คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
สามีกับพี่ เป็นเพื่อนเรียน ป ตรี ที่คณะ ไม่เคยคิดอะไรต่อกันเลย ทำงานคณะด้วยกัน มันมาจีบเพื่อนสนิทในกลุ่มเสียด้วยซ้ำ
และเป็นแฟนกับเพื่อนในกลุ่ม ตั้งแต่ปีสาม จนทำงาน เรียนโท ยาวนานเป็นเวลา 12 ปี ในที่สุดก็เลิกกัน
ก่อนจะเลิกกัน พี่กะสามีก็เคยพบปะกัน คุยกันบ่อย เพราะงานที่ทำ กินข้าวเที่ยวทำงานด้วยกันแบบไม่คิดอะไรต่อกันเพราะต่างฝ่ายต่างมีแฟน
จนวันนึง ทั้งเพื่อนทั้งสองก็ต้องเลิกรา ด้วยสาเหตุที่ใครไม่เจอจะไม่รุ้ ทัศนคติไม่ตรงกัน มองอนาคตคนละอย่าง
สามีพี่ไปมีแฟนใหม่ แบบที่ว่าตรงข้ามกับแฟนเก่าทุกอย่าง คยกันไม่นานก็แต่งงานกัน สุดท้ายก็มีปัญหา ใหญ่โตในสายตาคนที่รู้จักเพื่อนคนนี้
จนพี่ออกปากว่า ชั้นว่า แกเลิกเถอะว่ะ ชีวิตแกสาหัสไร้ความสุขมากกว่าครั้งไหนๆที่ชั้นเคยเห็น
สุดท้ายก็เลิกกัน หลังเลิกกันก็ได้มาเป็นเพื่อนกิน เที่ยว ทำงานด้วยกันเหมือนเดิม
จนวันที่สามีพี่ต้องตัดสินใจ กลับไปทำกิจการต่อที่บ้าน ก้อถามพี่ถึงแนวคิดชีวิตการแต่งงาน ซึ่งมันก็ตรงกันในเรื่องหลักๆ คือ ต้องอยู่ด้วยกัน ต้องเลี้ยงลูกเอง และต้องดูแลพ่อแม่ยามที่เค้าหมดกำลัง
เลยเอาวะ ยังไง เรื่องอื่นเราก็รู้เช่นเห็นชาติกันมา จะปรับเปลี่ยนอะไรก็คงเข้าใจกันได้ง่าย
เรามีความรักหวือหวาแบบแฟนกันอยู่แค่ปีเดียวเองมั้ง พอตกลงเป็นแฟนกัน ก็ปรับแผนชีวิต จะแต่งงานแบบไม่ต้องให้พ่อแม่มาเหนื่อย สินสอด งานเลี้ยง อยุ่ในงบที่เก็บสะสมกันมาหมด พ่อแม่แค้แต่งตัวมางาน
พี่เริ่มรักษาอาการมีบุตรยาก เพราะเป็นซีสต์ที่รังไข่ ตอนนั้นบริษัทมีสวัสดิการรักษาพยาบาล เก็บเงินลุงทุนเผื่ออนาคต แฟนก็เริ่มลงทุนกับงานที่บ้าน ค่อยๆปล่อยงานที่ต้องวิ่งไปมา
จนแต่งงาน แค่สองเดือนก็ท้อง โล่งใจสุดๆพราะแก่แล้วกลัวมีลูกยาก พอท้องก็ลาออกมาเลี้ยงลูก
ทุกวันนี้ ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นสามีภรรยา รู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อน พร้อมที่จะลุยด้วยถ้าลำบาก พร้อมที่จะถอยห่างถ้าไม่พอใจ
อยากแซวสาว อยากลงอ่าง อยากไลน์หาสาว เชิญเลยถ้ามีปัญญา ถูกหลอกมาก็ด่าซ้ำ โง่เง่าเอง
แต่ถ้าเราอยากงี่เง่าง้องแง้ง มันก็ด่าเราเอาเหมื่อนกัน 555
แต่สบายใจดีทั้งสองฝ่ายค่ะ รู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 18 เข้าปีหนึ่ง ตอนนี้ 42 กันแล้ว
คงอยู่เป็นเพื่อนกัน รอลูกโต พ้นอก ก็เป็นเพื่อนรอดูวันตายแต่ละฝ่ายกัน
และเป็นแฟนกับเพื่อนในกลุ่ม ตั้งแต่ปีสาม จนทำงาน เรียนโท ยาวนานเป็นเวลา 12 ปี ในที่สุดก็เลิกกัน
