- จขกท ไม่ได้เรียนทางนี้มา ดังนั้นข้อมูลอาจผิดพลาดได้ ก็อย่าเชื่อทั้งหมดนะคะ ใครผ่านมาเห็นว่าเราเข้าใจผิดตรงไหนก็บอกได้ค่ะ
- ผิวแต่ละคนแตกต่างกัน ผู้สนใจจะทำสกินแคร์ใช้เองโปรดใช้จักรยานในการชมและรับข้อมูล
- กระทู้นี้เน้นการรีวิวผลการใช้สาร active ingredient แต่ละตัว เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจสำหรับคนที่เคยทำอยู่แล้ว
จะไม่ลงรายละเอียดเรื่องวิธีทำ การผสม และสูตร เพราะมีรายละเอียดเยอะ ไม่อยากให้เกิดการทำตามโดยที่ไม่เข้าใจเพราะอาจเกิดผลเสียได้
ใครสนใจทำ DIY skincare ควรศึกษาข้อมูลอย่างละอย่างละเอียดก่อนทำ ถ้าไม่รู้จะหาข้อมูลที่ไหนก็ถามกันได้ค่ะ
เปิดด้วยรูป Anti-aging ที่ทำส่งไปให้พ่อกับแม่ตอนวันแม่ที่ผ่านมานี้ค่ะ วาดเองด้วยนะน่ารักป่าว
คนที่จะทำสกินแคร์ใช้เองต้องมีคุณสมบัติหลักๆดังนี้.... 1
งก เห็นคุณค่าของเงิน + 2 ชอบอ่านและศึกษาข้อมูลก่อนซื้อ
ย้อนไปเมื่อ 1 ปีที่แล้วเราเริ่มรู้สึกว่าอายุเยอะขึ้น ครีมแบรด์ทั่วไปที่ราคากลางๆเริ่มเอาหนังหน้าเราไม่อยู่ละ
ส่วนครีมที่เค้าว่าเทพๆมันก็แพงเกิ๊นนนน ถ้าซื้อใช้นี่คนงกๆแบบเราต้องรู้สึกผิดมากๆแน่ๆ
เซิร์ชกูเกิลหาครีมดีๆราคาไม่แพงซิ...เจอครีมพริตตี้เต็มเลย ได้ข่าวว่าบางรายก็กวนเองบรรจุเองด้วย
จะว่าไปพริตตี้ยังกวนครีมขายได้แล้วทำไมเราซึ่ง
หลับในคาบเรียน gen chem ตอนปี 1 (
สิบปีมาแล้ว) ทำไมจะทำใช้เองมั่งไม่ได้
หลังจากตั้งหน้าตั้งตาอ่านๆๆๆศึกษาหาข้อมูลแล้วก็จดๆๆ จนมึนกับส่วนผสมต่างๆจนได้ที่ ก็ถอยอุปกรณ์กวนครีมออกมา 1 ชุดอันได้แก่ ...
- แท่งแก้วคน
- บีคเกอร์ 100 และ 200 cc อย่างละใบ (กะจะทำทีละ 100 cc เพราะคำนวณง่ายดี)
- ที่วัด pH (ช่วงแรกๆก็ใช้แค่กระดาษลิตมัส)
- เครื่องชั่งดิจิตอลที่อ่านทศนิยมได้ 2 หลักขึ้นไป
- ขวดใส่ครีมหรือสกินแคร์ที่เราผสมเสร็จแล้ว
- ตู้เย็น (อันนีโชคดีมีอยู่แล้ว) เอาไว้เก็บส่วนผสมที่ต้องแช่เย็น
- และที่ขาดไม่ได้คือส่วนผสมต่างๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้
*** ขอย้ำว่าต้องมาจากเว็บที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะคะ***
ควรจะต้องสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมต่างๆได้อย่างละเอียด เช่น ชื่อส่วนผสม ผู้ผลิด วันผลิต วันหมดอายุ วิธีผสม
ปริมาณที่ใช้ได้โดยไม่อันตราย ข้อควรระวังต่างๆ รวมไปถึงควรมีผู้เชี่ยวชาญให้เราปรึกษาได้ ไม่ใช่ว่าพอเราเอามาผสมแล้ว
เกิดปัญหาก็ไม่รู้เรื่องไม่สามารถตอบคำถามได้ หรือตอบมั่วๆก็ไม่ควรไปซื้อนะจ๊ะ ... ยกตัวอย่างเว็บที่ขายส่วนผสมแล้วบอกว่า
