.....@@@ เพื่อนฝากแชร์ "ว่ายน้ำข้ามเสม็ด-บ้านเพ 5.5 กม." @@@.....

ย้ำอีกครั้งตามหัวกระทู้นะครับ อันนี้เพื่อนฝากแชร์ เห็นเขียนใน thaimtb ผมเลยบอกว่าน่าจะมาแปะไว้ในพันทิปด้วย แต่เพื่อนไม่มีอมยิ้ม เลยฝากมาแปะครับ เผื่อมีใครสนใจ ปีหน้าจะได้ไปกัน ..........

" ขออนุญาตเล่าเรื่อง ว่ายข้ามทะเลเสม็ดบ้านเพ ประสบการณ์ส่วนตัว


วันก่อนแข่ง มารับเบอร์รับเสื้อ รับหมวกว่ายน้ำ แต่ไม่มีเข็มขัดที่เอาไว้ติดเบอร์แจกนะ แล้วฟังกฏกติกา ตอน 16:00น. กว่าๆ ไทยปน อังกฤษ ตามสไตล์ ท่านนายก วิจิตร



วันแข่ง เริ่มเขียนเบอร์ ที่แขนขา 6:00 น. และเตรียมอุปกรณ์ ใส่ตะกร้า ผมว่าย 5.5 ก.ม. +วิ่ง 5 ก.ม. ค่าสมัคร 2,000 บาท ( จริงๆก็รู้สึกว่าถูกนะ แต่พอเทียบกับ

ถ้าว่ายอย่างเดียว 1,000 บาท เท่ากับวิ่ง ก.ม. ละ 200 บาท วิ่งแพงอ่ะ ตอนแรกก็เกิดอาการลังเล แต่ตั้งใจไว้แล้ว ก็ทำตามตั้งใจ สำหรับใครชอบครบเพิ่ม จักรยานอีกสัก 20 ก.ม. ก็ 3,000 บาท )

ผมเตรียมน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ กล้วยตาก เบอร์ติดเข็มขัดไว้ ถอดแว่นสายตาทิ้งไว้ เตรียมแว่นกันแดดแบบสวมทับไว้ รองเท้าสำหรับวิ่ง หยิบแว่นตาว่ายน้ำ แบบมีเลนส์สายตามาใส่เลย

( ถ้าไม่ใส่จะเทียบได้กับผู้พิการทางการเห็น สายตาเลือนลางแล้ว ) หยิบหมวกที่มีสปอนเซอร์รายใหญ่ PTTGC ติดมือไปด้วย


( ซึ่ง PTTGC เป็นสปอนเซอร์มาปีที่ 2 แล้วมั้ง ถ้าจำกันได้ ปีที่แล้ว น้ำมันเข้าเกาะเสม็ด ทีแรกเหมือนนายกสมาคมไตรกีฬาบอก งานข้ามเกาะ จะไม่ได้จัด พอได้สปอนเซอร์

ปีที่แล้วเลยได้จัดต่อ และอานิสงค์มาถึงปีนี้ นี่ผมเองก็แอบกังวลว่า ปีหน้าถ้าไม่มีสปอนเซอร์จะได้จัดไหม ชวนเพื่อนที่สนใจให้มาลงก็บอกจะมาปีหน้า )



ขึ้นเรือ 6:30 น. แต่ขึ้นจริงสัก 6:45น.

เป็นเรือประมง หาปลาต้องเรียกขึ้นเรือ ไม่เรียกลงเรือ เพราะต้องปีนขึ้นจริงๆ พอนั่งเรือออกจากฝั่งสักพัก

เจอปัญหาแรก ทีแรกตอนอยู่ฝั่งมองไปเสม็ด เฮ้ยมันไม่ไกลนี่ แต่นั่งเรือมาจนห่างฝั่งสัก5 นาที มองไปเสม็ด มันก็ไม่ไกล แต่มันเท่าเดิม แต่มองไปฝั่งเฮ้ยไกลแฮะ

ปัญหาที่สอง มีคลื่น แม้ไม่ใหญ่ ซึ่งตอนนั่งเรือผมก็คิดว่ามันไม่ใหญ่ แต่เป็นปัญหากับผมมากตอนว่ายน้ำ



เมื่อถึงฝั่งเสม็ด ก็เตรียมจัดแว่นให้ดี เพื่อไม่ต้องไปจัดใหม่ในน้ำ น้ำยาไล่ฝ้า ใส่เตรียมไว้ตั้งแต่ฝั่งบ้านเพแล้ว สวมหมวก PTTGC ทับ ดื่มน้ำกันกระหายในทะเล เข้าห้องน้ำเวลาว่ายจะได้เบาๆ

แต่จริงๆ ถ้าไปฉี่ในทะเลก็คงไม่มีคนรู้ แล้วเตรียมใจ ทบทวนเรื่องที่เคยอ่านเจอในการว่ายข้ามทะเล แพนิก ปลาตีนจากคนว่ายกบ อาจเห็นโขดหินที่ตื้น หอยเม่น

น้ำใกล้ทะเลอาจเหม็นขยะ ไม่ต้องตกใจ สติ สติ ท่องไว้ ซึ่งทั้ง ปลาตีน โขดหิน หอยเม่น กลิ่นขยะในน้ำทะเล ผมไม่เจอ



ก่อนสตาร์ท มีการถ่ายรูป พอเป็นพิธี มีคนว่ายน้ำข้ามทะเลสัก 45 คน



เริ่มแข่งสักที 7 โมงนิดๆ พอเริ่มออกตัว ผมก็ผิดแผนเลย พอคนเยอะก็ออกตัวเร็วตาม ว่ายเร็วไป ต้องดึงจังหวะ ให้ช้าลง

ในการว่ายต้องว่ายอ้อมทุ่นสีเขียวลูกแรก ทุ่นลูกนี้ทำให้ระยะ มากกว่าระยะที่ดูจากโปรแกรม แต่ผมก็ว่าไม่น่าถึง 5.5 ก.ม. อยู่ดี

พอถึงทุ่นเขียว ซึ่งคงว่ายมาแค่ ไม่กี่ร้อยเมตร

ปัญหาก็บังเกิด ผมถูกทิ้งให้อยู่ในกลุ่มหลวม ๆ 4 คน มีกลุ่มใหญ่ 2 กลุ่มข้างหน้า

กลุ่มนึงว่ายค่อนข้างไปทางซ้าย คงมุ่งหน้าไป ที่ทุ่นอันถ้ดไป ซึ่งดูอ้อมกว่า ส่วนอีกกลุ่มนึง ว่ายตรงไปฝั่งเลย คงเล็งทุ่นไกลๆเลย

ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิด ว่ายเจ้าพระยา 850 เมตร ว่าย แหลมแม่พิมพ์ 750 เมตร

ผมสรุปว่า ว่ายดราฟท์คนข้างหน้า แม้อ้อมนิด ก็ดีกว่า ว่ายตรงๆไปคนเดียว เพราะมีคนนำทาง และประหยัดแรง



มีฝรั่งคนนึงในกลุ่มเล็กที่เกาะกันหลวมๆ เพซพอๆกัน คนนี้แหละจะนำทางผม แต่ไม่ทันไรเลย เขาว่ายฟรีสไตล์ 4-5 จ้วง เปลี่ยนเป็นกบ แล้วหยุดลอยคอมอง ทำอย่างนี้ซ้ำๆ

โอเค ผมรอได้ ผมตามอยู่ไม่นาน แต่ก็นานพอที่จะทำให้กลาย เป็นกลุ่มเล็ก 2 คน คือผม และฝรั่ง

แต่ในความคิดของผมตอนนั้น เขาเป็นเครื่องนำทางที่แย่มาก ว่ายไปซ้ายทีขวาที ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ว่ายตามฝรั่ง เดี๋ยวฝรั่งพาไปหาดสวนสน อย่ากระนั้นเลย เราแยกทางกันแลัวกัน



