Big Hero 6: ฮีโร่ไฮบริดจ์
ฮิโระ เด็กหนุ่มกำพร้าอัจฉริยะในการประกอบจักรกลและหุ่นยนต์แห่งเมืองซานฟรานโซเกียว ผู้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยกับการแข่งขันหุ่นยนต์หาเงินไปวันๆ ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตเมื่อเริ่มมองเห็นจุดหมายของชีวิต ใช้อัฉริยะภาพของตัวเองในการผลิตจักรกลไมโครบอทที่จะเป็นเทคโนโลยีก้าวกระโดดสำหรับมนุษยชาติ แต่กลับต้องเจอกับความสูญเสียแบบไม่ตั้งตัว เหลือไว้เพียงเบย์แมกซ์ หุ่นยนต์พยาบาลท่าทางเป็นมิตรเป็นเพื่อน และเมื่อเขาบังเอิญรู้ว่าไมโครบอทของเขากำลังถูกโจรกรรมและนำไปใช้ในทางที่ผิด เขาจึงจัดการอัพเกรดหุ่นพยาบาลไม่มีพิษสงให้กลายเป็นหุ่นนักสู้ และรวมกลุ่มกับเด็กเนิร์ดกลุ่มหนึ่งเกิดเป็นทีม Big Hero 6 ซึ่งมีความสามารถทางวิทยาศาสตร์เป็นอาวุธ และออกปฏิบัติการค้นหาความจริง ยับยั้งสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น และเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการต่างๆ
จากคอมมิคของมาร์เวล มาเป็นอนิเมชั่นของดีสนีย์ที่ดัดแปลงจนแทบไม่มีกลิ่นของมาร์เวลแต่กลับไปคล้ายคลึงกับอนิเมะของฝั่งญี่ปุ่นที่มีตัวละคร เรื่องราว และความประทับใจแบบดีสนีย์มากกว่า ด้วยโครงเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่นัก และมีกลิ่นของหนังเก่าๆหลายเรื่อง (ตั้งแต่ Ghostbuster, Terminator2, The Incredible จนถึง Interstellar) แต่หนังมีจุดที่มาทดแทนอย่างการออกแบบคาแรกเตอร์ที่น่ารัก ฉากหลังที่สร้างสรรค์แปลกตา และความซาบซึ้งจากความผูกพันของตัวละคร ทำให้กลายเป็นหนังอนิเมชั่นที่ดีอีกเรื่องหนึ่งของดีสนีย์
โดน1 หุ่นเบย์แม็กซ์ที่น่ารัก น่ากอด มุ้งมิ้งฟรุ้งฟิ้ง การออกแบบความสามารถต่างๆของเบย์แม็กซ์ และความเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพของการออกแบบนี้
โดน2 เมืองซานฟรานโซเกียวที่ผสมผสานทั้งอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างลงตัว แปลกตา ตั้งแต่สะพานโกลเด้นเกท ทะเล รถราง และบ้านเมืองสูงๆตำ่ๆของซานฟราน ผสมกับสถาปัตย์ หน้าตาอาคาร ยานพาหนะ ป้ายชื่อร้าน ป้ายโฆษณา ซากุระ และว่าวปลาแขวนลอยบนฟ้าแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการสอดประสานกันรองรับตัวหนังทั้งเรื่อง
โดน3 ไม่ใช่เฉพาะเมือง แต่เป็นหนังทั้งเรื่องที่เป็นการผสมผสานกันของสองสองสิ่ง เช่นเบย์แม็กซ์ที่เป็นหุ่นตุ้ยนุ้ยนุ่มนิ่มยืดหยุ่น แต่ถูกยัดลงไปในเกราะแข็งเมื่อต้องเปลี่ยนเป็นหุ่นนักสู้ การบังคับหุ่นเบย์แม็กซ์ที่ฮิโระต้องเกาะอยู่ด้านหลัง ไมโครบอทที่ต้องอาศัยสมองมนุษย์เป็นตัวสั่งการ ซึ่งไปรองรับกับตัวหนังที่ว่าเป็นการผสมกันระหว่างมาร์เวลคอมมิคและดีสนีย์
โดน4 แม้ว่าหน้าหนังจะออกมาเป็นดีสนีย์มากกว่ามาร์เวล หนังก็ยังอุตส่าห์ใส่เอกลักษณ์หนังมาร์เวลลงไปเป็นกิมมิคเอาใจแฟนมาร์เวลได้ นั่นคือ การมี end credit และการ cameo ของสแตน ลี
โดน5 ดีสนีย์กล้าออกจาก comfort zone ของตัวเองมากขึ้น ทั้งกับเนื้อเรื่อง และการสูญเสียพลัดพรากที่ปรากฏในหนัง
ไม่โดน1 ในขณะเบย์แม็กซ์และฮิโระโดดเด่น สมาชิกคนอื่นๆในทีมที่ออกแบบความสามารถให้แตกต่าง น่าสนใจ แต่ไม่สามารถใช้ความสามารถนั้นมารองรับเรื่องราวได้ ต่างคนต่างมา โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นทีมอย่าง X-Men หรือแม้แต่ The Incredible ที่สมาชิกต่างใช้ความโดดเด่นของตนเสริมให้เพื่อนหรือไปเติมเต็มจุดอ่อนของเพื่อนได้ แต่ในเรื่องนี้ยังไม่เห็น
