ ชั่วโมงนึงหรืออาจจะเร็วกว่า หากใครไม่ได้เตรียมขนมมาขอพี่รถตู้แวะเซเว่นได้ เพราะหลังจากนี้จะไม่มีอีกเลย และในเขื่อนราคาก็จะสูงกว่านิดหน่อยและมีให้เลือกไม่มากนัก ระหว่างทางก็เห็นว่ามีต้นยางพาราเยอะมากๆผสมไปกับต้นอื่นที่เราไม่รู้จัก เห็นว่าสวย สบายตาดีเลยเก็บมาซะหน่อย
ถึงท่าเรือเทศบาลเวลา10.30น. ก็เจอเจ้าหน้าที่ของทางแพมารออยู่ก่อนแล้ว เค้าก็จะให้เรากรอกใบเข้าอุทยานเขาสก และของแพเอง
จากนั้นก็ขึ้นเรือที่ทางแพจัดมา เพื่อเข้าที่พัก ระหว่างทางคืออากาศดีมากถึงจะแดดออกแต่ก็ไม่ร้อนเลย และวิวน่าตื่นตาตื่นใจมาก น้ำงี้ฟ้าเขียว ใสมากกกระดับสิบ 'ผมนี่ถึงกับร้องว้าวเลย'
และแล้วเวลา 11.15 น. เราก็ถึงแพ ขณะที่เรือเข้าเทียบท่าก็มีฝรั่งมาพายเรือเล่นกันอยู่แล้ว
ติดต่อรับกุญแจ เก็บสัมภาระเข้าที่พัก ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย ลองชาร์จแบตดู อ่าวไม่ติด เลยเดินไปถามพี่เค้า เค้าเลยบอกว่าช่วงกลางวันจะไม่มีไฟใช้ ไฟจะมาตอนหกโมงเย็นไปจนถึงหกโมงเช้า (ซึ่งเราค้นพบว่ามันไม่จริง ไฟมันมาแค่ตีห้าครึ่งเท่านั้น! TT)
ลืมบอกไปว่าแพนี้เป็นห้องน้ำรวม แต่สภาพไม่แย่มากนะคะ เรากับเพื่อนเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายด้วย เลยไม่มีปัญหาอะไร สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลย ไวไฟนี่อย่าหวัง เป็นการเที่ยวที่พักผ่อนจริงๆ
เนื่องจากเราเข้ามาตอนเที่ยงพอดีเลยหิวมาก แพเค้าก็เลยให้ไปนั่งรอที่โต๊ะ โซนที่กินข้าว เดี๋ยวเค้าจะนำมาเสิร์ฟ ซึ่งอาหารจะมีสี่อย่างทุกมื้อ เติมเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น บอกเลยว่าอร่อยมากกกกกกก อร่อยทุกมื้อจริงจริง (รูปนี้เราถ่ายตอนรอทานมื้อเย็น ซึ่งแสงไฟสวยกว่า)
จากข้างในโซนทานอาหารมองออกไป
วันนี้ไม่มีโปรแกรมอะไรนอกจาก ไปดูไนท์ซาฟารีตอนสองทุ่ม เพราะฉะนั้น ว่าง ค่ะ ไปนอนเล่นแล้วเล่นอีก ฟังเพลงแล้วฟังเพลงอีก รอแดดร่มๆ ก็ได้เวลาออกมากระโดดน้ำ ว่ายน้ำ น้ำใสมาก สะอาด เย็นสบายสุดสุด ที่ห้ามพลาดคือ พายเรือเล่น (ซึ่งเรือที่เราพายกับเพื่อนล่มค่ะเพราะมันเป็นลำที่ไม่มีรูระบายน้ำ พอน้ำเข้าเยอะๆเลยล่ม พายออกไปไกลมาก โชคดีมีน้องๆจากโคราชที่พายอยู่แถวนั้นมาช่วยรวมถึงเพื่อนๆร่วมทริปอีกแก๊งนึงมาลากเรือกลับให้ ขอบพระคุณสามทีเศษ ส่วนเรากับเพื่อนว่ายเข้าฝั่งค่ะ ถึกคู่บอกได้คำเดียว)
