[อันนี้เป็นกระทู้รีวิวหนังนะครับผม เนื่องจากกดแก้ชื่อกระทู้ไม่ทัน]
ผมได้แวะเวียนอ่านรีวิวต่างๆใน pantip เล็กน้อย แต่หลายรีวิวจะอยู่ประมาณกลางๆ
ส่วนมากจะเป็นเพราะว่าเนื้อเรื่องเดาได้ง่าย และพล็อตเดิมไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนหรือหวือหวามากนัก
ทำไมผมดูจบแล้วรู้สึกว่าอิ่มมากๆ ชอบมากๆกับหนังเรื่องนี้
มันเกินความคาดหมายที่ผมคิดไปหลายๆอย่าง
ผมก็เลยตั้งกระทู้นี้เพื่อชักชวนให้คนที่สนใจจะหาหนังดูสักเรื่องแต่ไม่รู้ว่าจะเลือกเรื่องอะไร
ก็เลยอยากขอแนะนำเรื่องนี้ให้คุณดูละกันครับผม
และขอรีวิวหนังเรื่องนี้สักเล็กน้อย
และขอพูดในฐานะที่อวยหนังเรื่องนี้สุดกู่หน่อยนะครับผม ว่าทำไมผมถึงชอบหนังเรื่องนี้มากๆ
[เนื้อหาส่วนนี้ไม่ได้เป็นการสปอยเนื้อเรื่องแต่อย่างใด สามารถอ่านได้ครับโดยไม่เสียอถรรสของหนัง]
1. เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องสำหรับอนิเมชั่น ผมว่าเนื้อเรื่องเรื่องนี้จัดอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปเร็ว
มันไม่ใช่แค่การหุ่นยนต์ต่อสู้กับตัวร้ายแล้วจบ แต่ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเนื้อเรื่องที่คอยสอดแทรกในเรื่องทำให้คุณหลงรักเรื่อยๆ
เริ่มจาก 0 แล้วค่อยๆพุ่งทะยานถึง 100 มีเรื่องราวๆต่างๆให้เราค่อยติดตามติดอยู่กับเก้าอี้โดยไม่เบื่อไปไหนเลย
เนื้อเรื่องอาจจะเป็นการที่สู้กับเหล่าวายร้ายและจบก็จริง ที่ยังมีประเด็นอื่นที่อาจทำให้คุณน้ำตาซึมได้
เนื่อเรื่องอาจจะเป็นเส้นตรงก็จริง แต่เป็นเส้นตรงหลายๆอันมาต่อกันครับ และทุกๆเส้นตรงจะมีอะไรให้คุณหลงรักมากขึ้นเรื่อย
มากเรื่อยๆจนอิ่มเอิบใจ เอาจริงๆนะครับ ตอนแรกที่ผมดูนั้น
- ช่วงแรกๆของหนัง ทำให้ผมนึกถึง Monster University ยังไงอย่างนั้นเลย
- พอเข้าช่วยสอง เกือบถึงกลางเรื่อง ให้ความรู้สึกเศร้ามาก นึกเรื่องไม่ออกครับว่าจะคล้ายเรื่องอะไร
- พอเบย์แม็กปรากฏตัว นึกถึง How to trains your dragon เราได้หลงรักไอ้ตัวมาสคอตใหม่เสียแล้ว
หุ่นยนต์อะไรน่ารัก น่ากอด น่าจับแล้วเอามาไว้ในบ้านจริงๆ คุณจะรู้สึกตลกได้ทั้งเรื่องจนเกือบจบครับ
- ช่วงท้าย นึกถึง กังฟูแพนด้า ฉากบู๊สะหั่นบั่นแหลก ต่อสู้รัดฟัดเหนี่ยวจนจบ และก็ปิดท้ายเรื่องได้อย่างสวยงาม
การดูหนังเรื่องนี้เหมือนกับการที่คุณเปิดนิทานก่อนนอนสักเล่ม คุณรู้อยู่แล้วว่าตอนจบมันเป็นยังไง
แต่คุณก็สนุกกับระหว่างของเนื้อเรื่องที่ทำให้คุณเพลิดเพลินกับมันได้
2. ภาพ
