สวัสดีค่ะ นี่เป็นทริปแรกที่ได้แบกเป้เที่ยวด้วยตัวเองไปพร้อมเพื่อนอีกสองคน
เลยอยากจะมาเขียนรีวิว เผื่อเป็นแนวทางให้เพื่อนๆคนอื่นที่สนใจด้วย เดินทางช่วงวันที่ 3-5 ธันวา 2557
ทริปเราสามคนมาจากพิษณุโลกค่ะ มาถึงหมอชิตสองที่กรุงเทพฯ เวลา ตีหนึ่งกว่าของวันที่สี่ ค่ารถตู้คนละ 250 บาท
มาถึงยังไม่มีรถออกค่ะ ต้องนอนรอในอาคารผู้โดยสาร ตีสี่ออกไปซื้อตั๋วรถตู้
ที่ชานชาลา 3 ช่อง 24 ไปลงพัทยาใต้ ค่าตั๋วคนละ 120 บาท รถเที่ยวแรกออกตีสี่ครึ่ง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม รถตู้จะมาจอดที่สี่แยกไฟแดงพัทยาใต้ พอลงรถแล้วให้เราข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่งค่ะ
จะเห็นวินรถตู้กรุงเทพ - พัทยา ให้เราเดินเลยไปอีก จะเห็นวินรถสองแถวสีน้ำเงินเข้มจอดเรียงอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกที
ขึ้นสองแถวนี้ไปลงท่าเรือบาลีฮาย (เพื่อความแน่ใจบอกคนขับไว้ด้วยยิ่งดี) ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
ถึงท่าเรือแล้วแล้วก็ขึ้นไปซื้อตั๋วได้เลยค่ะ ตอนซื้อก็ดูดีๆนะคะ มันจะมีเรือรอบที่ไปจอดท่าหน้าบ้าน และท่าเรือหาดตาแหวน
เราซื้อตั๋วไปลงท่าหาดตาแหวน(ซื้อผิดที่จริงต้องไปลงท่าหน้าบ้านมันจะใกล้รีสอร์ทมากกว่า) เที่ยว 8.00 น. ค่าตั๋วคนละ 30 บาท
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็ถึงค่ะ ครั้งแรกที่ลงเรือเห็นน้ำทะเลแล้วประทับใจสุดๆ ใสมากๆ ย้ำว่ามากจริงๆมัวแต่ตื่นเต้น
ไม่ได้ถ่ายรูปท่าเรือไว้ มาถึงแล้วก็โทรหาป้านาเลยค่ะ ป้าขับรถมอเตอร์ไซต์มารับไปส่งรีสอร์ท
ห้องพักเราจองไว้เป็นเเบบติดทะเล มีระเบียงข้างหลังเห็นเป็นวิวทะเลและชายฝั่งพัทยา ค่าห้อง 1200 บาท/คืน เราพักคืนเดียว
แถมมอเตอร์ไซต์หนึ่งคัน
#อันนี้เราเเนะนำนะคะ ด้วยความที่เรามาแล้วกลัวจะไม่มีห้องเลยโทรจองไว้ก่อน
พอมาถึงแล้วถึงรู้ว่าห้องพักเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะมาหน้าเทศกาล ก็ไม่ต้องกลัวจะไม่มีที่พัก มีห้องว่างตลอด
ให้มาลงที่ท่าหน้าบ้านค่ะ แถวนั้นห้องพักเยอะมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องโทรจองมาหาที่พักที่ถูกใจบนเกาะก็ได้ค่ะ
แล้วเรื่องมอเตอร์ไซต์ ที่ได้จากรีสอร์ทมันเก่ามาก เเนะนำดูเป็นที่พักที่แถมอาหารเช้าแล้วไปเดินหาเช่ามอเตอร์ไซต์เองดีกว่า
เพราะมีร้านเช่าเยอะเเยะที่สำคัญรถใหม่เอี่ยมด้วยแถมน้ำมันเต็มถังอีกต่างหาก อัตราค่าเช่า ถ้าเช้า-เย็น ก็ 200 บาท
ถ้าข้ามวันก็ 300 บาท/คัน