ไม้พายที่นี่เราต้องมัดจำสองร้อยบาทนะคะ เพื่อกันหาย พอเล่นเสร็จนำมาคืนเราก็จะได้เงินคืน
ขึ้นมาอาบน้ำ ชาร์จมือถือ ทานอาหารเย็น ที่นี่มืดค่อนข้างเร็ว ดาวออกมาตรึมเลย อย่างกับของปลอม แทบไม่มีที่ว่างเหลือเลย ชอบมากกกก
เวลาสองทุ่มพี่คนขับเรือก็เรียกไปขึ้นเรือ ไปส่องสัตว์ตอนกลางคืน คืนนี้เราได้เห็นนกเงือก อย่างเดียว เพราะว่ายังเป็นช่วงน้ำขึ้นน้ำเลยขังตามโพรง สัตว์จะไม่ออกมา... ก่อนเข้านอนดูดาวอีกซักพัก (เสียดายที่มือถือถ่ายดาวมาไม่ได้)
เช้าวันที่สอง
ตื่นมาแต่เช้า หวังจะดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่ก็พลาด เพราะแพเราไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่จะมองเห็น ต้องซื้อแพคเกจแยกเพื่อไปดู แต่งกเลยไม่ไป ฮ่าๆ นั่งดูแสงอาทิตย์ที่แพแทนก็ได้ หากใครใคร่จะพายเรือออกไปดูก็ได้นะ เราว่าก็ชิวดี
โปรแกรมวันนี้หลังทานข้าวเช้าเสร็จคือเราจะนั่งเรือไปดูเขาสามเกลอ ซึ่งเป็นจุดพี้คของที่นี่ ยังไงก็ต้องมา ในรูปจะเป็นระหว่างทาง ส่วนเขาสามเกลอนั้นภาพเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฮ่าๆ
แล้วก็ต่อด้วยไปเดินป่า ซึ่งอากาศในป่าดีมากแม้ลมจะไม่โกรกแต่ก็เย็นสบาย เรานี่ถึงกับหอบ ขนาดออกกำลังเรื่อยๆ
เดินมาได้ซักพักก็มาถึงจุดที่จะนั่งแพต่อเพื่อไปชมถ้ำ ตรงนี้เค้าบอกว่าเคยเป็นที่ตั้งของแพ 500 ไร่ แต่ต้องย้ายออกเนื่องจากมีทางเข้าเดียว แล้วนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ไหว ภายในถ้ำสวยมาก หินงอกหินย้อยอะไรเต็มไปหมด เย็นสบาย
ชมถ้ำเสร็จก็นั่งแพกลับ แล้วเดินป่าเพื่อออกทางเดิม ตรงปากทางเดินป่าจะมีร้านขายขนมและน้ำอยู่ เราถึงกับทนไม่ไหว เพราะเหนื่อยและเมื่อยมาก เลยจำต้องซื้อ (จริงๆมันก็ไม่ได้แพงเว่อขนาดกระเป๋าจะฉีก เว่อร์ไปเอง) รอทุกคนมากันครบก็นั่งเรือกลับที่พักเพื่อทานอาหารกลางวัน โปรแกรมวันนี้จริงๆหมดเท่านี้ แต่เรากับเพื่อนรู้สึกเบื่อ เพราะลืมเอาหนังสือมาและไม่ได้อ่านมาก่อนว่าจะขาดแคลนไวไฟขนาดนี้ เลยไปขอพี่คนขับเรือว่าขอออกไปซาฟารีอีกรอบ (ด้านได้อายอดสามารถใช้ได้จริง) ซึ่งพี่เค้าอนุญาต เฮ่ เลยดีใจไปพายเรือเล่นน้ำรอ ก่อนออกก็ทานอาหารเย็น วันนี้ก็อีกเช่นเคย ดาวเกลื่อนกลาดมาก
วันที่สาม
