หุ้นตกแบบนี้เป็นโอกาสในการลงทุนกองทุนรวมนะครับ...

ใกล้สิ้นปีแล้วคุณผู้อ่านมี “แนวคิด” ในการวางแผนชีวิตในปีต่อๆ ไปอย่างไรบ้างครับ? ยิ่งช่วงปลายปีหลายคนคงเริ่มคิดถึงเรื่องการเสียภาษีประจำปี และอยากหาทางลดหย่อนภาษี อย่ารอช้าเรามารู้จักกองทุนยอดฮิต LTF&RMF กันดีกว่าครับ



ทำไมเราจึงควรลงทุนในกองทุนรวม?

เหตุผลที่เราควรลงทุนในกองทุนรวมนั้นมีมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป้าหมายแรกๆ ของการลงทุนผ่านกองทุนรวม นอกจากการออมเงินเพื่อเกษียณ  ก็คือต้องการนำไปลดหย่อนภาษีประจำปี แต่รู้หรือไม่ครับว่าการลงทุนในกองทุนรวมให้เราได้มากกว่านั้น เพราะนอกจากเราจะได้ลดภาษีปลายปีแล้ว  กองทุนรวมยังให้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก และหากเราเลือกกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนดี ก็จะทำให้ผลตอบแทนที่ได้มาสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้อีกด้วย และมากไปกว่านั้น หากเราวางแผนการลงทุนไว้ล่วงหน้า เรายังสามารถใช้กองทุนรวมเป็น “แผนเพื่อการเกษียณชีวิต” หมายถึง เราจะมีเงินใช้มากพอในยามที่เราหมดแรงหาเงินแล้ว ไม่ได้ทำงาน หรือเกษียณแล้วนั่นเองครับ เรามาดูข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมกันดีกว่าครับ

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวมนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินหลักแสน หรือหลักล้าน แต่เราสามารถใช้เงินเพียง “หลักพันบาท” เพื่อลงทุนในกองทุนรวมได้ครับ
1) การลงทุนในกองทุนรวมนั้นมี “ผู้บริหารกองทุน” เก่งๆ คอยบริหารเงินให้เรา ทำให้เราไม่จำเป็นต้องมานั่งลุ้นทุกวินาทีแบบหุ้น หรือติดตามแบบวันต่อวัน แบบนี้เราก็จะมีเวลาเหลือไปทำงานประจำ หรืองานอย่างอื่นโดยไม่รบกวนเวลางานของเราครับ

2) การลงทุนในกองทุนรวมนั้นสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่เรารับได้ ตั้งแต่เสี่ยงน้อย เสี่ยงปานกลาง และเสี่ยงสูง ซึ่งความเสี่ยงสัมพันธ์กับผลตอบแทนครับ

3) การซื้อขายกองทุนรวมนั้นง่ายมากครับ แค่เราเดินไปที่ธนาคาร กรอกเอกสารสมัครใช้บริการกองทุน  และสั่งซื้อกองทุนผ่านเจ้าหน้าที่ธนาคาร ยิ่งธนาคารมีสาขามาก ก็ยิ่งซื้อง่าย นอกจากนั้นเรายังสามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ หรือช่องทางอื่นๆ ได้อีกด้วย
จำไว้เสมอว่า เมื่อมีการลงทุน มีผลตอบแทน  ก็ต้องมีความเสี่ยงด้วย

แล้วความเสี่ยงของการลงทุนในกองทุนรวมเสี่ยงสูงมากน้อยแค่ไหนกันนะ?

