กำลังค้นคว้าข้อมูลเรื่องข้าวอยู่ เสิร์ทไปเสิร์ทมา ไปเจอกระทู้เก่าของตัวเองเมื่อปีที่แล้วในกูเกิ้ลเข้า กลับเข้าไปอ่านอีกครั้ง
แล้วก็บอกความรู้สึกกับตัวเองไม่ถูกเลย สมน้ำหน้า ? สมเพช ? สมใจนึก อะไรดีกว่ากัน ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนสมัยรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ม็อบสวนยางปิดถนนขวางทางลงภาคใต้เรียกร้องให้รัฐบาลประกันราคายาง กก. ละ 120 บาท
และ มติ ครม. สมัยนั้นได้อนุมัติเงินช่วยเหลือการลงทุนให้กับชาวสวนยางไร่ละ 2,520 บาท ไม่เกินรายละ 25 ไร่นั้น
(ตอนที่ตั้งกระทู้ที่ลิงค์มานั้น รัฐบาลยังไม่สรุปจำนวนเงินที่แน่นอนค่ะ) ดิฉันเป็นคนที่ออกมาตั้งกระทู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์
ที่มีทีท่าว่าจะรับข้อเสนอมาพิจารณา ท่ามกลางความหมั่นไส้ของพี่หลิ่มสาบ รดน. หลายคน หาว่าดิฉันสร้างภาพบ้างล่ะ พูดเอาเท่บ้างล่ะ
อยากโชว์พาวด์บ้างล่ะ อวดรวยบ้างล่ะ สารพัดจะหมั่นไส้กันไป .... แต่ดิฉันก็ไม่สน เพราะความคิดของดิฉันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ใครจะไปคาดคิดว่าตอนนี้ราคายางจะเป็น 3 โล 100 อย่างที่เขาว่า อีกหน่อยก็จะเป็น 4 โล 100 … 5 โล 100 และ บลา ๆๆ
ที่พูดกัน 3 โล 100 นี่คือราคายางแผ่นนะคะ แต่ถ้าเป็นขี้ยางก็ 5 โล 100 เรียบร้อยแล้วจ้า
ไม่ใช่ดิฉันไม่ศึกษาเรื่องยางพาราตอนก่อนจะปลูกนะคะ แต่ตอนนั้นดิฉันยังทำงานบริษัทอยู่ อาจจะศึกษาผิดพลาดไปบ้าง ด้วยยังต้อง
เต็มที่กับหน้าที่การงานประจำมากกว่าการมานั่งค้นคว้าหาข้อมูลช่วยพ่อ แต่ดิฉันกับพ่อได้ประเมินกันแล้วว่า ถ้าราคายางแผ่นตกลงมา
อยู่ที่ กก.ละ 60 บาท หรือเศษยางหรือขี้ยาง กก. ละ ไม่ต่ำกว่า 25 บาท เราอยู่กันได้ ถือว่าคุ้มทุนในระยะเวลา 5 ปีค่ะ
(ยางเปิดหน้าใหม่ น้ำยางไม่ค่อยออก ปีหนึ่งกรีดยางได้เฉลี่ย 7 เดือน)
แต่ความมั่นใจของพ่อและดิฉัน (ซึ่งยังไม่สนใจการเมือง)ในตอนนั้น (ปี 2547) มั่นใจในฝีมือการบริหารประเทศของนายกฯลุงแม้วทักษิณ
อย่างเต็มเปี่ยม (ลุงแม้วอายุมากกว่าพ่อ เรียกลุงน่ะถูกต้องแล้ว พ่อรู้จักลุงแม้วดี แต่ลุงแม้วไม่รู้จักพ่อหรอก อิอิ)
โดยเฉพาะพ่อนั้นมั่นใจมาก ว่าลุงแม้วจะไม่มีวันยอมให้ราคายางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศมีราคาตกต่ำไปกว่าที่เรา
ประเมินกันไว้ เพราะในสมัยลุงแม้ว ได้ริเริ่มเจรจาร่วมมือกันจัดตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนยางพารากับประเทศผู้ผลิตยางพารา ที่ประกอบ
ไปด้วย ไทย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย เพื่อให้ราคายางเสถียรภาพโดยจะเป็นผู้กำหนดราคายางในตลาดโลกเอง พ่อจึงเดินหน้าปลูกยาง
ซะแทบจะเต็มพื้นที่ทำกิน (ดีนะที่พ่อไม่ถมที่นาปลูกยาง เฮ้อ !)