เมื่อส่องสัตว์ตอนกลางคืนเสร็จเราไปถามพี่คนขับเรือว่าพรุ่งนี้มีโปรแกรมไปดูหมอกใช่มั้ย เค้าบอกว่าจะพาไปถ้าเรามารอตรงนี้ทันหกโมงครึ่ง เรากับเพื่อนก็เตรียมตัวพร้อมอย่างดี ตั้งนาฬิกาปลุกสามจังหวะ สรุป มันไม่ปลุกจ้า แต่ตื่นมากันเองเพราะปวดฉี่ ฮ่าๆๆๆๆๆ เลยมานั่งรอที่ท่าตอนประมาณหกโมง คนขับเรือยังไม่ตื่น เพราะฮีกับเพื่อนๆฮีน่าจะดริ๊งกันทุกวันเป็นประจำ เราก็ถ่ายรูปรอ
พอฮีมาฮีก็ถามว่าปกติตื่นเช้ากันอย่างงี้หรอ เราก็ยิ้ม ใช่ค่า ฮ่าๆๆๆ รอสักพักไม่มีใครมากันเลย ก็เลยได้เป็นการล่องเรือชมหมอกแบบเอ๊กซ์คลูซีฟ ส่วนตั๊วส่วนตัว คุ้มมากๆๆๆเลย
ตอนเช้านี่เงียบมาก น้ำนิ่ง แต่เพราะเราออกมาช้าไปหน่อยหมอกเลยไม่ค่อยมีแล้ว เจอแค่บางจุดและไม่ยิ่งใหญ่มาก
เค้าเลยพาไปดูสัตว์ตอนเช้าแทน ซึ่งเราก็เห็นชะนี แล้วก็ค่างแว่น จอดเรือถ่ายรูปกันซักพัก พี่เค้าก็พากลับแพทานข้าวเช้า เตรียมตัวแพ็คของกลับ
ตอนขามาเราไปดูที่จุดชมวิวของเขื่อนไม่ทัน เลยให้พี่รถตู้ขับพามาให้ดูก่อนที่จะไปสนามบิน คนค่อนข้างเยอะพอสมควร อากาศดี วิวสวยไม่แพ้ข้างในเลย
จบแล้ว! สำหรับทริปนี้ ขอบคุณทุกคนที่บังเอิญหรือโดนบังคับให้เข้ามาอ่านจากเรา ฮ่าๆๆๆๆ ล้อเล่นนะ
หากได้ไปเที่ยวไหน แล้วมีเวลา ไว้จะมารีวิวอีก
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริปต่อคน
-ตั่วเครื่องบิน โปรขามา 690 ขากลับ 1133 รวม Vat ทุกอย่างแล้วประมาณ 1800 บาท
-ที่พัก แพคเกจ3วัน2คืน รวมอาหาร 6 มื้อ และโปรแกรมเที่ยวทุกอย่าง 3200 บาท
-ขนม 100 บาท
-ค่ารถตู้จากสนามบินมาท่าเรือเทศบาล 200 บาท ขากลับจากท่าเรือไปสนามบินอีก 200 บาท
ทั้งหมด 5500 บาท
การเดินทางนี้เหมาะกับคนวัยไหน
เราว่าได้ทุกเพศทุกวัย เด็กๆมาเล่นน้ำก็สนุก น้ำใสสะอาด แต่อาจจะ่อนข้างลึกผู้ใหญ่ต้องดูแลดีดี
-คนวัยทำงาน เหมาะเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณจะได้การพักผ่อนแบบจริงจัง เหมือนหลุดมาอีกโลกนึงเลย ตัดขาดหมดทุกอย่าง อากาศดี สมองปลอดโปร่ง
-วัยเรียน มากับแก๊งเพื่อนๆก็สนุก มาถ่ายรูป เล่นน้ำ เล่นดนตรีหน้าแพ
-แฟน/คู่รัก เราว่าโรแมนติกมากเลย เงียบสงบ วิวสวยงามอลังการ
-คนที่ไม่ค่อยชอบทะเล หรือเบื่อทะเลแล้ว แต่ชอบเที่ยวกับที่ที่มีน้ำ เราแนะนำเลย ไม่มีสัตว์อะไรแปลกๆแน่นอน น้ำใสทุกจุด ลงได้ทุกที่
ได้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้
-อย่างแรกเลยประสบการณ์การเที่ยว การจัดการ การติดต่อ การแก้ไขปัญหา แม้มันจะไม่ได้ใหญ่มากนักหรือเห็นได้ชัด แต่มันทำให้เราโตขึ้นจริงๆ
