ความเดิม
เนื่องในวันหยุดยาวช่วงวัน Thanksgiving day ของอเมริกา เลยมีโปรแกรมเที่ยวขึ้นในช่วงเวลา 4 วันที่มีอยู่ -- Road trip รอบนี้ เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ Las Vegas และจะไปเยือน US National Park ทั้งหมด 3 แห่ง คือ Zion National Park (2 วัน), Bryce National Park (1 วัน) และสุดท้ายที่ Death Valley National Park (1 วัน)
The Mighty Five in Utah
ตอน 1 : Death Valley :
http://ppantip.com/topic/32930288
ตอน 2 : Zion Canyons :
http://ppantip.com/topic/32935199
ตอนสุดท้ายนี้ว่าด้วยเรื่องของ
Bryce Canyon National Park
Bryce Canyon ก่อตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 1928 ชื่อ Bryce Canyon แต่จริงๆ มันไม่ใช่ “canyon” เพราะ canyon เกิดจากการกัดกร่อนของหินจากกระแสน้ำไหล อย่างที่เห็นตาม canyon อื่นๆ เช่น Zion, Grand Canyon, Antelope Canyons เป็นต้น แต่หินรูปร่างแปลกๆ ที่ Bryce นี่เกิดจากการกัดกร่อนของฝนซึ่งมีความเป็นกรด รวมทั้งการที่อยู่ที่สูง มีอากาศหนาว การแข็งตัวของน้ำตอนกลางคืนและการละลายของน้ำแข็งตอนกลางวันก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หินมีรูปร่างเป็นแบบนี้ และเรียกว่า Amphitheater (เป็นแหล่งกำเนิดเสียงก้องสะท้อนได้)
หินของที่นี่มีหลายสี ทั้งแดง ส้ม และขาว ประกอบกับลักษณะของหินเป็นแท่งๆ (ที่เรียกว่า Hoodoo) รูปทรงต่างๆ ทำให้สวยงามมากๆ
การเกิด Hoodoo เกิดจากกลไกดังที่บอกข้างบน แต่ตอนแรกจะเกิดทำให้หินมีลักษณะบางลง เรียกเป็น fins (รูป A) และเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดเป็นรู เรียกว่า windows (รูป B) และพอบางส่วนทลายลงจึงเกิดเป็นแท่งที่เรียกว่า Hoodoos (รูป C)
ที่นี่จะอยู่สูงว่า Zion National Park จึงทำให้อากาศจะหนาวเย็นกว่า จุดสูงสุดของที่นี่อยู่ประมาณ 8,000-9,000 ฟุตได้ และในฤดูหนาวจะมีหิมะปกคลุม
วันก่อนออกเดินทางจาก Zion มาพักที่นี่ 1 คืนที่เมือง Bryce Canyon City ซึ่งเป็นเมืองใหม่ น่าจะก่อตั้งตอนช่วงปี 2001 เป็นเมืองเล็กๆ (มาก) พักอยู่ รร. Best Western Plus Ruby’s inn ใหญ่และราคาไม่แพง มีร้านอาหาร ร้านค้า ค่อนข้างสะดวก เช้าวันรุ่งขึ้นเลยได้ไปเที่ยวกันแต่เช้า และที่นี่ยังอยู่ห่างจากทางเข้าอุทยานไม่เกิน 7 นาที (ขับรถ) ด้วย
การเที่ยวที่ Bryce Canyon นี่ไม่ยากเลย สามารถขับรถถึงได้ทุกจุด และเดินไม่ไกลด้วย (ได้พักขาจาก Zion บ้างก็ดี ไม่งั้นแย่แน่) จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ บริเวณที่เรียกว่า Amphitheater ซึ่งมีจุดชมวิวหลักๆ คือ 1) Sunrise point 2) Sunset point 3) Inspiration Point 4) Bryce Point และ 5) Parin Point จากที่นี่ก็ขับไปยังจุดต่างๆ ได้ตามแผนที่อุทยาน โดยจุดที่ไกลสุดก็คือ Rainbow Point ใช้เวลาขับประมาณไม่เกินครึ่ง ชม.