ภาพในเรื่องนี้นั้นตระกานตามากๆเลยครับ โดยเฉพาะเมืองที่ผมชอบมากๆ ตั้งแต่ฉากที่เห็นแค่ซอยไม่ก็ตึกเล็ก จนกระทั่งเห็นทั้งเมือง
เมืองที่มีลักษณะไปทางอเมริกาแต่ยังมีกลิ่นอายจากญี่ปุ่นเก่าๆผสมอยู่ แล้วเอาสองอย่างที่ผสมกันอย่างลงตัวนี้ อัพเกรดเข้าสู่ยุคไฮเทคและทันสมัย
ผมว่าเขาทำได้ดีมากๆเลยครับสำหรับงานภาพส่วนนี้
และแน่นอนว่าเรื่องทั้งเรื่องนี้จะพาคุณไปหลายที่มากๆ ไม่ได้ซ้ำซากจำเจอยู่ที่บ้านหรือตึกเก่าๆที่เห็นจนเบื่อตลอดทั้งเรื่อง
แต่มันค่อยๆมีอะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในระหว่างทาง ยิ่งฉากใกล้จบนั้นเป็นอีกฉากที่ผมชอบมาก
อยากจะตั้งเป็น Background โทรศัพท์ซะเลย
3. ตัวละคร
ตัวละครเอกของเราที่มาแรงมากๆคือ Baymax หุ่นยนต์น่ารักตัวอ้วนพุงพรุ้ยตัวนี้ที่ทำให้หลายๆคนตกหลุมรักได้
อาจจะมีหลายรีวิวที่กล่าวไว้ว่าตัวละครนี้ได้แย่งซีนจาก Hero ตัวอื่นๆจนหมด แต่ผมกลับเห็นว่าสิ่งที่เนื้อเรื่องจะนำเสนอนั้น
มันค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วครับ เพราะหนังได้โฟกัสไปที่ตัวละคร หนุ่มน้อยน่ารักที่รักการประดิษฐ์เป็นชีวิตจิตใจ ฮิโระ ฮามาดะ
ที่เป็นเพื่อนคู่กายของเบย์แม็กตั้งแต่แรกแล้ว เลยทำให้ผมคิดว่าการกระจายบทของตัวละครนั้นไม่ได้แย่อย่างที่ดี
แถมยังดีด้วยซ้ำที่กระจายบทให้ตัวละครอื่นได้มากขนาดนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะผมยังไม่เคยอ่านต้นฉบับเรื่องเลยทำให้ผมคิดอย่างนี้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
"เด็กคนหนึ่งที่หาเพื่อนร่วมทีมเพื่อจะต่อสู้กับเหล่าวายครับผม" ไม่ใช่เป็นการที่
"ทีมฮีโร่สุดล้ำช่วยกันกู้โลกเพื่อจัดการวายร้ายมากกว่าครับ"
ถ้าคุณคิดแบบผมในประโยคแรกจะทำให้ประเด็นเรื่องการกระจายตัวละครไม่สมเหตุสมผลนี้บางลงเลยครับ
อีกตัวละครหนึ่งที่ผมชอบมากๆ และชอบพอๆกับเบย์แม็กเลย เป็นตัวละครที่เรียกน้ำตาได้ดีมากไม่ขอบอกว่าเป็นใคร
แต่คุณอาจจะหลงรักตัวละครนี้ไปด้วยเต็มๆ ตัวละครนี้จะช่วยเสริมบทให้แก่หนุ่มน้อยนักประดิษฐ์ได้แข็งแกร่ง
และฉากเรียกน้ำตาทำได้ดีมากๆซึ่งผมจะกล่าวต่อไป
4. อารมณ์
เรื่องนี้มันดราม่าและสนุกและบู๊ไปพร้อมกันครับ ตามที่ผมได้เกริ่นไปตอนแรกคือครบรสชาติครับ
และในส่วนของอารมณ์อื่นๆก็ทำได้ดีด้วย ไม่ใช่เป็นการยัดเยียดให้เรารู้สึกคล้อยตามไปตามอารมณ์นั้นๆ
โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ผมคิดว่าทำได้ดีมากถึงมากที่สุด บางฉากไม่ได้ใช้คำพูดอะไรเลยก็ทำให้เราน้ำตาซึมได้เลยทีเดียว