มาถึงรีสอร์ทแล้วก็เก็บกระเป๋าจัดของเปลี่ยนชุดเตรียมเล่นน้ำ เช่ารถมอเตอร์ไซต์เพิ่มอีกคัน 300 บาท
#ถนนที่เกาะโหดมากนะคะ ใครขับรถไม่แข็งเเนะนำให้นั่งสองแถวดีกว่า เค้าจะบริการทุกหาดหรือไม่ก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์ก็มีเหมือนกัน
และห้ามซ้อนสามค่ะ ห้ามงกเลยจริงๆ เพราะรถท่านอาจอาจขึ้นเขาไม่รอดได้
จากนั้นก็ตระเวนเที่ยวหาดเลยค่ะ หาดไหนน้ำน่าเล่นก็อยู่นานหน่อย
เที่ยงกว่าๆ เที่ยวได้สามหาด (รายละเอียดหาดบนเกาะลองเสริชอากู๋ดูนะคะ จะไม่ขอพูดถึง)
หิวเเล้วไปหาอะไรกินแถววัดใกล้ท่าหน้าบ้านค่ะ มีร้านให้เลือกเยอะ
ในตรอกซอกซอยก็มี สุดท้ายเราไปจบที่เกี๋ยวเตี๋ยวตายายค่ะ อยู่ในหลืบด้วย
อร่อยเกินคาดอยู่เหมือนกัน
แล้วเที่ยวต่อค่ะ หาดสุดท้ายเป็นหาดตาแหวน ตอนนั้นก็เย็นพอดี
และแน่นอนมาทะเลก็ต้องกินอาหารทะเลใช่ไหมคะ จะให้ได้ฟีลก็ต้องทำเองด้วย
บนเกาะจะมีร้านขายอาหารทะเลพร้อมบริการให้ด้วย ขับดูหลายๆร้านนะคะ คุณอาจจะเจอร้านที่ถูกกว่าร้านเดิมก็ได้
เจอร้านถูกใจแล้วก็ซื้อกุ้งมาครึ่งโล ปลาหมึกไข่อีกโลนึง หอยแมลงภู่ หอยแครง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดถุงใหญ่
เราให้ที่ร้านลวกหอย มาเลยค่ะ ส่วนอย่างอื่นเราเอาไปปิ้งกินเอง แวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวก่อนกลับรีสอร์ทด้วย
ที่รีสอร์ทมีเตาและจานชามให้ครบ แต่ต้องไปซื้อถ่านเอาเอง ก็มีขายตามร้านทั่วไปค่ะ ถุงละ 25 บาท
เอาไปนั่งปิ้งกินริมระเบียงมองวิวทะเล ไปพลางๆเปิดเพลงคลออีกหน่อย ฟินอย่าบอกใครเลยล่ะ และเเล้วก็หมดไปอีกวัน
วันที่ 5 ธันวา ก็ออกจากเกาะรอบเรือเที่ยว 9.00 น. ถึงท่าเรือบาลีฮายแล้วเดินไปทางซ้ายค่ะจะเห็นสองแถวจอดอยู่ตรง walking street
หน้าผับชื่อบาลีฮาย นั่งสองแถวไปลงแยกเดิมที่เราลงรถตู้เมื่อวาน ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
ข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง รอรถสองแถว
เป้าหมายในวันนี้เป็นตลาดน้ำสี่ภาค ไร่องุ่นซิลเวอร์เลคและเขาชีจรรย์ นั่งรถสองแถวสีขาวจะบอกคนขับไว้ก็ได้ค่ะ
ว่าพอถึงที่หมายให้จอดให้ด้วย นั่งได้ซักสิบนาที ก็มาถึงตลาดน้ำสี่ภาค ที่นี่คนไทยเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
แต่ของจะแพงนิดหน่อยค่ะ มาเที่ยวซื้อของฝากพอเป็นพิธี ข้างในนอกจากเป็นร้านขายอาหารก็ยังมีกิจกรรมให้เล่นด้วย
เช่นโหนสลิง ข้ามน้ำ ไปกลับ คนละ 100 บาท เราไม่ได้เล่นแต่ยืนดูคนอื่นเค้าเล่น ก็น่าจะสนุกอยู่เหมือนกัน