ก่อนจะเลิกกัน พี่กะสามีก็เคยพบปะกัน คุยกันบ่อย เพราะงานที่ทำ กินข้าวเที่ยวทำงานด้วยกันแบบไม่คิดอะไรต่อกันเพราะต่างฝ่ายต่างมีแฟน
จนวันนึง ทั้งเพื่อนทั้งสองก็ต้องเลิกรา ด้วยสาเหตุที่ใครไม่เจอจะไม่รุ้ ทัศนคติไม่ตรงกัน มองอนาคตคนละอย่าง
สามีพี่ไปมีแฟนใหม่ แบบที่ว่าตรงข้ามกับแฟนเก่าทุกอย่าง คยกันไม่นานก็แต่งงานกัน สุดท้ายก็มีปัญหา ใหญ่โตในสายตาคนที่รู้จักเพื่อนคนนี้
จนพี่ออกปากว่า ชั้นว่า แกเลิกเถอะว่ะ ชีวิตแกสาหัสไร้ความสุขมากกว่าครั้งไหนๆที่ชั้นเคยเห็น
สุดท้ายก็เลิกกัน หลังเลิกกันก็ได้มาเป็นเพื่อนกิน เที่ยว ทำงานด้วยกันเหมือนเดิม
จนวันที่สามีพี่ต้องตัดสินใจ กลับไปทำกิจการต่อที่บ้าน ก้อถามพี่ถึงแนวคิดชีวิตการแต่งงาน ซึ่งมันก็ตรงกันในเรื่องหลักๆ คือ ต้องอยู่ด้วยกัน ต้องเลี้ยงลูกเอง และต้องดูแลพ่อแม่ยามที่เค้าหมดกำลัง
เลยเอาวะ ยังไง เรื่องอื่นเราก็รู้เช่นเห็นชาติกันมา จะปรับเปลี่ยนอะไรก็คงเข้าใจกันได้ง่าย
เรามีความรักหวือหวาแบบแฟนกันอยู่แค่ปีเดียวเองมั้ง พอตกลงเป็นแฟนกัน ก็ปรับแผนชีวิต จะแต่งงานแบบไม่ต้องให้พ่อแม่มาเหนื่อย สินสอด งานเลี้ยง อยุ่ในงบที่เก็บสะสมกันมาหมด พ่อแม่แค้แต่งตัวมางาน
พี่เริ่มรักษาอาการมีบุตรยาก เพราะเป็นซีสต์ที่รังไข่ ตอนนั้นบริษัทมีสวัสดิการรักษาพยาบาล เก็บเงินลุงทุนเผื่ออนาคต แฟนก็เริ่มลงทุนกับงานที่บ้าน ค่อยๆปล่อยงานที่ต้องวิ่งไปมา
จนแต่งงาน แค่สองเดือนก็ท้อง โล่งใจสุดๆพราะแก่แล้วกลัวมีลูกยาก พอท้องก็ลาออกมาเลี้ยงลูก
ทุกวันนี้ ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นสามีภรรยา รู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อน พร้อมที่จะลุยด้วยถ้าลำบาก พร้อมที่จะถอยห่างถ้าไม่พอใจ
อยากแซวสาว อยากลงอ่าง อยากไลน์หาสาว เชิญเลยถ้ามีปัญญา ถูกหลอกมาก็ด่าซ้ำ โง่เง่าเอง
แต่ถ้าเราอยากงี่เง่าง้องแง้ง มันก็ด่าเราเอาเหมื่อนกัน 555
แต่สบายใจดีทั้งสองฝ่ายค่ะ รู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 18 เข้าปีหนึ่ง ตอนนี้ 42 กันแล้ว
คงอยู่เป็นเพื่อนกัน รอลูกโต พ้นอก ก็เป็นเพื่อนรอดูวันตายแต่ละฝ่ายกัน
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์เป็นแฟนกับเพื่อน ? มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
แต่สุดท้ายพอเรียนจบห่างหายกันไปนานจนได้เจอกันอีก หรือมีเหตุการณ์อะไรทำให้สุดท้ายมาคบกันมั้ยคะ
ใครมีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