ให้ใส่เท่าหัวไม้ขีด หรือใส่ 1 หยิบมืออะไรอย่างงี้ไม่ได้นะคะ เพราะส่วนผสมต่างๆต้องคิดเป็น % คำนวณออกมาแล้วชั่งด้วยเครื่องชั่งดิจิตอล
ทีนี้ก็มาถึงรีวิวแล้วค่ะว่า 1 ปีที่ผ่านมา เราลองส่วนผสมตัวไหนไปแล้วบ้าง ชอบหรือไม่ชอบยังไงบ้าง
จัดตามหมวดหมู่นะคะ (ไม่ได้รีวิวสูตรนะคะเพราะเราชอบตัวไหนก็ใส่ๆไป
ดังนั้นสูตรเราอาจจะเหนอะเกินไปหรือเยอะเกินไปสำหรับคนอื่น แต่ถ้าอยากทราบก็ถามมาได้ค่ะ)
-------------------------------------------------------------------------------------
1. whitening
-
Vitamin B3 + NAG (N-acetylglucosamine)
สองตัวนี้ต้องใช่คู่กันถึงจะช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใสค่ะ
ตอนแรกอ่านข้อมูลเค้าบอกว่ามีคนแพ้ B3 ด้วยดังนั้นต้องเทสก่อน แต่เราไม่แพ้เพราะเคยใช้พวกโอเลย์มาก่อนแล้วก็ไม่เป็นไร
คะแนน 9/10
... เพราะมันจะไม่เห็นผลว่าขาวกระจ่างใสชัดเจนจนเห็นได้ชัด (หรือเราไม่สังเกตเองก็ไม่รู้) ปกติจะใช้ร่วมกับ whitening ตัวอื่นๆเพื่อหวังผลความขาวกระจ่างใส
ใช้ต่อไหม: ใช้ต่อค่ะ
ตัวนี้ขาดไม่ได้เพราะราคาถูกและดี
-Alpha-arbutin
คะแนน 7/10
ดีนะคะ ไม่แพ้ เหมือนจะหน้าใสขึ้นด้วย แต่เห็นผลช้าๆนะคะพวกนี้ ของปลอดภัยขาวเร็วไม่มีในโลกค่ะ
หักคะแนนที่มันแพง
ใช้ต่อไหม: ไม่ใช้
มันแพง แล้วก็เราไม่ได้ตั้งใจจะขาวอะไรมากมายอยู่แล้วด้วย ถ้าเอาแค่ไม่กระดำกระด่าง Vitamin B3 + NAG ก็พอ
-
Activated Resorcinol (4-butyl Resorcinol)
ตัวนี้ก็คือสารสกัดจากมะหาดที่สุดจะฮิตนั่นเอง ตัวนี้ยังพบได้ในธัญพืช เช่น wheat, rye และ ซีเรียล ต่างๆอีกด้วย
กลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งเมลานินก็คล้าย Alpha-arbutin มีการบอกว่าเห็นผลเร็วกว่าด้วย
คะแนน 9/10
ถูกกว่า Alpha-arbutin ประมาณว่าถ้าผสมครีม 100 กรัม จะใช้ตัวนี้แค่ไม่เกิน 2 กรัม (ราคา 169 บาท)
เคยเอามาผสมโลชั่นทาตัวรู้สึกว่าผิวใสขึ้น และไม่แพ้ จะใช้ตัวนี้เป็นหลัก ร่วมกับB3 + NAG เวลาที่ต้องการความขาวกระจ่างใส
ใช้ต่อไหม: ตอนนี้ยังไม่ใช้เพราะยังไม่อยากขาว (เสียดายตังนั่นแหละ)
------------------------------------------------------------------------------------------------
2. Anti-aging
-Matrixyl 3000
ตัวนี้เราได้ยินสรรพคุณมานานมาก อยู่ในไลน์antiaging ของแบรนด์ดังๆหลายตัว มีโอกาสได้ผสมใช้เองแล้วฟินสุดๆไปเลย
ราคาก็กลางๆพอรับได้ เช่นผสมครีม 100 กรัมก็ใช้ตัวนี้แค่ 5 กรัมราคา 199 บาทเอง (ใช้ได้เกิน 2 เดือนเลย)
คะแนน 9/10