และแน่นอนครับว่านี่ไม่ใช่อนิเมชั่นที่ดราม่าล้วน แถมยังหาจุดที่สามารถแทรกอารมณ์ได้อีกต่างหาก
ถือว่าได้ตลกและน้ำตาตกได้เพียงแค่ภายใน 5 นาทีครับ นี่อีกจุดหนึ่งของหนังที่ผมชอบมากๆ
5. จบ
ตอนจบของหนังเรื่องนี้อาจดูธรรมดา แต่จบชัดเจนครับ จบ Happy Ending และอาจจะมากกว่า Happy Ending ด้วย
และจบสไตล์เดิมๆของอนิเมชั่นคือการสู้กับเหล่าวายร้ายแล้วจบ แต่ถ้าผมย่นตอนจบเหลือครึ่งทางแล้วให้หาทางต่อไปว่า
อีกครึ่งทางที่เหลือเนื้อเรื่องจะเป็นยังไง ผมว่าคำตอบมีพันแปดครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมชอบจริงๆคือ
การทำให้เนื้อเรื่องระหว่างทางที่เรากำลังเพลิดเพลินและร่องลอยไปไกล ค่อยๆกับมาที่เดิมแล้วปิดลงอย่างสวยงาม
นี่ก็คือสาเหตุทั้งหมดที่ผมชอบเรื่องนี้มากๆและคิดว่านี่เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆคนจะต้องหลงรัก
ด้วยตัวละคร เนื้อเรื่อง ภาพ อารมณ์และตอนจบที่ประสานกันได้อย่างลงตัว
ผมคิดว่านี่เป็นอนิเมชั่นอีกเรื่องหนึ่งที่ดีมากๆ และควรดูครับผม
และมาถึงเนื้อหาที่ผมจะสปอยและพูดเพิ่มเติมอีกเล็กๆน้อยเพื่อเก็บประเด็นให้ครับผม
[คำเตือน : เนื้อหาด้านล่างนี้เป็นการสปอยเนื้อเรื่องภาพยนตร์ อาจทำให้คุณเสียอถรรสได้ ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
.
.
.
1. พี่ชาย ทาดาชิ ฮามาดะ
เป็นตัวละครที่ผมชอบพอๆกับเบย์แม็กเลยนะ เพราะทุกครั้งที่ไอ้นี่โผล่มา ผมถึงกับน้ำตาซึมเลย
มีฉากนึงที่ผมชอบมากๆเป็นฉากที่เบย์แม็กฉายภาพย้อนหลังที่พี่ชายสร้างเบย์แม็กขึ้นมา
มันให้อารมณ์ที่โหวงๆในใจยังไงไม่รู้และเป็นฉากที่ผมชอบมากๆในเรื่องนี้เลยละ
2. เบย์แม็ก
ถ้าเรื่องนี้ชื่อ Baymax หุ่นยนต์ใสซื่อตัวอ้วนพุงพรุ้ย จะทำให้คะแนนออกมาดีกว่านี้แน่นอน
เนื่องจากเจ้านี่แย่งซีน เรียกได้ว่าแทบทุกงานไม่ว่าจะฉากฮา และฉากบู๊แต่ก็ยังฮาได้ รวมไปถึงโมเม้นท์น่ารักๆ
โดยเฉพาะที่เบย์แม็กพยายามกอดฮิโระเพื่อให้ความอบอุ่น และความซื่อๆของเบย์แม็กที่ทำให้หลุดขำไม่ได้
และฉากถ่านหมดที่หัวเราะแล้ว หัวเราะอีกจนไม่รู้จะหัวเราะยังไงแล้วแทบทำพาผมหลงรักตัวละครนี้เต็ม
ส่วนฉากดราม่าที่ทำได้ดีมากๆ
โดยเฉพาะฉากจากลาของฮิโระกับเบย์แม็กที่ทำให้ผมรู้สึกเบย์แม็กไม่ใช่หุ่นยนต์อีกต่อไปแล้ว
มันเริ่มมีความรู้สึกและมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น จนทำให้ฉากนี้เป็นอีกฉากที่ผมชอบมากจริงๆ
3. ฮิโระ ฮามาดะ พระเอกของเรา
เป็นตัวละครมีมิติมาก เช่นอย่างตอนฉากที่พยายามจะฆ่าศาสตร์จารย์เพราะความโกรธ