-มิตรภาพระหว่างการเดินทาง ได้คุยกับคนที่ไม่รู้จัก อย่างเราถ้าเรือไม่ล่มก็ไม่ได้คุยกับน้องๆปีสาม ที่เรียนโคราช ไม่ได้คำแนะนำต่างๆเพราะน้องเค้ามาอยู่ก่อนเราวันนึง ไม่ได้เจอกับพี่ๆที่เป็นคู่รัก ที่บังเอิญมารู้ทีหลังว่าเป็นรุ่นพี่ที่ธรรมศาสตร์ ไม่ได้ทักทายกับแก๊งสามคนที่มาช่วยลากเรือเรากลับและยังเป็นเพื่อนร่วมทริปที่ดี ช่วยถ่ายรูปคู่ให้เรากับเพื่อน ... เรายินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลย
-ได้คุยกับคนท้องถิ่น เรียนรู้นิสัยของคนที่ต่างอาชีพกัน ภาษา สำเนียงที่เค้าใช้ อาหารที่เค้ากิน ก็เป็นอะไรแปลกๆใหม่ที่เราได้เรียนรู้
-ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไวไฟ ไฟฟ้าเปิดเป็นเวลา อากาศดี สงบ บรรยากาศล้ำมาก วิวก็อลังการ
สิ่งของที่ควรเตรียมไป
-ปลั๊กต่อ
-หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์
-เพลงฟัง
-ยาทากันแมลงเล็กๆกัด (เผื่อเอาไว้)
ภาพทั้งหมดนี้เราถ่ายจาก HTC OneM7 ปนไปกับ Cannon D600 แต่งภาพด้วยแอพ VSCO
ปล. นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และใครมีข้อสงสัยเราจะตอบให้เท่าที่จะทำได้นะคะ
ขอบคุณค่า
[CR] เที่ยวเขื่อนรัชชประภากันเถอะ =)
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเราได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ที่เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือที่เรียกกันว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือกุ้ยหลินเมืองไทย
เราตั้งชื่อทริปนี้ว่า 'กว่าจะได้มาทริป2014' สาเหตุมาจากว่าเรากับเพื่อนอยากไปกันหลายที่มาก เขาช้างเผือกก็อยากไป เชียงใหม่ก็อยากไป อยากนู่นนี่จนสุดท้ายก็มาลงเอยที่นี่
ก่อนจะไปเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย
- จองเครื่องบิน จริงๆเราอยากลองเดินทางด้วยรถไฟมากเลย เพราะจำไม่ได้ว่าความรู้สึกเป็นยังไง (พ่อเคยบอกว่าเราเคยนั่งแล้วตอนเด็กๆ) แต่เพื่อนไม่อยาก และด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เลยคิดว่านี่น่าจะสะดวกที่สุด โชคดีที่เราได้โปรที่ดีขาไป แต่ขากลับไม่แน่ใจว่าเป็นโปรหรือเปล่าเพราะไมไช่ราคาที่ถูกที่สุดแต่ก็ไม่ใช่ราคาที่แพงที่สุดเช่นกัน (ด้านล่าง เราจะมีสรุปค่าใช้จ่ายไว้ให้นะคะ)