คือมันต้องหวังผลระยะยาว ดังนั้นเราวัดไม่ได้ว่าตีนกามันตื้นขึ้นเท่าไหร่ แต่รวมๆคิดว่าดี (ดีกว่าไม่ทา)
ใช้ต่อไหม: ใช้ต่อแน่นอน
-Repair Activator (จากการบ่มของแบคทีเรีย Bifido หรือ Bifida )
ตัวนี้ยังไม่ได้ลองใช้เลย แต่ใครๆก็บอกว่าดี ตัวลดริ้วรอยเทพๆก็มีตัวนี้ ดังนั้นคิดว่ามันต้องดีแน่นอน อิอิ
สั่งมาแล้วของยังมาไม่ถึงเลย ไว้ของมาแล้วจะมารีวิวอีกที
แต่แอบแพงอยู่นะ ถ้าผสม 100 กรัมก็ใช้ตัวนี้ 560 บาทเข้าไปแล้ว .. แต่ถ้าคุณภาพมันดีจริงก็ดีกว่าไปซื้อครีมกระปุกน้อยๆราคาหลายพัน
คะแนน แปะไว้ก่อน
ใช้ต่อไหม: ถ้าช่วงไหนไม่ช้อต ใช้ต่อแน่นอน
-Galactomyces Ferment Filtrate (Pitera)
ตัวนี้ตอนแรกอยู่นอกสายตาเรามากเพราะไม่เคยใช้และไม่ศรัทธาในน้ำป้าเจี๊ยบเลย
แต่พอได้ลองใช้แล้วรู้สึกว่ามันฟินมากๆ ตัวนี้ของเจ้าที่เราซื้อมาเค้าบอกว่าสามารถใช้ได้ 100% เลยแต่มันจะเหนอะๆหน่อย
พอกดออกมามันกระเด็นหายไปเหลือบนมือนิดเดียว ด้วยความงกเลยจัดการเทออกมาผสมกับสารทำเนื้อเจล (เราใช้ Xanthan Gum)
แล้วก็ไหนๆก็จะผสมแล้วใส่ตัวอื่นไปด้วยแล้วกัน... เติม B3 กับ NAG เข้าไปอีก + Aloevera extract (ใส่น้ำกลั่นนิดหน่อยด้วย เรากลัว B3กับ NAG ไม่ละลาย)
สรุปออกมาได้เป็นลดริ้วรอย+ช่วยผิวใส+ให้ความชุ่มชื่นที่รักมากๆ
คะแนน 10/10
ให้เต็มเลย เพราะใช้ได้แค่ 3 วันรู้สึกแปลกใจเลยทำไมหน้าชั้นเนียน เด้งๆนิ่มๆแน่นๆ
รู้สึกรักผิวมากกว่าที่เคยรักเลยค่ะ ถึงแม้ราคาแอบแรง (55 กรัม 560 บาท)
ใช้ต่อไหม: ถ้าช่วงไหนไม่ช้อต ใช้ต่อแน่นอน
-Centella Asiatica Extract
ตัวนี้ก็คือสารสกัดใบบัวบกค่ะ เมื่อก่อนเคยตำใบบัวบกพอกหน้า ตอนนี้ไม่ต้องหน้าเขียวแล้วค่ะ
เราเจอแล้ว สารสกัดใบบัวบกที่ราคาย่อมเยา ใช้ง่าย และสรรพคุณมากมาย
สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย ให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยรักษาแผล หรือรอยดำแดง ที่เกิดจากสิวได้อีกด้วยด้วยด้วย
คะแนน 10/10
ทาปุ๊บก็ไม่ได้เห็นผลชัดหรอก คือแทบไม่รู้สึกตัวเลยทีเดียว
แต่ว่าเราชอบและเชื่อในสรรพคุณมันมาก เราชอบกินน้ำบัวบกด้วยไงแล้วหากินไม่ค่อยได้ (ไม่เกี่ยว)
แล้วมันก็ถูกด้วย ครีม 100 กรัมใช้ตัวนี้แค่ 5 กรัม ราคา 79 บาทเท่านั้นทาหน้าได้หลายเดือนเลย
ใช้ต่อไหม : ใช้ค่ะ
ในครีมลดริ้วรอยของเราจะต้องมีตัวนี้เสมอ เปรียบเหมือนไว้ท์เทนนิ่งต้องมี B3+NAG ฉันใดก็ฉันนั้น
-Rose hip oil
ช่วงก่อนฮิตมากเห็นถามหากันหลายคน เราก็ไปลองใช้มาเหมือนกัน
ตัวนี้สรรพคุณเยอะช่วยลดรอยสิวรอยดำด้วย ช่วยให้หน้าใสด้วย แล้วก็ชะลอริ้วรอยด้วย ขอจัดไว้กลุ่มนี้แล้วกัน