.... แต่แล้วฮีโร่แม้วของพ่อ ก็ถูก คมช. ปฏิวัติซ้าาาาา ...
กระทู้นี้ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เห็นเพื่อนๆออกมาตั้งกระทู้เรื่องราคายางกันมาก ก็เลยขอเกาะกระแส เพราะบังเอิญเข้าไปเจอกระทู้ตัวเองเข้า
อย่างที่ว่า ก็เลยรู้สึกสับสนและเริ่มไม่มั่นใจกับการวิเคราะห์ข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของตัวเอง กลัวการผิดพลาดอีก
ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องข้าวอยู่ก็เลยรู้สึกกลัวๆ อ่ะค่ะ
แต่จะทำไงได้ล่ะคะ ชาวนาชาวสวน ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ทรัพย์สมบัติที่เป็นรูปธรรมอะไร นอกเหนือจากที่ทำกินที่พ่อแม่ให้มา ก็ไม่มี
ก็คงต้องเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไป ตามกำลังสติปัญญา ความรู้ความสามารถ ที่พ่อแม่อุตส่าห์เหนื่อยยากส่งเสียให้เล่าเรียนมา
ก็ขอให้กำลังใจเพื่อนๆทุกท่านที่กำลังประสบปัญหาและอุปสรรค์ในการประกอบอาชีพ ท่ามกลางสภาวะทางการเมืองที่ยังอึมครึม ที่ไม่รู้ว่า
ประเทศจะเดินไปทางไหนอยู่ในขณะนี้ สู้ๆ นะคะ
edit: แก้ไขข้อความจาก คสช. เป็น คมช. ค่ะ ขอขอบคุณคุณสมาชิกหมายเลข 1764835 ที่กรุณาช่วยแจ้งเตือนค่ะ
+ + + ชาวสวนยางอย่างดิฉัน ชักจะไม่มีความสุขขึ้นทุกวันแล้ว (เพชรน้ำนิล) + + +
กำลังค้นคว้าข้อมูลเรื่องข้าวอยู่ เสิร์ทไปเสิร์ทมา ไปเจอกระทู้เก่าของตัวเองเมื่อปีที่แล้วในกูเกิ้ลเข้า กลับเข้าไปอ่านอีกครั้ง
แล้วก็บอกความรู้สึกกับตัวเองไม่ถูกเลย สมน้ำหน้า ? สมเพช ? สมใจนึก อะไรดีกว่ากัน ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนสมัยรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ม็อบสวนยางปิดถนนขวางทางลงภาคใต้เรียกร้องให้รัฐบาลประกันราคายาง กก. ละ 120 บาท
และ มติ ครม. สมัยนั้นได้อนุมัติเงินช่วยเหลือการลงทุนให้กับชาวสวนยางไร่ละ 2,520 บาท ไม่เกินรายละ 25 ไร่นั้น
(ตอนที่ตั้งกระทู้ที่ลิงค์มานั้น รัฐบาลยังไม่สรุปจำนวนเงินที่แน่นอนค่ะ) ดิฉันเป็นคนที่ออกมาตั้งกระทู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์
ที่มีทีท่าว่าจะรับข้อเสนอมาพิจารณา ท่ามกลางความหมั่นไส้ของพี่หลิ่มสาบ รดน. หลายคน หาว่าดิฉันสร้างภาพบ้างล่ะ พูดเอาเท่บ้างล่ะ
อยากโชว์พาวด์บ้างล่ะ อวดรวยบ้างล่ะ สารพัดจะหมั่นไส้กันไป .... แต่ดิฉันก็ไม่สน เพราะความคิดของดิฉันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ใครจะไปคาดคิดว่าตอนนี้ราคายางจะเป็น 3 โล 100 อย่างที่เขาว่า อีกหน่อยก็จะเป็น 4 โล 100 … 5 โล 100 และ บลา ๆๆ
