GOOD MORNING

กระทู้สนทนา


จริงๆแล้วเรารู้สึกว่า ไม่ต้องกลัวคู่แข่งหรอกค่ะ เพราะแต่ละคนมีจุดยืนแตกต่างกันไป ซึ่งจริงๆแล้วคู่แข่งนั้น ให้คิดว่าเขาก็คือเพื่อนร่วมวงการคนหนึ่งที่ทำมาหากินเหมือนกันกับเรานั่นเองค่ะ ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม การมีคู่แข่งนั้นเป็นเรื่องที่ดีกว่าไม่มีเลยค่ะ เพราะว่า ยิ่งคู่แข่งเยอะ แสดงว่าตลาดนั้นยิ่งใหญ่ขึ้น อีกทั้ง การมีคู่แข่งก็ทำให้คุณต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอค่ะ

ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าคู่แข่งจะแย่งลูกค้าคุณไปหรอกค่ะ เพราะตลาดมันกว้างกว่าที่คุณคิดค่ะ ถ้าจิตใจคุณคิดถึงการแข่งขันอยู่เรื่อยๆมันเป็นจิตใต้สำนึกแห่งความขาดแคลนค่ะ ซึ่งคุณก็จะดึงดูดเอาความขาดแคลนเข้ามาสู่ชีวิต

มันก็เหมือนกับตอนคุณเริ่มฝึกวาดรูปแรกๆ อาจจะมีเพื่อนในห้องเรียนซักคน ที่คุณชอบงานเขา แล้วก็พยายามวาดรูปให้ได้ดีขึ้น และก็กลายเป็นคิดว่าว่าวาดแข่งกันกับเพื่อน เห็นเพื่อนเป็นแรงบันดาลใจในการวาดต่อไป พอคุณวาดได้ดีขึ้นเรื่อยๆ คุณก็อาจจะหาแรงบันดาลใจจากนอกห้อง ไปพบนักวาดคนหนึ่งในออนไลน์ที่วาดเก่งมาก ก็เกิดแรงบันดาลใจ วาดรูปให้ดีขึ้นไปอีก การที่มีคู่แข่ง หรือมีคนแข่งด้วยนั้น มันดีค่ะ มันจะทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่ความรู้สึกที่คิดว่าใครสักคนเป็นคู่แข่งนั้น มันจะทำให้เราทุกข์ได้ง่ายๆค่ะ เพราะว่าพอเราวาดดีขึ้น เราก็จะไม่พอใจผลงานของตนเอง เพราะว่ายังดูด้อยว่านักวาดคนนั้น คนนี้ ทำให้เราต้องหาคนมาแข่งด้วยเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น คนที่คุณควรแข่งด้วย มีคนเดียวค่ะ คือตัวคุณเอง แค่ตั้งเป้าว่าจะเก่งกว่าเมื่อวาน ก็พอแล้วค่ะ

นอกจากนี้การตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับใครสักคน เป็นอารมณ์ด้านลบค่ะ ซึ่งมันจะดึงเอาอารมณ์ด้านลบอื่นๆออกมาด้วย เช่นอารมณ์อิจฉาริษยา ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ดีค่ะ เพราะมันจะทำให้เกิดทุกข์ ตราบใดที่เรายังไม่ดีเท่าคนๆนั้น กลายเป็นว่าคุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆตลอดเวลา นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมม้าแข่ง เวลาวิ่งมันต้องมีที่ปิดตาด้านข้าง เพื่อจะไม่ให้เห็นทิวทัศน์ข้างๆหรือเห็นว่าม้าตัวอื่นนำมันไปแล้ว การที่คุณจะทำงานได้ดี โฟกัสที่การพัฒนาตัวเองค่ะ ไม่ใช่การแข่งขันกับผู้อื่น

สิ่งที่คุณควรมีคือ “idol” ค่ะ ไม่ใช่ “คู่แข่ง” คือใครสักคนที่คุณเห็นเขาเป็นแบบอย่าง ซึ่งคุณอาจจะมี idol ในหลายๆด้านของชีวิต ซึ่งเขาเก่งกว่าคุณและประสบความสำเร็จกว่าคุณมากๆ และคุณตั้งเป้าไว้ว่า คุณจะต้องไปถึงระดับนั้นให้ได้ ถ้าคุณตั้งเพื่อนคุณหรือนักวาดในวงการเดียวกันเป็นคู่แข่ง สุดท้ายงานคุณจะดีกว่าเพื่อนคุณหรือคนๆนั้นแค่นิดเดียวค่ะ คุณอาจจะวาดได้ดีกว่าเดิมไม่มาก หรือคุณอาจจะวาดได้แย่กว่าเพื่อนอีกด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายคุณเล็กไปค่ะ แต่การที่ตั้งเป้าไว้ที่ เก่งแบบ idol มันเป็นเป้าหมายที่อยู่สูงกว่าคุณมากค่ะ มันทำให้คุณต้องออกแรงฝึกฝนเยอะมากๆ

มีอยู่ช่วงนึง ประมาณอายุ 25 ตอนที่เราทำงานวาดเป็นงานหลัก เราตั้งเป้าไว้ที่เก่งแบบ hyung tae kim ค่ะ การที่เก่งแบบเขา ไม่ใช่การไปก็อปปี้เขา ไปลอกสไตล์เขามา แต่เป็นการตั้งเขาไว้เป็นเป้า ว่าเราอยากจะมีชื่อในระดับ international แบบเขา ซึ่งถามว่าเราไปถึงจุดนั้นไหม? เราอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าเขา แต่ชีวิตเราดีขึ้นมากค่ะ เราได้งานต่างประเทศ งานได้ลงสื่อต่างประเทศ แม้ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากก็จริง แต่เราเชื่อค่ะว่า shooting for the moon,even if you miss you will land among the star เล็งเป้าที่ดวงจันทร์สุดท้ายคุณจะได้ดวงดาวค่ะ


ปล. อ่านบทความนี้แล้ว เอามาประยุกต์ได้เลยกับการลงทุนนะครับ  ตัวแปรทุกอย่างรอบๆตัวเรา ไม่ได้ทำให้เราขาดทุน  แต่สิ่งที่เราควรกลัวให้มากว่าจะทำให้เราขาดทุน ก็คือ ใจของเราเองครับ  จงเอาชนะใจตัวเอง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุดของการลงทุน คือการสร้างกำไรแบบยั่งยืน......

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่