ไม่รู้คิดผิดคิดถูก ที่ไม่ตามฝรั่งไป ผมเลือกเล็งทุ่นไกลที่ใกล้ฝั่ง ไม่ว่ายไปตามทุ่นใกล้ ที่ดูเหมือนทำให้อ้อม แต่ทุ่นไกลมันก็เล็กมาก ตอนนั่งเรืออกมาไ ม่ได้เล็งภูมิประเทศไว้ เล็งแต่ทุ่น

แต่ทุ่นมันลอยได้ ทำให้ไม่แน่ใจ ประกอบกับมีคลื่น แม้ไม่มาก ไม่ใหญ่ แต่ ด้วยทุ่นที่อยู่ไกลๆมีขนาดเล็กมาก การว่ายน้ำเงยดูทาง ตามที่ฝึกมา ไม่สามารถดูทางได้ถนัด แบบอยู่ในสระน้ำ

ทั้งที่ตอนว่ายที่ แหลมแม่พิมพ์ไม่เป็นปัญหา ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็นว่ายกบ ซึ่งแทบไม่ได้หัดมา และต้องหยุดลอยคอดูทางบ่อยๆ มิน่าฝรั่งเขาหยุดบ่อย และว่ายเป็นงู ไม่น่าไปคิดตำหนิเขาเลย

ตอนนี้ผมกับฝรั่งสภาพไม่ต่างกันมาก ว่ายๆ หยุดๆ เห็นกันเป็นระยะ เดี๋ยวอยู่ซ้าย เดี๋ยวอยู่ขวา ของอีกฝ่ายนึง คือเราสองคนคงว่ายเป๋ไปเป๋มาทั้งคู่ หรือไม่อย่างงั้นต้องมีใครคนใดคนนึงว่ายห่วยมาก




และในช่วงเวลานี้แหละ ประมาณ 45- 60 นาที หลังปล่อยตัว คงว่ายจากเสม็ดมาได้ สัก 2 กิโลเมตร แม้ไม่ใช่แพนิค แต่ก็ใกล้เคียงคำว่าแพนิค ที่สุด ตั้งแต่ว่าย OPEN WATER มา

มองไปบ้านเพ ไกลสุดสายตา มองกลับไปเสม็ด ก็ไกลแสนไกล มองไปข้างหน้า มองไปข้างหลัง มองไปข้างซ้าย มองไป ข้างขวา มองไม่เห็นใครเลย

มองลงน้ำ ไม่เห็นพื้นทะเล นี่กรูมาทำอะไรกลางทะเลนี่วะ ความกลัวเย็นเฉียบวิ่งเข้าหัวใจ ตามด้วยอาการเสียววาบและขนลุกซู่ วิ่งไปตามแขนขา

“ แพนิก ” คำนี้ดังก้องในหัว นี่เราจะมีอาการ แพนิค กลางทะเลหรือนี่ ทันทีที่นึกถึงคำนี้ สติก็กลับมา อาการดังกล่าวหายไปในวูบแรกที่มา

แม้ว่าอาการดังกล่าวจะหายไปแต่ความท้อแท้ยังคงอยู่ เหนื่อยแสนเหนื่อย หิวน้ำ ว่ายอยู่เดียวดาย ในใจคิดว่า อยากขอขึ้นเรือเลิกว่ายแล้วเสียจริงๆ

แต่ก็ยังโชคดีอยู่ ที่มีเรือประมงอยู่ไม่ไกล ถ้าไม่เห็นเรือประมงเลยคงทำให้สติแตกหลุดโลกไปแล้ว แถมยังมีลำนึงเหมือนตามเราตลอด

เคยอ่านเจอว่า คนที่ว่ายท้ายๆ จะมีเรือคอยประกบ นี่แสดงว่าเราอยู่ท้ายๆหรือนี่ จึงแวะไปกินน้ำรอบที่ สอง แม้เกาะ เรือกิน ก็กินไม่ง่าย