แต่สุดท้ายก็รั้งสติกลับมาได้ มันทำให้ตอนจบไม่ดูง่ายไปและยังพอเนื้อเรื่องได้อยู่อีกทั้งยังพาไปฉากเรียกน้ำตา
และดึงบทเบย์แม็กให้ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งเป็นจุดที่ผมคิดว่าตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่ผมชอบมากๆด้วยเช่นกัน
แต่ความโดดเด่นของพระเอกนี้ผมไม่ค่อยเห็นมากเท่าไหร่นะ เนื่องจากอยู่ใกล้ๆกับตัวละครจอมแย่งซีนอย่าง
เบย์แม็กและพี่ชายอีก
4. ไมโครบอท
ผมว่าหนังเสนอในสิ่งที่เป็นไปได้และสามารถตอบคำถามที่ถามว่า หุ่นยนต์อะไรคือหุ่นยนต์ที่ดีที่สุด
ไมโครบอทตอบโจทย์ครับ และยังเป็นได้สูงมากในอนาคตอีกด้วย เพราะฉะนั้นนี้จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมคล้อยตามไปกับ
เนื้อเรื่องตอนที่ฮิโระแสดงพลังของเขาว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
(เอาจริงๆนะ ผมว่าฮิโระไม่ต้องเรียนหรอก ไปก่อตั้งบริษัทเถอะ)
สุดท้ายแล้วก็ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับผม
ถ้ามีประเด็นอะไรจะถกเถียงหรือร่วมเสนอก็ยินดีรับฟังครับผม
ก่อนจากกันก็แถมภาพน่ารักๆสักภาพครับ
ทำไมผมดู Big Hero 6 แล้วรู้สึกว่าชอบมากๆ ?
ผมได้แวะเวียนอ่านรีวิวต่างๆใน pantip เล็กน้อย แต่หลายรีวิวจะอยู่ประมาณกลางๆ
ส่วนมากจะเป็นเพราะว่าเนื้อเรื่องเดาได้ง่าย และพล็อตเดิมไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนหรือหวือหวามากนัก
ทำไมผมดูจบแล้วรู้สึกว่าอิ่มมากๆ ชอบมากๆกับหนังเรื่องนี้
มันเกินความคาดหมายที่ผมคิดไปหลายๆอย่าง
ผมก็เลยตั้งกระทู้นี้เพื่อชักชวนให้คนที่สนใจจะหาหนังดูสักเรื่องแต่ไม่รู้ว่าจะเลือกเรื่องอะไร
ก็เลยอยากขอแนะนำเรื่องนี้ให้คุณดูละกันครับผม
และขอรีวิวหนังเรื่องนี้สักเล็กน้อย
และขอพูดในฐานะที่อวยหนังเรื่องนี้สุดกู่หน่อยนะครับผม ว่าทำไมผมถึงชอบหนังเรื่องนี้มากๆ
[เนื้อหาส่วนนี้ไม่ได้เป็นการสปอยเนื้อเรื่องแต่อย่างใด สามารถอ่านได้ครับโดยไม่เสียอถรรสของหนัง]
1. เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องสำหรับอนิเมชั่น ผมว่าเนื้อเรื่องเรื่องนี้จัดอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปเร็ว
มันไม่ใช่แค่การหุ่นยนต์ต่อสู้กับตัวร้ายแล้วจบ แต่ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเนื้อเรื่องที่คอยสอดแทรกในเรื่องทำให้คุณหลงรักเรื่อยๆ
เริ่มจาก 0 แล้วค่อยๆพุ่งทะยานถึง 100 มีเรื่องราวๆต่างๆให้เราค่อยติดตามติดอยู่กับเก้าอี้โดยไม่เบื่อไปไหนเลย
เนื้อเรื่องอาจจะเป็นการที่สู้กับเหล่าวายร้ายและจบก็จริง ที่ยังมีประเด็นอื่นที่อาจทำให้คุณน้ำตาซึมได้