สำหรับความเสี่ยงในการลงทุนจะขึ้นอยู่กับการเลือกกองทุนของเรา โดยปกติแล้วก่อนที่จะลงทุนเราจะต้องทำแบบทดสอบความเสี่ยงประกอบการพิจารณาลงทุน หากเราไม่ชอบความเสี่ยงสูงเราสามารถเลือกกองทุนที่เราสนใจได้โดยอ่านนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจะแปรผันตามผลตอบแทน ยิ่งเสี่ยงมาก ผลตอบแทนก็จะสูง สำหรับผมแล้วเรื่องความเสี่ยงในกองทุนรวมนั้นถือว่าน้อยกว่าที่เราลงทุนเองโดยตรง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น เนื่องจากกองทุนแต่ละกองต้องทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด จึงเลือกจ้าง “ผู้บริหารกองทุน” ที่เก่ง มีจรรยาบรรณ และมีวิสัยทัศน์ที่ดีมาบริหารเงินให้ลูกค้าอย่างเราครับ คุณผู้อ่านคงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีเรื่องความเสี่ยงนะครับ

กองทุนรวม LTF และ RMF คืออะไร?

กองทุนรวมถือเป็นเครื่องมือที่ใช้บริหารจัดการเงินให้งอกเงยได้ไม่ยากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนขวัญใจมนุษย์เงินเดือนก็คือ กองทุนยอดฮิต LTF&RMF โดยกองทุนรวมทั้ง 2 ประเภทนี้แม้จะมีลักษณะเด่นเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียดครับ มาดูกันดีกว่าว่าที่จริงแล้วกองทุนทั้ง 2 แบบนี้มีคุณสมบัติอย่างไรกันแน่มาดูกันครับ

RMF คือ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ retirement mutual fund เป็นกองทุนรวมที่เกิดขึ้นมาจากแนวคิดที่ต้องการสนับสนุนวินัยการออมในระยะยาว เพื่อเป็นเงินออมในวัยเกษียณเมื่อพ้นจากงาน และไม่มีรายได้ประจำแล้ว

LTF คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ long-term equity fund เป็นกองทุนรวมที่เกิดจากแนวคิดที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นจดทะเบียนในตลาดรอง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือ SET และ MAI ทั้งนี้วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งก็เพื่อช่วยให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นครับ และยังช่วยสร้างวินัยในการออม ของผู้ลงทุนรายย่อยในระยะยาวมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ แล้วระหว่าง RMF และ LTF นั้นแตกต่างกันอย่างไร เรามาดูความแตกต่างกันดังตารางต่อไปนี้ครับ

ตารางแสดงข้อแตกต่างระหว่าง RMF vs LTF



จากตารางจะพบว่า RMF และ LTF นั้นแตกต่างกันทั้งด้านนโยบายการถือครอง และจุดประสงค์ในการก่อตั้งกองทุน หากเราชอบการลงทุนระยะยาวมากๆ และไม่รีบใช้เงินควรเลือกกองทุน RMF แต่หากเราไม่ชอบถือครองกองทุนรวมนานจนเกินไป ควรเลือกใช้บริการ LTF นะครับ

แล้วกองทุนรวมมีให้เลือกมากน้อยแค่ไหนนะ แต่ละกองทุนมีผลตอบแทนดีหรือไม่อย่างไร?

สำหรับกองทุนรวมในบ้านเราโดยเฉพาะ LTF และ RMF นั้นมีให้เลือกมากมาย บางคนเลือกกองทุนรวมเนื่องจากสะดวกในการซื้อ อย่างเช่น มีบัญชีธนาคารอยู่แล้ว ก็จะเลือกซื้อกองทุนรวม เพราะสามารถตัดเงินจากบัญชีได้เลย หากนักลงทุนต้องการสร้างวินัยในการลงทุน ก็สามารถตัดเงินจากบัญชีเงินฝากแบบเฉลี่ยทุกเดือนเท่าๆ กัน หรือที่เรียกว่า “Dollar Cost Average” จะได้ไม่ต้องซื้อทีเดียวตอนปลายปี เพราะส่วนใหญ่นักลงทุนที่แห่ซื้อตอนปลายปีมักได้กองทุนที่มีราคาแพงเกินไปทีนี้เรามาดูกันว่ากองทุนแต่ละประเภทนั้นให้ผลตอบแทนอย่างไรกันดีกว่านะครับ

ติดตามต่อที่นี่เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปล. ใกล้สิ้นปีแล้วมีความสุขกันทุกท่านนะครับ
หัวใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่