กำหนดเวลาบ่ายโมงก็ออกมาโบกรถข้างหน้าถนนเหมือนเดิม บอกคนขับไว้ว่าจอดแยกไร่องุ่นให้ด้วย
ระหว่างทางก็ผ่านที่เที่ยวอีกที่ที่น่าสนใจ Mimosa แต่เราไม่ได้เเวะ มองจากข้างนอกสวยมากค่ะ เห็นเป็นปราสาทหรือบ้านสีชมพู
รถจอดเยอะมาก นั่งไปอีกซักพักก็ถึงแยกไร่องุ่นคนที่นั่นบางคนเค้าก็เรียกว่า แยกเขาพระใหญ่ (ไร่องุ่นกับเขาชีจรรย์อยู่ติดกัน)
ค่าโดยสารอีกคนละ 20 บาท เดินเข้าไปในถนนทางเข้า จะมีมอไซต์พ่วงให้บริการเข้าไปอยู่ทางซ้ายมือ
ค่าโดยสารคนละ 50 บาท (ป้าบอกลดให้ ปกติคิด 60 บาท โดยส่วนตัวเราว่ามันแพงไป ระยะ 5-6 โล
สามคนคิด 150 บาท แต่ไม่มีทางเลือกไหนๆก็มาแล้ว)
เขาชีจรรย์จะถึงก่อนไร่องุ่นเล็กน้อย ที่ไร่ยังมีที่ให้เที่ยวไม่มากนัก มีรถบริการนั่งชมวิว คนละ 100 บาท แวะถ่ายรูปสามที่ รับน้ำองุ่น 25% ไปอีกคนละขวด เป็นอันจบรอบ ที่นี่มีพิซซ่าขายด้วยซื้อชิมไปชิ้นนึง อร่อยดีค่ะแป้งบางกรอบ ตกชิ้นละ 45 บาท มีหน้า 5-6 หน้าให้เลือก (ไม่ค่อยแน่ใจ)
หลังๆไม่ค่อยมีรูปแล้วเพราะแบตใกล้หมด T^T
ขากลับก็โทรให้ป้าคนเดิมมารับค่ะ ขอให้ป้าแวะเขาชีจรรย์ให้ด้วย เดินถ่ายรูปครึ่ง ชม ก็กลับ
ป้าไปส่งหน้าปากทางเข้าถนนใหญ่ค่ะ คนละ50 บาทเหมือนเดิม เราข้ามถนนไปอีกฝั่ง รอโบกรถตู้ กรุงเทพ-สัตหีบ ค่าโดยสารคนละ 145 บาท
ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย การเดินทาง+ที่พัก (ไม่รวมค่ากิน) กรุงเทพ-ชลบุรี
ค่ารถตู้ กรุงเทพพัทยา คนละ 120 บาท
ค่าสองแถวเข้าท่าเรือ คนละ 20 บาท
ค่าขึ้นเรือไปเกาะล้าน คนละ 30 บาท
ค่าที่พักบนเกาะ หารแล้วตกคนละ 400 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์บนเกาะ หารแล้วตกคนละ 100 บาท
ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซต์ หารแล้วตกคนละ 70 บาท
ค่าขึ้นเรือกลับพัทยา คนละ 30 บาท
ค่าสองแถว ออกไปแยกพัทยาใต้ คนละ 20 บาท
ค่าสองแถวไปลงตลาดน้ำ คนละ 20 บาท
ค่าสองแถวจากตลาดน้ำไปแยกไร่องุ่น คนละ 20 บาท
ค่ารถมอเตอร์ไซต์พ่วงเข้าไร่องุ่น คนละ 100 บาท ไป-กลับ
ค่ารถชมไร่ องุ่นคนละ 100 บาท
ค่ารถตู้กลับกรุงเทพฯ คนละ 145 บาท
รวมทั้งหมด 1,175 บาท (ทั้งหมดไม่รวมค่าใช้จ่ายนอกเหนือความคาดหมายและค่ากินนะคะ)
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆมาค้างแค่คืนเดียว เพราะมีเวลาไม่มาก เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกด้วย
ถ้าเขียนอธิบายติดๆขัดก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการเที่ยวค่ะ
