สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ขออนุญาติไม่เห็นด้วยกับ จขกท นะคะ ค่ะ สรุปแบบนี้ไม่ได้ค่ะ
เราเรียนอังกฤษ 2 ปริญญา (กำลังทำใบที่สอง) และ ทำงานเป็น ผู้ช่วยสอนในมหาลัยของที่นี่ด้วย
จากประสบการณ์เรา เราเคยเป็นอาจารย์ที่ประเทศไทยมาก่อนประมาณ 5 ปี จาก 2 มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ตอนเรามาใหม่ๆ ก่อนจะเข้าเรียน เราก็มีความคิดแบบ จขกท อยู่บ้างเหมือนกัน แต่พอมาเรียนจริงแล้ว บอกเลยว่าเรียนยากมากๆ เราจบปริญญาโทมาจากไทยแล้วใบนึง มาต่อ โท-เอก เฉพาะสาขาอีกสองใบที่นี่ กว่าจะได้ใบแรกมา ยากมากๆ และ เป็นใบที่เราเหนื่อยมาที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย งานที่ต้องทำ เป็นงานที่ต้องคิดเยอะมากๆ อาจารย์ไม่เคยให้อะไรตรงๆ ต้องคิดใช้ความรู้หลายด้านมาก กว่าจะทำงานนึงได้ และคะแนนกว่าจะได้มาก็หินสุดๆเหมือนกันค่ะ สำหรับเราการเรียนการสอนลึกกว่าในประเทศไทยค่ะ (เทียบจากวิชาที่เราเคยเรียนมาจากไทยแล้วค่ะ เราคิดว่าเราเรียนมาแล้ว น่าจะง่ายๆ ไม่มีอะไร สรุปคือ เราได้ค้นพบว่า เรารู้น้อยมากๆ งานยากกว่าที่เราคิดมากๆ และได้คะแนนแค่พอผ่านค่ะ)
ขอเปรียบเทียบแบบแฟร์ๆ อีกหนึ่งเรื่องนะคะ ขอเปรียบเทียบการเรียนการสอนของนักศึกษา "ปริญญาตรี" เนื่องจากเราเคยเป็น อาจารย์สอนที่ไทย และมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนนักศึกษาปริญญาตรีที่อังกฤษ เราเลยให้การทำงาน ข้อสอบ แล็ป และหลายๆ อย่างในวิชาเดียวกัน ของนักศึกษาระดับเดียวกัน ... ในความคิดเรา การเรียนการสอนที่อังกฤษ สอนให้นึกศึกษาได้คิดมากกว่าที่ไทยค่ะ งานในให้ทำ ถูกออกแบบมาอย่างดี ให้ได้ใช้ความรุ้หลากหลายมาก โดยมากจะเน้นให้นักเรียนค้นคว้า วิเคราะห์ และ ประยุกต์ใช้ ระบบที่นี่นักเรียนเลยจะขวนขวายมากกว่า เนืองจากงานยากและลึก อีกทั้งอาจารย์จะไม่ให้ทุกอย่างที่นักเรียนต้องการค่ะ ... ยกตัวอย่างเช่น ถ้านักเรียนทำแล็ปได้ตามที่สอนในห้อง คือ ให้คะแนน แค่ผ่านค่ะ ถ้าอยากได้มากกว่าผ่าน ต้องทำเกินจากที่สอนค่ะ ต้องไปค้นคว้ามาเองค่ะว่าระบบเราจะพัฒนาได้อย่างไรอีกบ้าง (เราเป็นคนตรวจงาน เราจึงรู้เงื่อนไขการให้คะแนนค่ะ) ... เป็นผลให้เด็กที่นี่วางแผนเก่ง ค้นคว้าเก่ง ดูง่ายๆ ห้องสมุด เด็กเต็มทั้งปีค่ะ ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงสอบ
ส่วนเรื่องของการใช้ชีวิต เด็กจะถูกสอนให้บริหารเวลา เรียน และ เวลาส่วนตัวให้ดีค่ะ ยกตัวอย่างเช่น คนที่นี่ถ้าเราเข้ามาทำงาน วันหยุด หรือ ล่วงเวลานานๆ เค้าจะมองว่าเราใช้ชีวิตไม่มีคุณภาพพอ เราต้องจัดสรรเวลาและหาความสุขให้ตัวเองให้พอด้วยค่ะ จะเห็นได้จากวันหยุด อากาศดีๆ เค้าจะวางงานแล้วออกไปเที่ยว นั่งรับลมรับแดด ถือเป็นวันพักผ่อนค่ะ
สรุปคือ เราว่าขึ้นกับว่ามาเรียนอะไร ที่ไหนด้วยค่ะ ถ้ามาเรียนมหาวิทยาลัยทั่วไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องถึงกับระดับท็อป เราว่าการเรียนการสอนที่นี่ ไม่ง่ายอย่างที่คิดกันหรอกค่ะ การเรียนการสอนเค้ามีคุณภาพสูงมากค่ะ ข้อสอบที่ออกแต่ละมหาวิทยาลัยจะถูกสุ่มแลกกันตรวจกับอีก 2 มหาวิทยาลัยเป็นอย่างน้อยในสาขาเดียวกัน เพื่อควบคุณคุณภาพข้อสอบให้เท่าเทียมกันค่ะ (สำหรับมหาวิทยาลัยห้องแถว หรือ ทำนองนั้น เราไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง เพราะไม่เคยสัมผัส ขอไม่กล่าวถึงค่ะ) ดังนั้น การจะกล่าวรวมๆ ว่ามาเรียนอังกฤษ ง่ายๆ ปีเดียวจบ มาเที่ยวๆ เอาก็จบ ... เรายืนยันว่าไม่เป็บแบบนั้นแน่นอน ที่เห็นผ่านๆ มา เสียน้ำตา เครียดกันเท่าไหร่กว่าจะจบได้ ในเวลาที่จำกัด เราเจอมากับตัว และ เพื่อนๆ น้องๆ อีกหลายคนที่ร่วมเครียดกันมาแล้ว ส่วนรูปที่เห็น แน่นอนค่ะ ต้องไปรูปโชว์ตอนไปเที่ยวลั๊นล้าค่ะ คุณเลยไม่ได้เห็นสภาพอีกด้านตอนพวกเราเครียดแทบตายกับการเรียน
เราเรียนอังกฤษ 2 ปริญญา (กำลังทำใบที่สอง) และ ทำงานเป็น ผู้ช่วยสอนในมหาลัยของที่นี่ด้วย
จากประสบการณ์เรา เราเคยเป็นอาจารย์ที่ประเทศไทยมาก่อนประมาณ 5 ปี จาก 2 มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ตอนเรามาใหม่ๆ ก่อนจะเข้าเรียน เราก็มีความคิดแบบ จขกท อยู่บ้างเหมือนกัน แต่พอมาเรียนจริงแล้ว บอกเลยว่าเรียนยากมากๆ เราจบปริญญาโทมาจากไทยแล้วใบนึง มาต่อ โท-เอก เฉพาะสาขาอีกสองใบที่นี่ กว่าจะได้ใบแรกมา ยากมากๆ และ เป็นใบที่เราเหนื่อยมาที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย งานที่ต้องทำ เป็นงานที่ต้องคิดเยอะมากๆ อาจารย์ไม่เคยให้อะไรตรงๆ ต้องคิดใช้ความรู้หลายด้านมาก กว่าจะทำงานนึงได้ และคะแนนกว่าจะได้มาก็หินสุดๆเหมือนกันค่ะ สำหรับเราการเรียนการสอนลึกกว่าในประเทศไทยค่ะ (เทียบจากวิชาที่เราเคยเรียนมาจากไทยแล้วค่ะ เราคิดว่าเราเรียนมาแล้ว น่าจะง่ายๆ ไม่มีอะไร สรุปคือ เราได้ค้นพบว่า เรารู้น้อยมากๆ งานยากกว่าที่เราคิดมากๆ และได้คะแนนแค่พอผ่านค่ะ)