คะแนน 8/10
ช่วงที่ใช้รู้สึกว่าดีเลย เราใช้เพียวๆเลยปั๊มออกมาหยดนึงแล้วก็ทาหน้าก่อนนอน
ไม่ทำให้เป็นสิวอุดตัน ไม่หนักหน้าเท่าไหร่ รู้สึกหน้านุ่มแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจสังเกตผลเรื่องรอยดำและริ้วรอย
ใช้ต่อไหม : ไม่ได้ใช้
ตอนนั้นหมดขวดแล้วก็ไม่ได้ใช้ต่อ เพราะขี้เกียจทาพวกน้ำมัน
คิดว่าถ้าซื้อมาผสมกับครีมอื่นๆน่าจะใช้ง่ายขึ้น แต่ขวดนึงมันค่อนข้างแพง
30 ml 400 กว่าบาท (นี่แพงแล้วนะ อิอิ คือแบบว่าเวลาเราซื้อส่วนผสมทีนึงก็ต้องซื้อหลายตัวรวมๆกันมันก็เลยแพง)
แต่ตอนใช้ทาเพียวๆก็ใช้ได้นานอยู่นะ หลายเดือนมากจะลืมว่าซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่
------------------------------
จบไปแล้วสองหมวด ยังเหลืออีกนิดหน่อยคือ BHA , น้ำยาล้างหน้าและล้างเครื่องสำอางที่เราชอบมากๆ
แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะรีวิวเป็นตัวๆไปหรือรีวิวเป็นสูตรดี วันนี้ตาลายแล้วด้วยขอพักก่อนนะคะ
ใครมีอะไรก็ถามมาได้นะคะ แลกเปลี่ยนกันค่ะ
[CR] รีวิว DIY Skincare ที่ใช้อยู่ค่ะ
- ผิวแต่ละคนแตกต่างกัน ผู้สนใจจะทำสกินแคร์ใช้เองโปรดใช้จักรยานในการชมและรับข้อมูล
- กระทู้นี้เน้นการรีวิวผลการใช้สาร active ingredient แต่ละตัว เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจสำหรับคนที่เคยทำอยู่แล้ว
จะไม่ลงรายละเอียดเรื่องวิธีทำ การผสม และสูตร เพราะมีรายละเอียดเยอะ ไม่อยากให้เกิดการทำตามโดยที่ไม่เข้าใจเพราะอาจเกิดผลเสียได้
ใครสนใจทำ DIY skincare ควรศึกษาข้อมูลอย่างละอย่างละเอียดก่อนทำ ถ้าไม่รู้จะหาข้อมูลที่ไหนก็ถามกันได้ค่ะ
เปิดด้วยรูป Anti-aging ที่ทำส่งไปให้พ่อกับแม่ตอนวันแม่ที่ผ่านมานี้ค่ะ วาดเองด้วยนะน่ารักป่าว
คนที่จะทำสกินแคร์ใช้เองต้องมีคุณสมบัติหลักๆดังนี้.... 1
งกเห็นคุณค่าของเงิน + 2 ชอบอ่านและศึกษาข้อมูลก่อนซื้อย้อนไปเมื่อ 1 ปีที่แล้วเราเริ่มรู้สึกว่าอายุเยอะขึ้น ครีมแบรด์ทั่วไปที่ราคากลางๆเริ่มเอาหนังหน้าเราไม่อยู่ละ
ส่วนครีมที่เค้าว่าเทพๆมันก็แพงเกิ๊นนนน ถ้าซื้อใช้นี่คนงกๆแบบเราต้องรู้สึกผิดมากๆแน่ๆ
เซิร์ชกูเกิลหาครีมดีๆราคาไม่แพงซิ...เจอครีมพริตตี้เต็มเลย ได้ข่าวว่าบางรายก็กวนเองบรรจุเองด้วย
จะว่าไปพริตตี้ยังกวนครีมขายได้แล้วทำไมเราซึ่ง
หลับในคาบเรียน gen chem ตอนปี 1 (สิบปีมาแล้ว) ทำไมจะทำใช้เองมั่งไม่ได้หลังจากตั้งหน้าตั้งตาอ่านๆๆๆศึกษาหาข้อมูลแล้วก็จดๆๆ จนมึนกับส่วนผสมต่างๆจนได้ที่ ก็ถอยอุปกรณ์กวนครีมออกมา 1 ชุดอันได้แก่ ...