รีวิวเที่ยวเกาะล้าน
เลยอยากจะมาเขียนรีวิว เผื่อเป็นแนวทางให้เพื่อนๆคนอื่นที่สนใจด้วย เดินทางช่วงวันที่ 3-5 ธันวา 2557
ทริปเราสามคนมาจากพิษณุโลกค่ะ มาถึงหมอชิตสองที่กรุงเทพฯ เวลา ตีหนึ่งกว่าของวันที่สี่ ค่ารถตู้คนละ 250 บาท
มาถึงยังไม่มีรถออกค่ะ ต้องนอนรอในอาคารผู้โดยสาร ตีสี่ออกไปซื้อตั๋วรถตู้
ที่ชานชาลา 3 ช่อง 24 ไปลงพัทยาใต้ ค่าตั๋วคนละ 120 บาท รถเที่ยวแรกออกตีสี่ครึ่ง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม รถตู้จะมาจอดที่สี่แยกไฟแดงพัทยาใต้ พอลงรถแล้วให้เราข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่งค่ะ
จะเห็นวินรถตู้กรุงเทพ - พัทยา ให้เราเดินเลยไปอีก จะเห็นวินรถสองแถวสีน้ำเงินเข้มจอดเรียงอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกที
ขึ้นสองแถวนี้ไปลงท่าเรือบาลีฮาย (เพื่อความแน่ใจบอกคนขับไว้ด้วยยิ่งดี) ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
ถึงท่าเรือแล้วแล้วก็ขึ้นไปซื้อตั๋วได้เลยค่ะ ตอนซื้อก็ดูดีๆนะคะ มันจะมีเรือรอบที่ไปจอดท่าหน้าบ้าน และท่าเรือหาดตาแหวน
เราซื้อตั๋วไปลงท่าหาดตาแหวน(ซื้อผิดที่จริงต้องไปลงท่าหน้าบ้านมันจะใกล้รีสอร์ทมากกว่า) เที่ยว 8.00 น. ค่าตั๋วคนละ 30 บาท
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็ถึงค่ะ ครั้งแรกที่ลงเรือเห็นน้ำทะเลแล้วประทับใจสุดๆ ใสมากๆ ย้ำว่ามากจริงๆมัวแต่ตื่นเต้น
ไม่ได้ถ่ายรูปท่าเรือไว้ มาถึงแล้วก็โทรหาป้านาเลยค่ะ ป้าขับรถมอเตอร์ไซต์มารับไปส่งรีสอร์ท
ห้องพักเราจองไว้เป็นเเบบติดทะเล มีระเบียงข้างหลังเห็นเป็นวิวทะเลและชายฝั่งพัทยา ค่าห้อง 1200 บาท/คืน เราพักคืนเดียว
แถมมอเตอร์ไซต์หนึ่งคัน
#อันนี้เราเเนะนำนะคะ ด้วยความที่เรามาแล้วกลัวจะไม่มีห้องเลยโทรจองไว้ก่อน
พอมาถึงแล้วถึงรู้ว่าห้องพักเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะมาหน้าเทศกาล ก็ไม่ต้องกลัวจะไม่มีที่พัก มีห้องว่างตลอด
ให้มาลงที่ท่าหน้าบ้านค่ะ แถวนั้นห้องพักเยอะมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องโทรจองมาหาที่พักที่ถูกใจบนเกาะก็ได้ค่ะ
แล้วเรื่องมอเตอร์ไซต์ ที่ได้จากรีสอร์ทมันเก่ามาก เเนะนำดูเป็นที่พักที่แถมอาหารเช้าแล้วไปเดินหาเช่ามอเตอร์ไซต์เองดีกว่า
เพราะมีร้านเช่าเยอะเเยะที่สำคัญรถใหม่เอี่ยมด้วยแถมน้ำมันเต็มถังอีกต่างหาก อัตราค่าเช่า ถ้าเช้า-เย็น ก็ 200 บาท
ถ้าข้ามวันก็ 300 บาท/คัน