ขอเปรียบเทียบแบบแฟร์ๆ อีกหนึ่งเรื่องนะคะ ขอเปรียบเทียบการเรียนการสอนของนักศึกษา "ปริญญาตรี" เนื่องจากเราเคยเป็น อาจารย์สอนที่ไทย และมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนนักศึกษาปริญญาตรีที่อังกฤษ เราเลยให้การทำงาน ข้อสอบ แล็ป และหลายๆ อย่างในวิชาเดียวกัน ของนักศึกษาระดับเดียวกัน ... ในความคิดเรา การเรียนการสอนที่อังกฤษ สอนให้นึกศึกษาได้คิดมากกว่าที่ไทยค่ะ งานในให้ทำ ถูกออกแบบมาอย่างดี ให้ได้ใช้ความรุ้หลากหลายมาก โดยมากจะเน้นให้นักเรียนค้นคว้า วิเคราะห์ และ ประยุกต์ใช้ ระบบที่นี่นักเรียนเลยจะขวนขวายมากกว่า เนืองจากงานยากและลึก อีกทั้งอาจารย์จะไม่ให้ทุกอย่างที่นักเรียนต้องการค่ะ ... ยกตัวอย่างเช่น ถ้านักเรียนทำแล็ปได้ตามที่สอนในห้อง คือ ให้คะแนน แค่ผ่านค่ะ ถ้าอยากได้มากกว่าผ่าน ต้องทำเกินจากที่สอนค่ะ ต้องไปค้นคว้ามาเองค่ะว่าระบบเราจะพัฒนาได้อย่างไรอีกบ้าง (เราเป็นคนตรวจงาน เราจึงรู้เงื่อนไขการให้คะแนนค่ะ) ... เป็นผลให้เด็กที่นี่วางแผนเก่ง ค้นคว้าเก่ง ดูง่ายๆ ห้องสมุด เด็กเต็มทั้งปีค่ะ ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงสอบ
ส่วนเรื่องของการใช้ชีวิต เด็กจะถูกสอนให้บริหารเวลา เรียน และ เวลาส่วนตัวให้ดีค่ะ ยกตัวอย่างเช่น คนที่นี่ถ้าเราเข้ามาทำงาน วันหยุด หรือ ล่วงเวลานานๆ เค้าจะมองว่าเราใช้ชีวิตไม่มีคุณภาพพอ เราต้องจัดสรรเวลาและหาความสุขให้ตัวเองให้พอด้วยค่ะ จะเห็นได้จากวันหยุด อากาศดีๆ เค้าจะวางงานแล้วออกไปเที่ยว นั่งรับลมรับแดด ถือเป็นวันพักผ่อนค่ะ
สรุปคือ เราว่าขึ้นกับว่ามาเรียนอะไร ที่ไหนด้วยค่ะ ถ้ามาเรียนมหาวิทยาลัยทั่วไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องถึงกับระดับท็อป เราว่าการเรียนการสอนที่นี่ ไม่ง่ายอย่างที่คิดกันหรอกค่ะ การเรียนการสอนเค้ามีคุณภาพสูงมากค่ะ ข้อสอบที่ออกแต่ละมหาวิทยาลัยจะถูกสุ่มแลกกันตรวจกับอีก 2 มหาวิทยาลัยเป็นอย่างน้อยในสาขาเดียวกัน เพื่อควบคุณคุณภาพข้อสอบให้เท่าเทียมกันค่ะ (สำหรับมหาวิทยาลัยห้องแถว หรือ ทำนองนั้น เราไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง เพราะไม่เคยสัมผัส ขอไม่กล่าวถึงค่ะ) ดังนั้น การจะกล่าวรวมๆ ว่ามาเรียนอังกฤษ ง่ายๆ ปีเดียวจบ มาเที่ยวๆ เอาก็จบ ... เรายืนยันว่าไม่เป็บแบบนั้นแน่นอน ที่เห็นผ่านๆ มา เสียน้ำตา เครียดกันเท่าไหร่กว่าจะจบได้ ในเวลาที่จำกัด เราเจอมากับตัว และ เพื่อนๆ น้องๆ อีกหลายคนที่ร่วมเครียดกันมาแล้ว ส่วนรูปที่เห็น แน่นอนค่ะ ต้องไปรูปโชว์ตอนไปเที่ยวลั๊นล้าค่ะ คุณเลยไม่ได้เห็นสภาพอีกด้านตอนพวกเราเครียดแทบตายกับการเรียน
ความคิดเห็นที่ 27
เรียนโทอังกฤษ "ดู" ง่าย ว่าแต่มันง่ายจริงรึเปล่า
ตอบจากที่เคยเรียนมานะคะ แต่ของเราสายภาษาศาสตร์และการศึกษา อาจไม่ครอบคลุมถึงสายอื่น
สำหรับเรา จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
ง่ายยังไง? ถ้าเข้าเรียนไม่โดด อ่านหนังสือ เปเปอร์ที่อาจารย์แนะนำ และส่งงานให้ตรงกำหนด ส่งตามที่เค้าสั่ง ก่อนเรียนอ่านเตรียมมาบ้าง ใจกล้ายกมืออภิปรายในห้อง เผื่อเวลาทำดิสเซอฯให้ดี ทำแค่นี้ได้ยังเหลือเวลาไปเที่ยวเมืองอื่น ไปสังสรรค์อะไรกับเพื่อนได้สบายบานเบอะ สำหรับคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษดี ฟังครูพูดในห้องเข้าใจ อ่านหนังสือเชิงวิชาการได้ ยิ่งง่ายเข้าไปอีก คนที่ภาษายังติดขัดอยู่บ้างอาจจะต้องขวนขวายเพิ่มเติม เราเองอ่านเพชรพระอุมาวันนึงเล่มสองเล่มจบ แต่อ่านเปเปอร์วิชาการยี่สิบกว่าหน้าสองวันยังงงๆอยู่เลย มันไม่ชิน
ยากยังไง? หนึ่ง ไม่มีระบบเช็กชื่อเข้าห้องเหมือนเมืองไทย อยากมาก็มา อยากโดดไปทำงานร้านอาหารไทยหาเงินก็เรื่องของคุณ แต่ถึงเวลางานต้องส่ง สอง งานส่วนใหญ่มักต้องการให้เขียนแบบวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่หาๆข้อมูลจากเน็ทมาเขียนว่าคนนั้นว่าอย่างนี้ คนนี้ว่าอย่างนั้น จบ แต่ต้องอภิปรายด้วยว่า แล้วมันต่างกันยังไง แล้วมัน support ไอเดียของเรายังไง นร.ไทยหลายคนมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะเรียนที่ไทยมามีแต่เขียนแบบบรรยาย ไม่ใช่วิเคราะห์ เพราะฉะนั้น นร.ไทยที่ไม่เข้าใจระบบการเรียนและการทำงานของอังกฤษ คิดว่าไม่มีเช็กชื่อแล้วหวานหมู พอถึงเวลาส่งงานก็แค่เปิดกูเกิล เอามาเรียบเรียงใหม่ เป็น descriptive ล้วนๆแล้วเอาไปส่ง ก็อาจจะพบว่าตัวเองซวยได้ในภายหลัง สาม ภาษาที่ใช้ในการเขียนงาน ต้องเขียนในโทนวิชาการ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะมีประสบการณ์เขียนงานแบบนี้ เช่น คำว่า get ถ้าเป็นไปได้ต้องไม่ใช้ แต่ให้เลือกคำอื่นแทน เช่น become, turn, achieve ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งคำที่แฝงการแสดงอารมณ์ เช่น "Smith's (2003) idea is exciting/boring/useless" เขียนไปไม่โดนวงแดงนี่มาเตะได้เลย