- แท่งแก้วคน
- บีคเกอร์ 100 และ 200 cc อย่างละใบ (กะจะทำทีละ 100 cc เพราะคำนวณง่ายดี)
- ที่วัด pH (ช่วงแรกๆก็ใช้แค่กระดาษลิตมัส)
- เครื่องชั่งดิจิตอลที่อ่านทศนิยมได้ 2 หลักขึ้นไป
- ขวดใส่ครีมหรือสกินแคร์ที่เราผสมเสร็จแล้ว
- ตู้เย็น (อันนีโชคดีมีอยู่แล้ว) เอาไว้เก็บส่วนผสมที่ต้องแช่เย็น
- และที่ขาดไม่ได้คือส่วนผสมต่างๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้
*** ขอย้ำว่าต้องมาจากเว็บที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะคะ***
ควรจะต้องสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมต่างๆได้อย่างละเอียด เช่น ชื่อส่วนผสม ผู้ผลิด วันผลิต วันหมดอายุ วิธีผสม
ปริมาณที่ใช้ได้โดยไม่อันตราย ข้อควรระวังต่างๆ รวมไปถึงควรมีผู้เชี่ยวชาญให้เราปรึกษาได้ ไม่ใช่ว่าพอเราเอามาผสมแล้ว
เกิดปัญหาก็ไม่รู้เรื่องไม่สามารถตอบคำถามได้ หรือตอบมั่วๆก็ไม่ควรไปซื้อนะจ๊ะ ... ยกตัวอย่างเว็บที่ขายส่วนผสมแล้วบอกว่า
ให้ใส่เท่าหัวไม้ขีด หรือใส่ 1 หยิบมืออะไรอย่างงี้ไม่ได้นะคะ เพราะส่วนผสมต่างๆต้องคิดเป็น % คำนวณออกมาแล้วชั่งด้วยเครื่องชั่งดิจิตอล
ทีนี้ก็มาถึงรีวิวแล้วค่ะว่า 1 ปีที่ผ่านมา เราลองส่วนผสมตัวไหนไปแล้วบ้าง ชอบหรือไม่ชอบยังไงบ้าง
จัดตามหมวดหมู่นะคะ (ไม่ได้รีวิวสูตรนะคะเพราะเราชอบตัวไหนก็ใส่ๆไป
ดังนั้นสูตรเราอาจจะเหนอะเกินไปหรือเยอะเกินไปสำหรับคนอื่น แต่ถ้าอยากทราบก็ถามมาได้ค่ะ)
-------------------------------------------------------------------------------------
1. whitening
-Vitamin B3 + NAG (N-acetylglucosamine)
สองตัวนี้ต้องใช่คู่กันถึงจะช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใสค่ะ
ตอนแรกอ่านข้อมูลเค้าบอกว่ามีคนแพ้ B3 ด้วยดังนั้นต้องเทสก่อน แต่เราไม่แพ้เพราะเคยใช้พวกโอเลย์มาก่อนแล้วก็ไม่เป็นไร
คะแนน 9/10
... เพราะมันจะไม่เห็นผลว่าขาวกระจ่างใสชัดเจนจนเห็นได้ชัด (หรือเราไม่สังเกตเองก็ไม่รู้) ปกติจะใช้ร่วมกับ whitening ตัวอื่นๆเพื่อหวังผลความขาวกระจ่างใส
ใช้ต่อไหม: ใช้ต่อค่ะ
ตัวนี้ขาดไม่ได้เพราะราคาถูกและดี
-Alpha-arbutin
คะแนน 7/10
ดีนะคะ ไม่แพ้ เหมือนจะหน้าใสขึ้นด้วย แต่เห็นผลช้าๆนะคะพวกนี้ ของปลอดภัยขาวเร็วไม่มีในโลกค่ะ
หักคะแนนที่มันแพง
ใช้ต่อไหม: ไม่ใช้
มันแพง แล้วก็เราไม่ได้ตั้งใจจะขาวอะไรมากมายอยู่แล้วด้วย ถ้าเอาแค่ไม่กระดำกระด่าง Vitamin B3 + NAG ก็พอ