มาถึงรีสอร์ทแล้วก็เก็บกระเป๋าจัดของเปลี่ยนชุดเตรียมเล่นน้ำ เช่ารถมอเตอร์ไซต์เพิ่มอีกคัน 300 บาท
#ถนนที่เกาะโหดมากนะคะ ใครขับรถไม่แข็งเเนะนำให้นั่งสองแถวดีกว่า เค้าจะบริการทุกหาดหรือไม่ก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์ก็มีเหมือนกัน
และห้ามซ้อนสามค่ะ ห้ามงกเลยจริงๆ เพราะรถท่านอาจอาจขึ้นเขาไม่รอดได้
จากนั้นก็ตระเวนเที่ยวหาดเลยค่ะ หาดไหนน้ำน่าเล่นก็อยู่นานหน่อย
เที่ยงกว่าๆ เที่ยวได้สามหาด (รายละเอียดหาดบนเกาะลองเสริชอากู๋ดูนะคะ จะไม่ขอพูดถึง)
หิวเเล้วไปหาอะไรกินแถววัดใกล้ท่าหน้าบ้านค่ะ มีร้านให้เลือกเยอะ
ในตรอกซอกซอยก็มี สุดท้ายเราไปจบที่เกี๋ยวเตี๋ยวตายายค่ะ อยู่ในหลืบด้วย
อร่อยเกินคาดอยู่เหมือนกัน
แล้วเที่ยวต่อค่ะ หาดสุดท้ายเป็นหาดตาแหวน ตอนนั้นก็เย็นพอดี
และแน่นอนมาทะเลก็ต้องกินอาหารทะเลใช่ไหมคะ จะให้ได้ฟีลก็ต้องทำเองด้วย
บนเกาะจะมีร้านขายอาหารทะเลพร้อมบริการให้ด้วย ขับดูหลายๆร้านนะคะ คุณอาจจะเจอร้านที่ถูกกว่าร้านเดิมก็ได้
เจอร้านถูกใจแล้วก็ซื้อกุ้งมาครึ่งโล ปลาหมึกไข่อีกโลนึง หอยแมลงภู่ หอยแครง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดถุงใหญ่
เราให้ที่ร้านลวกหอย มาเลยค่ะ ส่วนอย่างอื่นเราเอาไปปิ้งกินเอง แวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวก่อนกลับรีสอร์ทด้วย
ที่รีสอร์ทมีเตาและจานชามให้ครบ แต่ต้องไปซื้อถ่านเอาเอง ก็มีขายตามร้านทั่วไปค่ะ ถุงละ 25 บาท
เอาไปนั่งปิ้งกินริมระเบียงมองวิวทะเล ไปพลางๆเปิดเพลงคลออีกหน่อย ฟินอย่าบอกใครเลยล่ะ และเเล้วก็หมดไปอีกวัน
วันที่ 5 ธันวา ก็ออกจากเกาะรอบเรือเที่ยว 9.00 น. ถึงท่าเรือบาลีฮายแล้วเดินไปทางซ้ายค่ะจะเห็นสองแถวจอดอยู่ตรง walking street
หน้าผับชื่อบาลีฮาย นั่งสองแถวไปลงแยกเดิมที่เราลงรถตู้เมื่อวาน ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
ข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง รอรถสองแถว
เป้าหมายในวันนี้เป็นตลาดน้ำสี่ภาค ไร่องุ่นซิลเวอร์เลคและเขาชีจรรย์ นั่งรถสองแถวสีขาวจะบอกคนขับไว้ก็ได้ค่ะ
ว่าพอถึงที่หมายให้จอดให้ด้วย นั่งได้ซักสิบนาที ก็มาถึงตลาดน้ำสี่ภาค ที่นี่คนไทยเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
แต่ของจะแพงนิดหน่อยค่ะ มาเที่ยวซื้อของฝากพอเป็นพิธี ข้างในนอกจากเป็นร้านขายอาหารก็ยังมีกิจกรรมให้เล่นด้วย
เช่นโหนสลิง ข้ามน้ำ ไปกลับ คนละ 100 บาท เราไม่ได้เล่นแต่ยืนดูคนอื่นเค้าเล่น ก็น่าจะสนุกอยู่เหมือนกัน