สรุปว่าง่ายมั้ย สบายมั้ย ขึ้นอยู่กับคนที่มาเรียนด้วย ว่าพื้นฐานเป็นยังไง มีนิสัยแบบไหน ปรับตัวเข้ากับการเรียนและชีวิตอังกฤษได้มากน้อยแค่ไหน
อะไรที่เกี่ยวกับอังกฤษก็มักจะโดนเหมารวมมา "ไฮโซ" "หรู" เสมอ แค่พูดเฉยๆว่าเรียนอยู่ที่อังกฤษก็ยังโดนคนหมั่นไส้แบบไม่มีเหตุผลได้เลย
แล้วมาเรียนเมืองนอก ใจคอจะให้นั่งอ่านหนังสืออยู่แต่ห้อง กินแต่มาม่า ไม่ต้องไปเที่ยวไหนมันก็คงไม่ใช่ คนเราได้มีโอกาสไปอยู่ในสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม บ้านเมืองใหม่ สิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการเรียน ก็คือการเปิดโลกกว้าง ศึกษาวัฒนธรรม เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างชาติ ระหว่างภาษา เค้าเรียกเก็บประสบการณ์ชีวิตไปพร้อมกับประสบการณ์เรียน อย่างนี้ถึงจะคุ้ม ก่อนเรามาเรียนที่นี่ คณบดีบอกเราเลยว่า นี่ คุณไปเรียนแล้วคุณอย่าเอาแต่เรียนนะ ไปเที่ยวด้วย ถ้าคุณจะไปเรียนอย่างเดียวผมให้คุณนั่งเขียนวิทยานิพนธ์ที่เมืองไทยก็ได้
คนที่อยู่เมืองไทย อาจไม่คุ้นชินกับบาร์บิคิวซัมเมอร์ แต่งตัวสวยใส่จัมเปอร์ใส่บู๊ท สังสรรค์กลางคืน เที่ยวยุโรป (คือยุโรปบางประเทศนี่ค่าเครื่องบิน แค่ 40 ปอนด์ ก็ไปได้แล้วนะ) ก็อาจจะเข้าใจไปว่ามาแล้วเหมือนมาเที่ยว แต่อยากให้นึกว่าสิ่งที่คุณเห็นบน ฟบ. อ่ะ มันด้านเดียวของชีวิตที่นี่ค่ะ มันยังมีโมเมนท์ที่ป่วยปางตายแล้วร้านยาปิดหมดตอนห้าโมง ไปหาหมอประจำมหาลัยแล้วให้แต่พารามากิน ร้ายสุดคือป่วยตอนคริสต์มาส ทุกสิ่งอันปิดหมด โมเมนท์ที่โดนที่ปรึกษาด่าเหมือนคอมเมนท์บนบอก ส่งงานไปแล้วโดนวงแดงมาเต็มไปหมด แก้แล้วแก้เล่าไม่จบสิ้น โมเมนท์แบบร้องไห้ไปแก้งานไปก็คงไม่มีคนอัพขึ้น ฟบ. มั้ง แถมครอบครัวก็อยู่ไกล คุณนึกดูบางทีแบบ หมดกำลังใจมากๆ อยากโทรหาใคร อยากได้กอดให้กำลังใจมันก็ไม่มี มีแต่คุณตัวคนเดียวกลับมานั่งเงียบๆในหอพัก คือนอกจากจะสู้กับการเรียนแล้วสุขภาพจิตมันก็ต้องอึดด้วยเหมือนกันนะ