-จองที่พัก เราเลือกแพภูตะวัน กับแพคเกจ3วัน2คืน ซึ่งเราคิดว่าน่าจะถูกที่สุดแล้วในบรรดาหลายๆแพ ประกอบกับเพื่อนสนิทอีกคนพึ่งไปมาและบอกว่าดี เลยไม่รอช้าจองทันที
- เนื่องจากตัวเขื่อนที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสกค่อนข้างไกลจากตัวสนามบิน เราเลยต้องพึ่งรถเพื่อไปลงที่ท่าเรือเทศบาลก่อน ซึ่งทางแพจะให้เบอร์โทรคิวรถตู้มาให้ ที่เราต้องทำก็คือโทรแจ้งเวลาที่ไฟล์ทจะลงให้กับพนักงานคิวรถตู้ แล้วเค้าจะกะเวลามารับเอง ส่วนการเดินทางจากท่าเรือเทศบาลทางแพจะมีเรือมารอรับเราอยู่แล้ว (โทรบอกทางแพหน่อยก็จะดีว่าเราขึ้นรถตู้แล้ว เพราะเค้าจะได้กะเวลาถูก)
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกันได้เลย
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ในวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 7.00น. ถึงสนามบินนานาชาติสุราษฎร์เวลา 8.15น. เมื่อลงจากเครื่องแล้วก็รอรถตู้ที่เราติดต่อเอาไว้ตอนก่อนมา (ซึ่งเค้ามาเลทนิดนึงด้วยการเข้าใจผิดเล็กน้อย) ระยะเวลาจากสนามบินไปท่าเรือเทศบาลกินเวลาประมาณ ชั่วโมงนึงหรืออาจจะเร็วกว่า หากใครไม่ได้เตรียมขนมมาขอพี่รถตู้แวะเซเว่นได้ เพราะหลังจากนี้จะไม่มีอีกเลย และในเขื่อนราคาก็จะสูงกว่านิดหน่อยและมีให้เลือกไม่มากนัก ระหว่างทางก็เห็นว่ามีต้นยางพาราเยอะมากๆผสมไปกับต้นอื่นที่เราไม่รู้จัก เห็นว่าสวย สบายตาดีเลยเก็บมาซะหน่อย
ถึงท่าเรือเทศบาลเวลา10.30น. ก็เจอเจ้าหน้าที่ของทางแพมารออยู่ก่อนแล้ว เค้าก็จะให้เรากรอกใบเข้าอุทยานเขาสก และของแพเอง
จากนั้นก็ขึ้นเรือที่ทางแพจัดมา เพื่อเข้าที่พัก ระหว่างทางคืออากาศดีมากถึงจะแดดออกแต่ก็ไม่ร้อนเลย และวิวน่าตื่นตาตื่นใจมาก น้ำงี้ฟ้าเขียว ใสมากกกระดับสิบ 'ผมนี่ถึงกับร้องว้าวเลย'
และแล้วเวลา 11.15 น. เราก็ถึงแพ ขณะที่เรือเข้าเทียบท่าก็มีฝรั่งมาพายเรือเล่นกันอยู่แล้ว
ติดต่อรับกุญแจ เก็บสัมภาระเข้าที่พัก ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย ลองชาร์จแบตดู อ่าวไม่ติด เลยเดินไปถามพี่เค้า เค้าเลยบอกว่าช่วงกลางวันจะไม่มีไฟใช้ ไฟจะมาตอนหกโมงเย็นไปจนถึงหกโมงเช้า (ซึ่งเราค้นพบว่ามันไม่จริง ไฟมันมาแค่ตีห้าครึ่งเท่านั้น! TT)
ลืมบอกไปว่าแพนี้เป็นห้องน้ำรวม แต่สภาพไม่แย่มากนะคะ เรากับเพื่อนเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายด้วย เลยไม่มีปัญหาอะไร สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลย ไวไฟนี่อย่าหวัง เป็นการเที่ยวที่พักผ่อนจริงๆ