ไม่โดน2 ตัวเรื่องที่ง่ายและเป็นสูตรสำเร็จ ไม่ซับซ้อน มีช่วงให้ประทับใจ ทำให้เหมาะกับคนดูที่เป็นเด็ก แต่คนที่โตหน่อยหรือดูหนังมามากพอควร นอกจากการดีไซน์และรายละเอียดต่างๆแล้ว หนังไม่ได้มีอะไรให้น่าติดตามมากนัก
ไม่โดน 3 3D ซึ่งเป็นเรื่องปกติของดีสนีย์อนิเมชั่นที่ 3D เน้นสร้างความตื้นลึกของภาพ มากกว่าสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจหรือลูกเล่นต่างๆ ข้อแนะนำสำหรับคนดูทั่วไป เรื่องนี้ 3D ไม่จำเป็นครับ (หมายเหตุ: เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ดู 4D จึงตื่นตาตื่นใจกับระบบ 4D พอควร แต่ก็ยังรู้สึกกว่างานภาพ ดูแค่ 2D ก็ได้)
ไม่โดน4 หนังการ์ตูนสั้นปะหัวหนังจริง ซึ่งปกติจะแสดงความโดดเด่นของดีสนีย์ทั้งในแง่การสร้างสรรค์ การเล่าเรื่อง ความแปลกใหม่ และการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ แต่กับ Feast หนังปะหัวในครั้งนี้ ที่ก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ธรรมดาไปหน่อย
ไม่โดน5 ในขณะที่สาระหรือ massage ที่หนังจะสื่ออย่างหนึ่ง คือการมองมุมกลับหรือคิดนอกกรอบ ที่เป็นจุดหักเหหลายครั้ง. แต่ก็ยังไม่ใช่ massage ที่โดนหรือมี impack ต่อคนดู เพราะสิ่งที่มองมุมกลับที่แสดงในหนัง ก็ไม่ได้ถึงกับร้องว้าวอะไร
อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่
https://m.facebook.com/MovieReviewByPong?refsrc=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F&_rdr
Big Hero 6: ฮีโร่ไฮบริดจ์ (สปอยด์เล็กน้อย)
ฮิโระ เด็กหนุ่มกำพร้าอัจฉริยะในการประกอบจักรกลและหุ่นยนต์แห่งเมืองซานฟรานโซเกียว ผู้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยกับการแข่งขันหุ่นยนต์หาเงินไปวันๆ ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตเมื่อเริ่มมองเห็นจุดหมายของชีวิต ใช้อัฉริยะภาพของตัวเองในการผลิตจักรกลไมโครบอทที่จะเป็นเทคโนโลยีก้าวกระโดดสำหรับมนุษยชาติ แต่กลับต้องเจอกับความสูญเสียแบบไม่ตั้งตัว เหลือไว้เพียงเบย์แมกซ์ หุ่นยนต์พยาบาลท่าทางเป็นมิตรเป็นเพื่อน และเมื่อเขาบังเอิญรู้ว่าไมโครบอทของเขากำลังถูกโจรกรรมและนำไปใช้ในทางที่ผิด เขาจึงจัดการอัพเกรดหุ่นพยาบาลไม่มีพิษสงให้กลายเป็นหุ่นนักสู้ และรวมกลุ่มกับเด็กเนิร์ดกลุ่มหนึ่งเกิดเป็นทีม Big Hero 6 ซึ่งมีความสามารถทางวิทยาศาสตร์เป็นอาวุธ และออกปฏิบัติการค้นหาความจริง ยับยั้งสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น และเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการต่างๆ
จากคอมมิคของมาร์เวล มาเป็นอนิเมชั่นของดีสนีย์ที่ดัดแปลงจนแทบไม่มีกลิ่นของมาร์เวลแต่กลับไปคล้ายคลึงกับอนิเมะของฝั่งญี่ปุ่นที่มีตัวละคร เรื่องราว และความประทับใจแบบดีสนีย์มากกว่า ด้วยโครงเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่นัก และมีกลิ่นของหนังเก่าๆหลายเรื่อง (ตั้งแต่ Ghostbuster, Terminator2, The Incredible จนถึง Interstellar) แต่หนังมีจุดที่มาทดแทนอย่างการออกแบบคาแรกเตอร์ที่น่ารัก ฉากหลังที่สร้างสรรค์แปลกตา และความซาบซึ้งจากความผูกพันของตัวละคร ทำให้กลายเป็นหนังอนิเมชั่นที่ดีอีกเรื่องหนึ่งของดีสนีย์