ที่พูดกัน 3 โล 100 นี่คือราคายางแผ่นนะคะ แต่ถ้าเป็นขี้ยางก็ 5 โล 100 เรียบร้อยแล้วจ้า
ไม่ใช่ดิฉันไม่ศึกษาเรื่องยางพาราตอนก่อนจะปลูกนะคะ แต่ตอนนั้นดิฉันยังทำงานบริษัทอยู่ อาจจะศึกษาผิดพลาดไปบ้าง ด้วยยังต้อง
เต็มที่กับหน้าที่การงานประจำมากกว่าการมานั่งค้นคว้าหาข้อมูลช่วยพ่อ แต่ดิฉันกับพ่อได้ประเมินกันแล้วว่า ถ้าราคายางแผ่นตกลงมา
อยู่ที่ กก.ละ 60 บาท หรือเศษยางหรือขี้ยาง กก. ละ ไม่ต่ำกว่า 25 บาท เราอยู่กันได้ ถือว่าคุ้มทุนในระยะเวลา 5 ปีค่ะ
(ยางเปิดหน้าใหม่ น้ำยางไม่ค่อยออก ปีหนึ่งกรีดยางได้เฉลี่ย 7 เดือน)
แต่ความมั่นใจของพ่อและดิฉัน (ซึ่งยังไม่สนใจการเมือง)ในตอนนั้น (ปี 2547) มั่นใจในฝีมือการบริหารประเทศของนายกฯลุงแม้วทักษิณ
อย่างเต็มเปี่ยม (ลุงแม้วอายุมากกว่าพ่อ เรียกลุงน่ะถูกต้องแล้ว พ่อรู้จักลุงแม้วดี แต่ลุงแม้วไม่รู้จักพ่อหรอก อิอิ)
โดยเฉพาะพ่อนั้นมั่นใจมาก ว่าลุงแม้วจะไม่มีวันยอมให้ราคายางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศมีราคาตกต่ำไปกว่าที่เรา
ประเมินกันไว้ เพราะในสมัยลุงแม้ว ได้ริเริ่มเจรจาร่วมมือกันจัดตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนยางพารากับประเทศผู้ผลิตยางพารา ที่ประกอบ
ไปด้วย ไทย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย เพื่อให้ราคายางเสถียรภาพโดยจะเป็นผู้กำหนดราคายางในตลาดโลกเอง พ่อจึงเดินหน้าปลูกยาง
ซะแทบจะเต็มพื้นที่ทำกิน (ดีนะที่พ่อไม่ถมที่นาปลูกยาง เฮ้อ !)
กระทู้นี้ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เห็นเพื่อนๆออกมาตั้งกระทู้เรื่องราคายางกันมาก ก็เลยขอเกาะกระแส เพราะบังเอิญเข้าไปเจอกระทู้ตัวเองเข้า
อย่างที่ว่า ก็เลยรู้สึกสับสนและเริ่มไม่มั่นใจกับการวิเคราะห์ข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของตัวเอง กลัวการผิดพลาดอีก
ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องข้าวอยู่ก็เลยรู้สึกกลัวๆ อ่ะค่ะ
แต่จะทำไงได้ล่ะคะ ชาวนาชาวสวน ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ทรัพย์สมบัติที่เป็นรูปธรรมอะไร นอกเหนือจากที่ทำกินที่พ่อแม่ให้มา ก็ไม่มี
ก็คงต้องเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไป ตามกำลังสติปัญญา ความรู้ความสามารถ ที่พ่อแม่อุตส่าห์เหนื่อยยากส่งเสียให้เล่าเรียนมา
ก็ขอให้กำลังใจเพื่อนๆทุกท่านที่กำลังประสบปัญหาและอุปสรรค์ในการประกอบอาชีพ ท่ามกลางสภาวะทางการเมืองที่ยังอึมครึม ที่ไม่รู้ว่า
ประเทศจะเดินไปทางไหนอยู่ในขณะนี้ สู้ๆ นะคะ
edit: แก้ไขข้อความจาก คสช. เป็น คมช. ค่ะ ขอขอบคุณคุณสมาชิกหมายเลข 1764835 ที่กรุณาช่วยแจ้งเตือนค่ะ