ต้องขอให้ จนท เปิด ขวดน้ำให้ แล้วถามว่า ข้างหลังยังมีคนว่ายน้ำเหลืออยู่อีกไหม

เขาตอบกลับมาว่า ยังมีอีกหลายคน ทำให้ใจชื้นขึ้นมาทันที แม้ไม่เห็นใคร แต่ยังมีพวกเราอยู่ด้วยกันอีกหลายคน ที่จะว่ายข้ามทะเลนี้ไปด้วยกัน

ไม่รู้ จนท. โกหกไหม แต่ทำให้ ผมล้มเลิกความคิดขึ้นเรือไปเลย


หลังจากนั้น จังหวะการว่ายก็ใช้ฟรีสไตล์ได้มากขึ้น ฝั่งบ้านเพ ก็ชัดขึ้น

สำหรับการกินน้ำจืดในทะเลครั้งที่สาม ลำบากกว่าสองครั้งแรกเล็กน้อย จนท. โยนขวดมาให้ ไม่มีเรือให้เกาะ ต้องเปิดฝาเอง ลำพังมืออย่างเดียวผมลอยตัวได้ แต่ขาอย่างเดียวทำไม่ได้

ต้องเปิดขวดใต้น้ำ ใช้ขาถีบน้ำแรงๆ มาดื่มที่ผิวน้ำ แล้วรีบปิดฝา ตัวจมน้ำใหม่ ทำซ้ำสามรอบ จึงหายกระหาย กินแรงใช้ได้เลย เสร็จแล้ว เอาขวดเหน็บเอว ตั้งใจจะเอาไปทิ้งที่เรือ

แต่ไม่สามารถ ขวดปลิ้นไปลอยในทะเลเรียบร้อย ไม่รู้มีจนท.ตามเก็บให้ไหม แต่ถ้าให้ผมถือขวดน้ำว่ายไปด้วย อาจ ต้องตามคนมางมผมขึ้นมานะ ขออภัยเป็นอย่างสูง



เมื่อใกล้เข้าฝั่ง ทุ่นก็ชัดก็ชัดมากขึ้น เงยหน้าก็ไม่ลำบากเหมือนช่วงแรกๆ ฝรั่งคนเดิมกลับมาอยู่ข้างหน้าผมอีกครั้ง รู้อย่างนี้ว่ายตามฝรั่งเสียก็สิ้นเรื่อง ได้ผลเหมือนกัน

และแล้วก็ถึงฝั่ง ขึ้นฝั่งด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 9 นาที ต้องวิ่งต่ออีก 5 โล ( รู้งี้ สมัครว่ายอย่างเดียว ประหยัดไป 1,000 บาท แถมไม่ต้องเหนื่อยวิ่งอีก เฮ้อ )


จบมาได้ก็ภูมิใจ ภูมิใจกว่าจบมาราธอน ซะอีก แม้ว่า เหมือนกับว่า ซ้อมมาราธอนเหนื่อยกว่านะ


แข่งเสร็จขับรถมาสวนสน มองไปเสม็ด บ้านเพ มองมุมนี้มันไกลเอาเรื่องนะนี่ ถ้าได้เห็นมุมนี้ก่อนอาจเปลี่ยนใจ 555


โดยสรุปผมคิดว่า การจัดงานของสมาคมครั้งนี้ ปลอดภัยกว่าที่ผมคิดไว้


สุดท้ายสำหรับคนที่ลังเล ว่าจะว่ายข้ามเกาะได้ไหม ผมเชื่อว่า แค่ คุณตัดสินใจ สมัครว่ายข้ามเกาะ และตั้งสติไม่ตระหนก คุณทุกคนจะทำมันได้


ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ "

ปล.เห็นมีวิ่งอีก 5 กม ผมเลยแท็ควิ่งต่อท้ายไว้ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่