-Activated Resorcinol (4-butyl Resorcinol)
ตัวนี้ก็คือสารสกัดจากมะหาดที่สุดจะฮิตนั่นเอง ตัวนี้ยังพบได้ในธัญพืช เช่น wheat, rye และ ซีเรียล ต่างๆอีกด้วย
กลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งเมลานินก็คล้าย Alpha-arbutin มีการบอกว่าเห็นผลเร็วกว่าด้วย
คะแนน 9/10
ถูกกว่า Alpha-arbutin ประมาณว่าถ้าผสมครีม 100 กรัม จะใช้ตัวนี้แค่ไม่เกิน 2 กรัม (ราคา 169 บาท)
เคยเอามาผสมโลชั่นทาตัวรู้สึกว่าผิวใสขึ้น และไม่แพ้ จะใช้ตัวนี้เป็นหลัก ร่วมกับB3 + NAG เวลาที่ต้องการความขาวกระจ่างใส
ใช้ต่อไหม: ตอนนี้ยังไม่ใช้เพราะยังไม่อยากขาว (เสียดายตังนั่นแหละ)
------------------------------------------------------------------------------------------------
2. Anti-aging
-Matrixyl 3000
ตัวนี้เราได้ยินสรรพคุณมานานมาก อยู่ในไลน์antiaging ของแบรนด์ดังๆหลายตัว มีโอกาสได้ผสมใช้เองแล้วฟินสุดๆไปเลย
ราคาก็กลางๆพอรับได้ เช่นผสมครีม 100 กรัมก็ใช้ตัวนี้แค่ 5 กรัมราคา 199 บาทเอง (ใช้ได้เกิน 2 เดือนเลย)
คะแนน 9/10
คือมันต้องหวังผลระยะยาว ดังนั้นเราวัดไม่ได้ว่าตีนกามันตื้นขึ้นเท่าไหร่ แต่รวมๆคิดว่าดี (ดีกว่าไม่ทา)
ใช้ต่อไหม: ใช้ต่อแน่นอน
-Repair Activator (จากการบ่มของแบคทีเรีย Bifido หรือ Bifida )
ตัวนี้ยังไม่ได้ลองใช้เลย แต่ใครๆก็บอกว่าดี ตัวลดริ้วรอยเทพๆก็มีตัวนี้ ดังนั้นคิดว่ามันต้องดีแน่นอน อิอิ
สั่งมาแล้วของยังมาไม่ถึงเลย ไว้ของมาแล้วจะมารีวิวอีกที
แต่แอบแพงอยู่นะ ถ้าผสม 100 กรัมก็ใช้ตัวนี้ 560 บาทเข้าไปแล้ว .. แต่ถ้าคุณภาพมันดีจริงก็ดีกว่าไปซื้อครีมกระปุกน้อยๆราคาหลายพัน
คะแนน แปะไว้ก่อน
ใช้ต่อไหม: ถ้าช่วงไหนไม่ช้อต ใช้ต่อแน่นอน
-Galactomyces Ferment Filtrate (Pitera)
ตัวนี้ตอนแรกอยู่นอกสายตาเรามากเพราะไม่เคยใช้และไม่ศรัทธาในน้ำป้าเจี๊ยบเลย
แต่พอได้ลองใช้แล้วรู้สึกว่ามันฟินมากๆ ตัวนี้ของเจ้าที่เราซื้อมาเค้าบอกว่าสามารถใช้ได้ 100% เลยแต่มันจะเหนอะๆหน่อย
พอกดออกมามันกระเด็นหายไปเหลือบนมือนิดเดียว ด้วยความงกเลยจัดการเทออกมาผสมกับสารทำเนื้อเจล (เราใช้ Xanthan Gum)
แล้วก็ไหนๆก็จะผสมแล้วใส่ตัวอื่นไปด้วยแล้วกัน... เติม B3 กับ NAG เข้าไปอีก + Aloevera extract (ใส่น้ำกลั่นนิดหน่อยด้วย เรากลัว B3กับ NAG ไม่ละลาย)
สรุปออกมาได้เป็นลดริ้วรอย+ช่วยผิวใส+ให้ความชุ่มชื่นที่รักมากๆ