เนื่อเรื่องอาจจะเป็นเส้นตรงก็จริง แต่เป็นเส้นตรงหลายๆอันมาต่อกันครับ และทุกๆเส้นตรงจะมีอะไรให้คุณหลงรักมากขึ้นเรื่อย
มากเรื่อยๆจนอิ่มเอิบใจ เอาจริงๆนะครับ ตอนแรกที่ผมดูนั้น
- ช่วงแรกๆของหนัง ทำให้ผมนึกถึง Monster University ยังไงอย่างนั้นเลย
- พอเข้าช่วยสอง เกือบถึงกลางเรื่อง ให้ความรู้สึกเศร้ามาก นึกเรื่องไม่ออกครับว่าจะคล้ายเรื่องอะไร
- พอเบย์แม็กปรากฏตัว นึกถึง How to trains your dragon เราได้หลงรักไอ้ตัวมาสคอตใหม่เสียแล้ว
หุ่นยนต์อะไรน่ารัก น่ากอด น่าจับแล้วเอามาไว้ในบ้านจริงๆ คุณจะรู้สึกตลกได้ทั้งเรื่องจนเกือบจบครับ
- ช่วงท้าย นึกถึง กังฟูแพนด้า ฉากบู๊สะหั่นบั่นแหลก ต่อสู้รัดฟัดเหนี่ยวจนจบ และก็ปิดท้ายเรื่องได้อย่างสวยงาม
การดูหนังเรื่องนี้เหมือนกับการที่คุณเปิดนิทานก่อนนอนสักเล่ม คุณรู้อยู่แล้วว่าตอนจบมันเป็นยังไง
แต่คุณก็สนุกกับระหว่างของเนื้อเรื่องที่ทำให้คุณเพลิดเพลินกับมันได้
2. ภาพ
ภาพในเรื่องนี้นั้นตระกานตามากๆเลยครับ โดยเฉพาะเมืองที่ผมชอบมากๆ ตั้งแต่ฉากที่เห็นแค่ซอยไม่ก็ตึกเล็ก จนกระทั่งเห็นทั้งเมือง
เมืองที่มีลักษณะไปทางอเมริกาแต่ยังมีกลิ่นอายจากญี่ปุ่นเก่าๆผสมอยู่ แล้วเอาสองอย่างที่ผสมกันอย่างลงตัวนี้ อัพเกรดเข้าสู่ยุคไฮเทคและทันสมัย
ผมว่าเขาทำได้ดีมากๆเลยครับสำหรับงานภาพส่วนนี้
และแน่นอนว่าเรื่องทั้งเรื่องนี้จะพาคุณไปหลายที่มากๆ ไม่ได้ซ้ำซากจำเจอยู่ที่บ้านหรือตึกเก่าๆที่เห็นจนเบื่อตลอดทั้งเรื่อง
แต่มันค่อยๆมีอะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในระหว่างทาง ยิ่งฉากใกล้จบนั้นเป็นอีกฉากที่ผมชอบมาก
อยากจะตั้งเป็น Background โทรศัพท์ซะเลย
3. ตัวละคร
ตัวละครเอกของเราที่มาแรงมากๆคือ Baymax หุ่นยนต์น่ารักตัวอ้วนพุงพรุ้ยตัวนี้ที่ทำให้หลายๆคนตกหลุมรักได้
อาจจะมีหลายรีวิวที่กล่าวไว้ว่าตัวละครนี้ได้แย่งซีนจาก Hero ตัวอื่นๆจนหมด แต่ผมกลับเห็นว่าสิ่งที่เนื้อเรื่องจะนำเสนอนั้น
มันค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วครับ เพราะหนังได้โฟกัสไปที่ตัวละคร หนุ่มน้อยน่ารักที่รักการประดิษฐ์เป็นชีวิตจิตใจ ฮิโระ ฮามาดะ
ที่เป็นเพื่อนคู่กายของเบย์แม็กตั้งแต่แรกแล้ว เลยทำให้ผมคิดว่าการกระจายบทของตัวละครนั้นไม่ได้แย่อย่างที่ดี
แถมยังดีด้วยซ้ำที่กระจายบทให้ตัวละครอื่นได้มากขนาดนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะผมยังไม่เคยอ่านต้นฉบับเรื่องเลยทำให้ผมคิดอย่างนี้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