กำหนดเวลาบ่ายโมงก็ออกมาโบกรถข้างหน้าถนนเหมือนเดิม บอกคนขับไว้ว่าจอดแยกไร่องุ่นให้ด้วย
ระหว่างทางก็ผ่านที่เที่ยวอีกที่ที่น่าสนใจ Mimosa แต่เราไม่ได้เเวะ มองจากข้างนอกสวยมากค่ะ เห็นเป็นปราสาทหรือบ้านสีชมพู
รถจอดเยอะมาก นั่งไปอีกซักพักก็ถึงแยกไร่องุ่นคนที่นั่นบางคนเค้าก็เรียกว่า แยกเขาพระใหญ่ (ไร่องุ่นกับเขาชีจรรย์อยู่ติดกัน)
ค่าโดยสารอีกคนละ 20 บาท เดินเข้าไปในถนนทางเข้า จะมีมอไซต์พ่วงให้บริการเข้าไปอยู่ทางซ้ายมือ
ค่าโดยสารคนละ 50 บาท (ป้าบอกลดให้ ปกติคิด 60 บาท โดยส่วนตัวเราว่ามันแพงไป ระยะ 5-6 โล
สามคนคิด 150 บาท แต่ไม่มีทางเลือกไหนๆก็มาแล้ว)
เขาชีจรรย์จะถึงก่อนไร่องุ่นเล็กน้อย ที่ไร่ยังมีที่ให้เที่ยวไม่มากนัก มีรถบริการนั่งชมวิว คนละ 100 บาท แวะถ่ายรูปสามที่ รับน้ำองุ่น 25% ไปอีกคนละขวด เป็นอันจบรอบ ที่นี่มีพิซซ่าขายด้วยซื้อชิมไปชิ้นนึง อร่อยดีค่ะแป้งบางกรอบ ตกชิ้นละ 45 บาท มีหน้า 5-6 หน้าให้เลือก (ไม่ค่อยแน่ใจ)
หลังๆไม่ค่อยมีรูปแล้วเพราะแบตใกล้หมด T^T
ขากลับก็โทรให้ป้าคนเดิมมารับค่ะ ขอให้ป้าแวะเขาชีจรรย์ให้ด้วย เดินถ่ายรูปครึ่ง ชม ก็กลับ
ป้าไปส่งหน้าปากทางเข้าถนนใหญ่ค่ะ คนละ50 บาทเหมือนเดิม เราข้ามถนนไปอีกฝั่ง รอโบกรถตู้ กรุงเทพ-สัตหีบ ค่าโดยสารคนละ 145 บาท
ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย การเดินทาง+ที่พัก (ไม่รวมค่ากิน) กรุงเทพ-ชลบุรี
ค่ารถตู้ กรุงเทพพัทยา คนละ 120 บาท
ค่าสองแถวเข้าท่าเรือ คนละ 20 บาท
ค่าขึ้นเรือไปเกาะล้าน คนละ 30 บาท
ค่าที่พักบนเกาะ หารแล้วตกคนละ 400 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์บนเกาะ หารแล้วตกคนละ 100 บาท
ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซต์ หารแล้วตกคนละ 70 บาท
ค่าขึ้นเรือกลับพัทยา คนละ 30 บาท
ค่าสองแถว ออกไปแยกพัทยาใต้ คนละ 20 บาท
ค่าสองแถวไปลงตลาดน้ำ คนละ 20 บาท
ค่าสองแถวจากตลาดน้ำไปแยกไร่องุ่น คนละ 20 บาท
ค่ารถมอเตอร์ไซต์พ่วงเข้าไร่องุ่น คนละ 100 บาท ไป-กลับ
ค่ารถชมไร่ องุ่นคนละ 100 บาท
ค่ารถตู้กลับกรุงเทพฯ คนละ 145 บาท
รวมทั้งหมด 1,175 บาท (ทั้งหมดไม่รวมค่าใช้จ่ายนอกเหนือความคาดหมายและค่ากินนะคะ)
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆมาค้างแค่คืนเดียว เพราะมีเวลาไม่มาก เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกด้วย
ถ้าเขียนอธิบายติดๆขัดก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการเที่ยวค่ะ