คะแนน 10/10
ให้เต็มเลย เพราะใช้ได้แค่ 3 วันรู้สึกแปลกใจเลยทำไมหน้าชั้นเนียน เด้งๆนิ่มๆแน่นๆ
รู้สึกรักผิวมากกว่าที่เคยรักเลยค่ะ ถึงแม้ราคาแอบแรง (55 กรัม 560 บาท)
ใช้ต่อไหม: ถ้าช่วงไหนไม่ช้อต ใช้ต่อแน่นอน
-Centella Asiatica Extract
ตัวนี้ก็คือสารสกัดใบบัวบกค่ะ เมื่อก่อนเคยตำใบบัวบกพอกหน้า ตอนนี้ไม่ต้องหน้าเขียวแล้วค่ะ
เราเจอแล้ว สารสกัดใบบัวบกที่ราคาย่อมเยา ใช้ง่าย และสรรพคุณมากมาย
สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย ให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยรักษาแผล หรือรอยดำแดง ที่เกิดจากสิวได้อีกด้วยด้วยด้วย
คะแนน 10/10
ทาปุ๊บก็ไม่ได้เห็นผลชัดหรอก คือแทบไม่รู้สึกตัวเลยทีเดียว
แต่ว่าเราชอบและเชื่อในสรรพคุณมันมาก เราชอบกินน้ำบัวบกด้วยไงแล้วหากินไม่ค่อยได้ (ไม่เกี่ยว)
แล้วมันก็ถูกด้วย ครีม 100 กรัมใช้ตัวนี้แค่ 5 กรัม ราคา 79 บาทเท่านั้นทาหน้าได้หลายเดือนเลย
ใช้ต่อไหม : ใช้ค่ะ
ในครีมลดริ้วรอยของเราจะต้องมีตัวนี้เสมอ เปรียบเหมือนไว้ท์เทนนิ่งต้องมี B3+NAG ฉันใดก็ฉันนั้น
-Rose hip oil
ช่วงก่อนฮิตมากเห็นถามหากันหลายคน เราก็ไปลองใช้มาเหมือนกัน
ตัวนี้สรรพคุณเยอะช่วยลดรอยสิวรอยดำด้วย ช่วยให้หน้าใสด้วย แล้วก็ชะลอริ้วรอยด้วย ขอจัดไว้กลุ่มนี้แล้วกัน
คะแนน 8/10
ช่วงที่ใช้รู้สึกว่าดีเลย เราใช้เพียวๆเลยปั๊มออกมาหยดนึงแล้วก็ทาหน้าก่อนนอน
ไม่ทำให้เป็นสิวอุดตัน ไม่หนักหน้าเท่าไหร่ รู้สึกหน้านุ่มแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจสังเกตผลเรื่องรอยดำและริ้วรอย
ใช้ต่อไหม : ไม่ได้ใช้
ตอนนั้นหมดขวดแล้วก็ไม่ได้ใช้ต่อ เพราะขี้เกียจทาพวกน้ำมัน
คิดว่าถ้าซื้อมาผสมกับครีมอื่นๆน่าจะใช้ง่ายขึ้น แต่ขวดนึงมันค่อนข้างแพง
30 ml 400 กว่าบาท (นี่แพงแล้วนะ อิอิ คือแบบว่าเวลาเราซื้อส่วนผสมทีนึงก็ต้องซื้อหลายตัวรวมๆกันมันก็เลยแพง)
แต่ตอนใช้ทาเพียวๆก็ใช้ได้นานอยู่นะ หลายเดือนมากจะลืมว่าซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่
------------------------------
จบไปแล้วสองหมวด ยังเหลืออีกนิดหน่อยคือ BHA , น้ำยาล้างหน้าและล้างเครื่องสำอางที่เราชอบมากๆ
แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะรีวิวเป็นตัวๆไปหรือรีวิวเป็นสูตรดี วันนี้ตาลายแล้วด้วยขอพักก่อนนะคะ
ใครมีอะไรก็ถามมาได้นะคะ แลกเปลี่ยนกันค่ะ