"เด็กคนหนึ่งที่หาเพื่อนร่วมทีมเพื่อจะต่อสู้กับเหล่าวายครับผม" ไม่ใช่เป็นการที่
"ทีมฮีโร่สุดล้ำช่วยกันกู้โลกเพื่อจัดการวายร้ายมากกว่าครับ"
ถ้าคุณคิดแบบผมในประโยคแรกจะทำให้ประเด็นเรื่องการกระจายตัวละครไม่สมเหตุสมผลนี้บางลงเลยครับ
อีกตัวละครหนึ่งที่ผมชอบมากๆ และชอบพอๆกับเบย์แม็กเลย เป็นตัวละครที่เรียกน้ำตาได้ดีมากไม่ขอบอกว่าเป็นใคร
แต่คุณอาจจะหลงรักตัวละครนี้ไปด้วยเต็มๆ ตัวละครนี้จะช่วยเสริมบทให้แก่หนุ่มน้อยนักประดิษฐ์ได้แข็งแกร่ง
และฉากเรียกน้ำตาทำได้ดีมากๆซึ่งผมจะกล่าวต่อไป
4. อารมณ์
เรื่องนี้มันดราม่าและสนุกและบู๊ไปพร้อมกันครับ ตามที่ผมได้เกริ่นไปตอนแรกคือครบรสชาติครับ
และในส่วนของอารมณ์อื่นๆก็ทำได้ดีด้วย ไม่ใช่เป็นการยัดเยียดให้เรารู้สึกคล้อยตามไปตามอารมณ์นั้นๆ
โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ผมคิดว่าทำได้ดีมากถึงมากที่สุด บางฉากไม่ได้ใช้คำพูดอะไรเลยก็ทำให้เราน้ำตาซึมได้เลยทีเดียว
และแน่นอนครับว่านี่ไม่ใช่อนิเมชั่นที่ดราม่าล้วน แถมยังหาจุดที่สามารถแทรกอารมณ์ได้อีกต่างหาก
ถือว่าได้ตลกและน้ำตาตกได้เพียงแค่ภายใน 5 นาทีครับ นี่อีกจุดหนึ่งของหนังที่ผมชอบมากๆ
5. จบ
ตอนจบของหนังเรื่องนี้อาจดูธรรมดา แต่จบชัดเจนครับ จบ Happy Ending และอาจจะมากกว่า Happy Ending ด้วย
และจบสไตล์เดิมๆของอนิเมชั่นคือการสู้กับเหล่าวายร้ายแล้วจบ แต่ถ้าผมย่นตอนจบเหลือครึ่งทางแล้วให้หาทางต่อไปว่า
อีกครึ่งทางที่เหลือเนื้อเรื่องจะเป็นยังไง ผมว่าคำตอบมีพันแปดครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมชอบจริงๆคือ
การทำให้เนื้อเรื่องระหว่างทางที่เรากำลังเพลิดเพลินและร่องลอยไปไกล ค่อยๆกับมาที่เดิมแล้วปิดลงอย่างสวยงาม
นี่ก็คือสาเหตุทั้งหมดที่ผมชอบเรื่องนี้มากๆและคิดว่านี่เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆคนจะต้องหลงรัก
ด้วยตัวละคร เนื้อเรื่อง ภาพ อารมณ์และตอนจบที่ประสานกันได้อย่างลงตัว
ผมคิดว่านี่เป็นอนิเมชั่นอีกเรื่องหนึ่งที่ดีมากๆ และควรดูครับผม
และมาถึงเนื้อหาที่ผมจะสปอยและพูดเพิ่มเติมอีกเล็กๆน้อยเพื่อเก็บประเด็นให้ครับผม
[คำเตือน : เนื้อหาด้านล่างนี้เป็นการสปอยเนื้อเรื่องภาพยนตร์ อาจทำให้คุณเสียอถรรสได้ ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายแล้วก็ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับผม
ถ้ามีประเด็นอะไรจะถกเถียงหรือร่วมเสนอก็ยินดีรับฟังครับผม
ก่อนจากกันก็แถมภาพน่ารักๆสักภาพครับ