โดน1 หุ่นเบย์แม็กซ์ที่น่ารัก น่ากอด มุ้งมิ้งฟรุ้งฟิ้ง การออกแบบความสามารถต่างๆของเบย์แม็กซ์ และความเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพของการออกแบบนี้
โดน2 เมืองซานฟรานโซเกียวที่ผสมผสานทั้งอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างลงตัว แปลกตา ตั้งแต่สะพานโกลเด้นเกท ทะเล รถราง และบ้านเมืองสูงๆตำ่ๆของซานฟราน ผสมกับสถาปัตย์ หน้าตาอาคาร ยานพาหนะ ป้ายชื่อร้าน ป้ายโฆษณา ซากุระ และว่าวปลาแขวนลอยบนฟ้าแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการสอดประสานกันรองรับตัวหนังทั้งเรื่อง
โดน3 ไม่ใช่เฉพาะเมือง แต่เป็นหนังทั้งเรื่องที่เป็นการผสมผสานกันของสองสองสิ่ง เช่นเบย์แม็กซ์ที่เป็นหุ่นตุ้ยนุ้ยนุ่มนิ่มยืดหยุ่น แต่ถูกยัดลงไปในเกราะแข็งเมื่อต้องเปลี่ยนเป็นหุ่นนักสู้ การบังคับหุ่นเบย์แม็กซ์ที่ฮิโระต้องเกาะอยู่ด้านหลัง ไมโครบอทที่ต้องอาศัยสมองมนุษย์เป็นตัวสั่งการ ซึ่งไปรองรับกับตัวหนังที่ว่าเป็นการผสมกันระหว่างมาร์เวลคอมมิคและดีสนีย์
โดน4 แม้ว่าหน้าหนังจะออกมาเป็นดีสนีย์มากกว่ามาร์เวล หนังก็ยังอุตส่าห์ใส่เอกลักษณ์หนังมาร์เวลลงไปเป็นกิมมิคเอาใจแฟนมาร์เวลได้ นั่นคือ การมี end credit และการ cameo ของสแตน ลี
โดน5 ดีสนีย์กล้าออกจาก comfort zone ของตัวเองมากขึ้น ทั้งกับเนื้อเรื่อง และการสูญเสียพลัดพรากที่ปรากฏในหนัง
ไม่โดน1 ในขณะเบย์แม็กซ์และฮิโระโดดเด่น สมาชิกคนอื่นๆในทีมที่ออกแบบความสามารถให้แตกต่าง น่าสนใจ แต่ไม่สามารถใช้ความสามารถนั้นมารองรับเรื่องราวได้ ต่างคนต่างมา โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นทีมอย่าง X-Men หรือแม้แต่ The Incredible ที่สมาชิกต่างใช้ความโดดเด่นของตนเสริมให้เพื่อนหรือไปเติมเต็มจุดอ่อนของเพื่อนได้ แต่ในเรื่องนี้ยังไม่เห็น
ไม่โดน2 ตัวเรื่องที่ง่ายและเป็นสูตรสำเร็จ ไม่ซับซ้อน มีช่วงให้ประทับใจ ทำให้เหมาะกับคนดูที่เป็นเด็ก แต่คนที่โตหน่อยหรือดูหนังมามากพอควร นอกจากการดีไซน์และรายละเอียดต่างๆแล้ว หนังไม่ได้มีอะไรให้น่าติดตามมากนัก
ไม่โดน 3 3D ซึ่งเป็นเรื่องปกติของดีสนีย์อนิเมชั่นที่ 3D เน้นสร้างความตื้นลึกของภาพ มากกว่าสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจหรือลูกเล่นต่างๆ ข้อแนะนำสำหรับคนดูทั่วไป เรื่องนี้ 3D ไม่จำเป็นครับ (หมายเหตุ: เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ดู 4D จึงตื่นตาตื่นใจกับระบบ 4D พอควร แต่ก็ยังรู้สึกกว่างานภาพ ดูแค่ 2D ก็ได้)
ไม่โดน4 หนังการ์ตูนสั้นปะหัวหนังจริง ซึ่งปกติจะแสดงความโดดเด่นของดีสนีย์ทั้งในแง่การสร้างสรรค์ การเล่าเรื่อง ความแปลกใหม่ และการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ แต่กับ Feast หนังปะหัวในครั้งนี้ ที่ก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ธรรมดาไปหน่อย
ไม่โดน5 ในขณะที่สาระหรือ massage ที่หนังจะสื่ออย่างหนึ่ง คือการมองมุมกลับหรือคิดนอกกรอบ ที่เป็นจุดหักเหหลายครั้ง. แต่ก็ยังไม่ใช่ massage ที่โดนหรือมี impack ต่อคนดู เพราะสิ่งที่มองมุมกลับที่แสดงในหนัง ก็ไม่ได้ถึงกับร้องว้าวอะไร
อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่https://m.facebook.com/MovieReviewByPong?refsrc=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F&_rdr