อันนี้คือพูดถึงว่ามหาลัยที่รับ นศ. มาเรียนจริงๆนะ ประเภทรับมาแล้วปล่อย นศ. เข้ารกเข้าพงเอาแค่เงิน กับ นศ. ที่มาแล้วก็จ้างคนอื่นเขียนงานให้ ชีวิตเค้าจะฟรีสไตล์สบายสุดๆแบบที่ จขกท ว่าเราก็ว่าไม่แปลกเลย
ตอบจากที่เคยเรียนมานะคะ แต่ของเราสายภาษาศาสตร์และการศึกษา อาจไม่ครอบคลุมถึงสายอื่น
สำหรับเรา จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
ง่ายยังไง? ถ้าเข้าเรียนไม่โดด อ่านหนังสือ เปเปอร์ที่อาจารย์แนะนำ และส่งงานให้ตรงกำหนด ส่งตามที่เค้าสั่ง ก่อนเรียนอ่านเตรียมมาบ้าง ใจกล้ายกมืออภิปรายในห้อง เผื่อเวลาทำดิสเซอฯให้ดี ทำแค่นี้ได้ยังเหลือเวลาไปเที่ยวเมืองอื่น ไปสังสรรค์อะไรกับเพื่อนได้สบายบานเบอะ สำหรับคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษดี ฟังครูพูดในห้องเข้าใจ อ่านหนังสือเชิงวิชาการได้ ยิ่งง่ายเข้าไปอีก คนที่ภาษายังติดขัดอยู่บ้างอาจจะต้องขวนขวายเพิ่มเติม เราเองอ่านเพชรพระอุมาวันนึงเล่มสองเล่มจบ แต่อ่านเปเปอร์วิชาการยี่สิบกว่าหน้าสองวันยังงงๆอยู่เลย มันไม่ชิน
ยากยังไง? หนึ่ง ไม่มีระบบเช็กชื่อเข้าห้องเหมือนเมืองไทย อยากมาก็มา อยากโดดไปทำงานร้านอาหารไทยหาเงินก็เรื่องของคุณ แต่ถึงเวลางานต้องส่ง สอง งานส่วนใหญ่มักต้องการให้เขียนแบบวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่หาๆข้อมูลจากเน็ทมาเขียนว่าคนนั้นว่าอย่างนี้ คนนี้ว่าอย่างนั้น จบ แต่ต้องอภิปรายด้วยว่า แล้วมันต่างกันยังไง แล้วมัน support ไอเดียของเรายังไง นร.ไทยหลายคนมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะเรียนที่ไทยมามีแต่เขียนแบบบรรยาย ไม่ใช่วิเคราะห์ เพราะฉะนั้น นร.ไทยที่ไม่เข้าใจระบบการเรียนและการทำงานของอังกฤษ คิดว่าไม่มีเช็กชื่อแล้วหวานหมู พอถึงเวลาส่งงานก็แค่เปิดกูเกิล เอามาเรียบเรียงใหม่ เป็น descriptive ล้วนๆแล้วเอาไปส่ง ก็อาจจะพบว่าตัวเองซวยได้ในภายหลัง สาม ภาษาที่ใช้ในการเขียนงาน ต้องเขียนในโทนวิชาการ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะมีประสบการณ์เขียนงานแบบนี้ เช่น คำว่า get ถ้าเป็นไปได้ต้องไม่ใช้ แต่ให้เลือกคำอื่นแทน เช่น become, turn, achieve ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งคำที่แฝงการแสดงอารมณ์ เช่น "Smith's (2003) idea is exciting/boring/useless" เขียนไปไม่โดนวงแดงนี่มาเตะได้เลย
สรุปว่าง่ายมั้ย สบายมั้ย ขึ้นอยู่กับคนที่มาเรียนด้วย ว่าพื้นฐานเป็นยังไง มีนิสัยแบบไหน ปรับตัวเข้ากับการเรียนและชีวิตอังกฤษได้มากน้อยแค่ไหน