เนื่องจากเราเข้ามาตอนเที่ยงพอดีเลยหิวมาก แพเค้าก็เลยให้ไปนั่งรอที่โต๊ะ โซนที่กินข้าว เดี๋ยวเค้าจะนำมาเสิร์ฟ ซึ่งอาหารจะมีสี่อย่างทุกมื้อ เติมเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น บอกเลยว่าอร่อยมากกกกกกก อร่อยทุกมื้อจริงจริง (รูปนี้เราถ่ายตอนรอทานมื้อเย็น ซึ่งแสงไฟสวยกว่า)
จากข้างในโซนทานอาหารมองออกไป
วันนี้ไม่มีโปรแกรมอะไรนอกจาก ไปดูไนท์ซาฟารีตอนสองทุ่ม เพราะฉะนั้น ว่าง ค่ะ ไปนอนเล่นแล้วเล่นอีก ฟังเพลงแล้วฟังเพลงอีก รอแดดร่มๆ ก็ได้เวลาออกมากระโดดน้ำ ว่ายน้ำ น้ำใสมาก สะอาด เย็นสบายสุดสุด ที่ห้ามพลาดคือ พายเรือเล่น (ซึ่งเรือที่เราพายกับเพื่อนล่มค่ะเพราะมันเป็นลำที่ไม่มีรูระบายน้ำ พอน้ำเข้าเยอะๆเลยล่ม พายออกไปไกลมาก โชคดีมีน้องๆจากโคราชที่พายอยู่แถวนั้นมาช่วยรวมถึงเพื่อนๆร่วมทริปอีกแก๊งนึงมาลากเรือกลับให้ ขอบพระคุณสามทีเศษ ส่วนเรากับเพื่อนว่ายเข้าฝั่งค่ะ ถึกคู่บอกได้คำเดียว)
ไม้พายที่นี่เราต้องมัดจำสองร้อยบาทนะคะ เพื่อกันหาย พอเล่นเสร็จนำมาคืนเราก็จะได้เงินคืน
ขึ้นมาอาบน้ำ ชาร์จมือถือ ทานอาหารเย็น ที่นี่มืดค่อนข้างเร็ว ดาวออกมาตรึมเลย อย่างกับของปลอม แทบไม่มีที่ว่างเหลือเลย ชอบมากกกก
เวลาสองทุ่มพี่คนขับเรือก็เรียกไปขึ้นเรือ ไปส่องสัตว์ตอนกลางคืน คืนนี้เราได้เห็นนกเงือก อย่างเดียว เพราะว่ายังเป็นช่วงน้ำขึ้นน้ำเลยขังตามโพรง สัตว์จะไม่ออกมา... ก่อนเข้านอนดูดาวอีกซักพัก (เสียดายที่มือถือถ่ายดาวมาไม่ได้)
เช้าวันที่สอง
ตื่นมาแต่เช้า หวังจะดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่ก็พลาด เพราะแพเราไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่จะมองเห็น ต้องซื้อแพคเกจแยกเพื่อไปดู แต่งกเลยไม่ไป ฮ่าๆ นั่งดูแสงอาทิตย์ที่แพแทนก็ได้ หากใครใคร่จะพายเรือออกไปดูก็ได้นะ เราว่าก็ชิวดี
โปรแกรมวันนี้หลังทานข้าวเช้าเสร็จคือเราจะนั่งเรือไปดูเขาสามเกลอ ซึ่งเป็นจุดพี้คของที่นี่ ยังไงก็ต้องมา ในรูปจะเป็นระหว่างทาง ส่วนเขาสามเกลอนั้นภาพเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฮ่าๆ
แล้วก็ต่อด้วยไปเดินป่า ซึ่งอากาศในป่าดีมากแม้ลมจะไม่โกรกแต่ก็เย็นสบาย เรานี่ถึงกับหอบ ขนาดออกกำลังเรื่อยๆ