หรือจะใช้บริการ shuttle ฟรีของทางอุทยานก็ได้ ซึ่งมีเฉพาะช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค. แต่ shuttle จะวิ่งวนแค่ในส่วนของ Amphitheater เท่านั้น
แต่ถ้าอยากเดิน trekking / hiking ที่นี่ก็มีหลายเส้นทาง หลายระดับความยากง่ายให้เลือก และจะได้เดิ่นลงไปดู Hoodoos อย่างใกล้ชิดทีเดียว จุดเดินคร่าวๆ ก็ตามรูปข้างล่างครับ (เพิ่งรู้ตอนกลับมานั่งเขียนรีวิวนี่ล่ะครับ เพราะก่อนไปไม่ค่อยได้หาข้อมูลที่ Bryce เลย เพราะตอนแรกตั้งใจไปแค่ Zion และ Death Valley มาปรับแผนกันตอนอยู่ที่ Zion อย่างกะทันหัน เสียดายอยู่เหมือนกัน)
[CR] อัศจรรย์แห่งภูเขา แม่น้ำ และทะเลทราย (ตอน 3 สุดท้าย) : Bryce Canyon National Park, Utah
ความเดิม
เนื่องในวันหยุดยาวช่วงวัน Thanksgiving day ของอเมริกา เลยมีโปรแกรมเที่ยวขึ้นในช่วงเวลา 4 วันที่มีอยู่ -- Road trip รอบนี้ เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ Las Vegas และจะไปเยือน US National Park ทั้งหมด 3 แห่ง คือ Zion National Park (2 วัน), Bryce National Park (1 วัน) และสุดท้ายที่ Death Valley National Park (1 วัน)
The Mighty Five in Utah
ตอน 1 : Death Valley : http://ppantip.com/topic/32930288
ตอน 2 : Zion Canyons : http://ppantip.com/topic/32935199
ตอนสุดท้ายนี้ว่าด้วยเรื่องของ Bryce Canyon National Park
Bryce Canyon ก่อตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 1928 ชื่อ Bryce Canyon แต่จริงๆ มันไม่ใช่ “canyon” เพราะ canyon เกิดจากการกัดกร่อนของหินจากกระแสน้ำไหล อย่างที่เห็นตาม canyon อื่นๆ เช่น Zion, Grand Canyon, Antelope Canyons เป็นต้น แต่หินรูปร่างแปลกๆ ที่ Bryce นี่เกิดจากการกัดกร่อนของฝนซึ่งมีความเป็นกรด รวมทั้งการที่อยู่ที่สูง มีอากาศหนาว การแข็งตัวของน้ำตอนกลางคืนและการละลายของน้ำแข็งตอนกลางวันก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หินมีรูปร่างเป็นแบบนี้ และเรียกว่า Amphitheater (เป็นแหล่งกำเนิดเสียงก้องสะท้อนได้)
หินของที่นี่มีหลายสี ทั้งแดง ส้ม และขาว ประกอบกับลักษณะของหินเป็นแท่งๆ (ที่เรียกว่า Hoodoo) รูปทรงต่างๆ ทำให้สวยงามมากๆ
การเกิด Hoodoo เกิดจากกลไกดังที่บอกข้างบน แต่ตอนแรกจะเกิดทำให้หินมีลักษณะบางลง เรียกเป็น fins (รูป A) และเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดเป็นรู เรียกว่า windows (รูป B) และพอบางส่วนทลายลงจึงเกิดเป็นแท่งที่เรียกว่า Hoodoos (รูป C)
ที่นี่จะอยู่สูงว่า Zion National Park จึงทำให้อากาศจะหนาวเย็นกว่า จุดสูงสุดของที่นี่อยู่ประมาณ 8,000-9,000 ฟุตได้ และในฤดูหนาวจะมีหิมะปกคลุม
วันก่อนออกเดินทางจาก Zion มาพักที่นี่ 1 คืนที่เมือง Bryce Canyon City ซึ่งเป็นเมืองใหม่ น่าจะก่อตั้งตอนช่วงปี 2001 เป็นเมืองเล็กๆ (มาก) พักอยู่ รร. Best Western Plus Ruby’s inn ใหญ่และราคาไม่แพง มีร้านอาหาร ร้านค้า ค่อนข้างสะดวก เช้าวันรุ่งขึ้นเลยได้ไปเที่ยวกันแต่เช้า และที่นี่ยังอยู่ห่างจากทางเข้าอุทยานไม่เกิน 7 นาที (ขับรถ) ด้วย
การเที่ยวที่ Bryce Canyon นี่ไม่ยากเลย สามารถขับรถถึงได้ทุกจุด และเดินไม่ไกลด้วย (ได้พักขาจาก Zion บ้างก็ดี ไม่งั้นแย่แน่) จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ บริเวณที่เรียกว่า Amphitheater ซึ่งมีจุดชมวิวหลักๆ คือ 1) Sunrise point 2) Sunset point 3) Inspiration Point 4) Bryce Point และ 5) Parin Point จากที่นี่ก็ขับไปยังจุดต่างๆ ได้ตามแผนที่อุทยาน โดยจุดที่ไกลสุดก็คือ Rainbow Point ใช้เวลาขับประมาณไม่เกินครึ่ง ชม.
หรือจะใช้บริการ shuttle ฟรีของทางอุทยานก็ได้ ซึ่งมีเฉพาะช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค. แต่ shuttle จะวิ่งวนแค่ในส่วนของ Amphitheater เท่านั้น
แต่ถ้าอยากเดิน trekking / hiking ที่นี่ก็มีหลายเส้นทาง หลายระดับความยากง่ายให้เลือก และจะได้เดิ่นลงไปดู Hoodoos อย่างใกล้ชิดทีเดียว จุดเดินคร่าวๆ ก็ตามรูปข้างล่างครับ (เพิ่งรู้ตอนกลับมานั่งเขียนรีวิวนี่ล่ะครับ เพราะก่อนไปไม่ค่อยได้หาข้อมูลที่ Bryce เลย เพราะตอนแรกตั้งใจไปแค่ Zion และ Death Valley มาปรับแผนกันตอนอยู่ที่ Zion อย่างกะทันหัน เสียดายอยู่เหมือนกัน)