อะไรที่เกี่ยวกับอังกฤษก็มักจะโดนเหมารวมมา "ไฮโซ" "หรู" เสมอ แค่พูดเฉยๆว่าเรียนอยู่ที่อังกฤษก็ยังโดนคนหมั่นไส้แบบไม่มีเหตุผลได้เลย
แล้วมาเรียนเมืองนอก ใจคอจะให้นั่งอ่านหนังสืออยู่แต่ห้อง กินแต่มาม่า ไม่ต้องไปเที่ยวไหนมันก็คงไม่ใช่ คนเราได้มีโอกาสไปอยู่ในสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม บ้านเมืองใหม่ สิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการเรียน ก็คือการเปิดโลกกว้าง ศึกษาวัฒนธรรม เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างชาติ ระหว่างภาษา เค้าเรียกเก็บประสบการณ์ชีวิตไปพร้อมกับประสบการณ์เรียน อย่างนี้ถึงจะคุ้ม ก่อนเรามาเรียนที่นี่ คณบดีบอกเราเลยว่า นี่ คุณไปเรียนแล้วคุณอย่าเอาแต่เรียนนะ ไปเที่ยวด้วย ถ้าคุณจะไปเรียนอย่างเดียวผมให้คุณนั่งเขียนวิทยานิพนธ์ที่เมืองไทยก็ได้
คนที่อยู่เมืองไทย อาจไม่คุ้นชินกับบาร์บิคิวซัมเมอร์ แต่งตัวสวยใส่จัมเปอร์ใส่บู๊ท สังสรรค์กลางคืน เที่ยวยุโรป (คือยุโรปบางประเทศนี่ค่าเครื่องบิน แค่ 40 ปอนด์ ก็ไปได้แล้วนะ) ก็อาจจะเข้าใจไปว่ามาแล้วเหมือนมาเที่ยว แต่อยากให้นึกว่าสิ่งที่คุณเห็นบน ฟบ. อ่ะ มันด้านเดียวของชีวิตที่นี่ค่ะ มันยังมีโมเมนท์ที่ป่วยปางตายแล้วร้านยาปิดหมดตอนห้าโมง ไปหาหมอประจำมหาลัยแล้วให้แต่พารามากิน ร้ายสุดคือป่วยตอนคริสต์มาส ทุกสิ่งอันปิดหมด โมเมนท์ที่โดนที่ปรึกษาด่าเหมือนคอมเมนท์บนบอก ส่งงานไปแล้วโดนวงแดงมาเต็มไปหมด แก้แล้วแก้เล่าไม่จบสิ้น โมเมนท์แบบร้องไห้ไปแก้งานไปก็คงไม่มีคนอัพขึ้น ฟบ. มั้ง แถมครอบครัวก็อยู่ไกล คุณนึกดูบางทีแบบ หมดกำลังใจมากๆ อยากโทรหาใคร อยากได้กอดให้กำลังใจมันก็ไม่มี มีแต่คุณตัวคนเดียวกลับมานั่งเงียบๆในหอพัก คือนอกจากจะสู้กับการเรียนแล้วสุขภาพจิตมันก็ต้องอึดด้วยเหมือนกันนะ
อันนี้คือพูดถึงว่ามหาลัยที่รับ นศ. มาเรียนจริงๆนะ ประเภทรับมาแล้วปล่อย นศ. เข้ารกเข้าพงเอาแค่เงิน กับ นศ. ที่มาแล้วก็จ้างคนอื่นเขียนงานให้ ชีวิตเค้าจะฟรีสไตล์สบายสุดๆแบบที่ จขกท ว่าเราก็ว่าไม่แปลกเลย
แสดงความคิดเห็น
เรียน ป.โทที่อังกฤษ ทำไมมันดูง่ายดายจังเลยคะ
บอกตรงๆเลย อิจฉา ไอ้เราเรียนเมืองไทย เรียนตั้งหลายปี หมกตัวอยู่ในแลบ โทรมสุด ได้ป.โทเมืองไทย เทียบกับนักเรียนนอก คนละเกรดเลย แย่จุง