เดินมาได้ซักพักก็มาถึงจุดที่จะนั่งแพต่อเพื่อไปชมถ้ำ ตรงนี้เค้าบอกว่าเคยเป็นที่ตั้งของแพ 500 ไร่ แต่ต้องย้ายออกเนื่องจากมีทางเข้าเดียว แล้วนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ไหว ภายในถ้ำสวยมาก หินงอกหินย้อยอะไรเต็มไปหมด เย็นสบาย
ชมถ้ำเสร็จก็นั่งแพกลับ แล้วเดินป่าเพื่อออกทางเดิม ตรงปากทางเดินป่าจะมีร้านขายขนมและน้ำอยู่ เราถึงกับทนไม่ไหว เพราะเหนื่อยและเมื่อยมาก เลยจำต้องซื้อ (จริงๆมันก็ไม่ได้แพงเว่อขนาดกระเป๋าจะฉีก เว่อร์ไปเอง) รอทุกคนมากันครบก็นั่งเรือกลับที่พักเพื่อทานอาหารกลางวัน โปรแกรมวันนี้จริงๆหมดเท่านี้ แต่เรากับเพื่อนรู้สึกเบื่อ เพราะลืมเอาหนังสือมาและไม่ได้อ่านมาก่อนว่าจะขาดแคลนไวไฟขนาดนี้ เลยไปขอพี่คนขับเรือว่าขอออกไปซาฟารีอีกรอบ (ด้านได้อายอดสามารถใช้ได้จริง) ซึ่งพี่เค้าอนุญาต เฮ่ เลยดีใจไปพายเรือเล่นน้ำรอ ก่อนออกก็ทานอาหารเย็น วันนี้ก็อีกเช่นเคย ดาวเกลื่อนกลาดมาก
วันที่สาม
เมื่อส่องสัตว์ตอนกลางคืนเสร็จเราไปถามพี่คนขับเรือว่าพรุ่งนี้มีโปรแกรมไปดูหมอกใช่มั้ย เค้าบอกว่าจะพาไปถ้าเรามารอตรงนี้ทันหกโมงครึ่ง เรากับเพื่อนก็เตรียมตัวพร้อมอย่างดี ตั้งนาฬิกาปลุกสามจังหวะ สรุป มันไม่ปลุกจ้า แต่ตื่นมากันเองเพราะปวดฉี่ ฮ่าๆๆๆๆๆ เลยมานั่งรอที่ท่าตอนประมาณหกโมง คนขับเรือยังไม่ตื่น เพราะฮีกับเพื่อนๆฮีน่าจะดริ๊งกันทุกวันเป็นประจำ เราก็ถ่ายรูปรอ
พอฮีมาฮีก็ถามว่าปกติตื่นเช้ากันอย่างงี้หรอ เราก็ยิ้ม ใช่ค่า ฮ่าๆๆๆ รอสักพักไม่มีใครมากันเลย ก็เลยได้เป็นการล่องเรือชมหมอกแบบเอ๊กซ์คลูซีฟ ส่วนตั๊วส่วนตัว คุ้มมากๆๆๆเลย
ตอนเช้านี่เงียบมาก น้ำนิ่ง แต่เพราะเราออกมาช้าไปหน่อยหมอกเลยไม่ค่อยมีแล้ว เจอแค่บางจุดและไม่ยิ่งใหญ่มาก
เค้าเลยพาไปดูสัตว์ตอนเช้าแทน ซึ่งเราก็เห็นชะนี แล้วก็ค่างแว่น จอดเรือถ่ายรูปกันซักพัก พี่เค้าก็พากลับแพทานข้าวเช้า เตรียมตัวแพ็คของกลับ
ตอนขามาเราไปดูที่จุดชมวิวของเขื่อนไม่ทัน เลยให้พี่รถตู้ขับพามาให้ดูก่อนที่จะไปสนามบิน คนค่อนข้างเยอะพอสมควร อากาศดี วิวสวยไม่แพ้ข้างในเลย
จบแล้ว! สำหรับทริปนี้ ขอบคุณทุกคนที่บังเอิญหรือโดนบังคับให้เข้ามาอ่านจากเรา ฮ่าๆๆๆๆ ล้อเล่นนะ
หากได้ไปเที่ยวไหน แล้วมีเวลา ไว้จะมารีวิวอีก
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริปต่อคน
-ตั่วเครื่องบิน โปรขามา 690 ขากลับ 1133 รวม Vat ทุกอย่างแล้วประมาณ 1800 บาท
-ที่พัก แพคเกจ3วัน2คืน รวมอาหาร 6 มื้อ และโปรแกรมเที่ยวทุกอย่าง 3200 บาท
-ขนม 100 บาท
-ค่ารถตู้จากสนามบินมาท่าเรือเทศบาล 200 บาท ขากลับจากท่าเรือไปสนามบินอีก 200 บาท
ทั้งหมด 5500 บาท
การเดินทางนี้เหมาะกับคนวัยไหน
เราว่าได้ทุกเพศทุกวัย เด็กๆมาเล่นน้ำก็สนุก น้ำใสสะอาด แต่อาจจะ่อนข้างลึกผู้ใหญ่ต้องดูแลดีดี
-คนวัยทำงาน เหมาะเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณจะได้การพักผ่อนแบบจริงจัง เหมือนหลุดมาอีกโลกนึงเลย ตัดขาดหมดทุกอย่าง อากาศดี สมองปลอดโปร่ง
-วัยเรียน มากับแก๊งเพื่อนๆก็สนุก มาถ่ายรูป เล่นน้ำ เล่นดนตรีหน้าแพ
-แฟน/คู่รัก เราว่าโรแมนติกมากเลย เงียบสงบ วิวสวยงามอลังการ
-คนที่ไม่ค่อยชอบทะเล หรือเบื่อทะเลแล้ว แต่ชอบเที่ยวกับที่ที่มีน้ำ เราแนะนำเลย ไม่มีสัตว์อะไรแปลกๆแน่นอน น้ำใสทุกจุด ลงได้ทุกที่
ได้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้
-อย่างแรกเลยประสบการณ์การเที่ยว การจัดการ การติดต่อ การแก้ไขปัญหา แม้มันจะไม่ได้ใหญ่มากนักหรือเห็นได้ชัด แต่มันทำให้เราโตขึ้นจริงๆ
-มิตรภาพระหว่างการเดินทาง ได้คุยกับคนที่ไม่รู้จัก อย่างเราถ้าเรือไม่ล่มก็ไม่ได้คุยกับน้องๆปีสาม ที่เรียนโคราช ไม่ได้คำแนะนำต่างๆเพราะน้องเค้ามาอยู่ก่อนเราวันนึง ไม่ได้เจอกับพี่ๆที่เป็นคู่รัก ที่บังเอิญมารู้ทีหลังว่าเป็นรุ่นพี่ที่ธรรมศาสตร์ ไม่ได้ทักทายกับแก๊งสามคนที่มาช่วยลากเรือเรากลับและยังเป็นเพื่อนร่วมทริปที่ดี ช่วยถ่ายรูปคู่ให้เรากับเพื่อน ... เรายินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลย
-ได้คุยกับคนท้องถิ่น เรียนรู้นิสัยของคนที่ต่างอาชีพกัน ภาษา สำเนียงที่เค้าใช้ อาหารที่เค้ากิน ก็เป็นอะไรแปลกๆใหม่ที่เราได้เรียนรู้
-ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไวไฟ ไฟฟ้าเปิดเป็นเวลา อากาศดี สงบ บรรยากาศล้ำมาก วิวก็อลังการ
สิ่งของที่ควรเตรียมไป
-ปลั๊กต่อ
-หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์
-เพลงฟัง
-ยาทากันแมลงเล็กๆกัด (เผื่อเอาไว้)
ภาพทั้งหมดนี้เราถ่ายจาก HTC OneM7 ปนไปกับ Cannon D600 แต่งภาพด้วยแอพ VSCO
ปล. นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และใครมีข้อสงสัยเราจะตอบให้เท่าที่จะทำได้นะคะ
ขอบคุณค่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น