“สีดา” ร่ำไห้ชนะฉ้อโกง 3 ศาลเผยชีวิตตกอับกินไข่ทุกวัน 3 ปี ต้องเป็นเด็กเสิร์ฟแลกข้าว

กระทู้คำถาม


“สีดา” ร่ำไห้ชนะคดีฉ้อโกง 3 ศาล เผยชีวิตที่ผ่านมาโดนตราหน้าโกงจนไม่กล้าไปเจอผู้คน เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ชื่อเสียงเสียหายไม่มีใครกล้าจ้างงาน ไม่มีเงินไม่มีงานกินไข่ทุกวัน 3 ปี ล่าสุด โผล่เป็นเด็กเสิร์ฟดีใจได้กินหมูบ้าง
       
       ชีวิตผกผันสุดๆ สำหรับ “สีดา พัวพิมล” อดีตนักแสดงและผู้จัดละคร หลังตกเป็นข่าวถูก “โก้ ธีระศักดิ์ พันธุจริยา” ฟ้องร้องคดีฉ้อโกงเงิน หลังจากต่อสู้คดีมาหลายปี ตอนนี้ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ก็ได้ตัดสินให้สีดาพ้นผิดแล้ว ถึงจะพ้นผิดแต่ชีวิตของสีดาก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะถูกตราหน้าจากสังคม ไปไหนก็มีแต่คนมองด้วยสายตาไม่ดี จนทำให้สีดาไม่กล้าไปเจอหน้าผู้คนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ชีวิตตกอับไม่มีคนจ้างงาน ต้องกินไข่ทุกวันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พึ่งจะมาเสิร์ฟอาหารช่วยเพื่อนทำให้ได้กินเนื้อหมูบ้าง
       
       “ตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ ว่างตกงาน ก็อยู่แบบติดๆ ขัดๆ จากที่เป็นคดีความนี่แหละที่ทำให้เราต้องหายไป เพราะทำให้เราคิดว่า คงไม่มีใครอยากจะเจอเราอยากจะพบเรา คงจะกลัวว่าเราจะไปรบกวนเขา เราก็เลยเฟดตัวเองมาดีกว่าเพื่อความสบายใจของเราและเขา ก็เก็บตัวเงียบไม่เจอใครก็พึ่งจะเริ่มออกมาไม่เท่าไหร่ ก็ไปบวชอยู่บ้านก็สวดมนต์ไหว้พระ”
       
       “สำหรับเรื่องคดีความตอนนี้ก็สบายใจ เพราะชนะหมดแล้วทุกศาล ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ชนะหมดแล้วค่ะ พอชนะก็เลยทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นมาหน่อย คือเรามีเอกสารครบและมีพยานรู้เห็นว่าเราได้ทำงานจริงๆ เราไม่ได้ไปโกหกใครหรือหลอกลวงอะไรใครทั้งนั้นตามที่เป็นข่าว ไม่ได้ไปฉ้อโกงใคร”
       
       “ชนะไป 3 ศาลแล้ว แต่ไม่ค่อยมีข่าวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ตอนที่เขาฟ้องก็เป็นข่าวกันมากมาย พออุทธรณ์ตัดสินก็ไม่มีนักข่าวไปทำข่าว ฎีกาก็ไม่มีไป แต่ตัวเราเองก็ไม่ได้แจ้งใครหรอก เราคิดว่าความเป็นจริงมันจะเปิดเผยมาให้เห็นเอง ตอนนี้เราก็โอเคพ้นผิดแล้ว เพราะมันเป็นตราบาปของชีวิตมาก ชีวิตไม่เคยเจอแบบนี้ แต่ช่างมันเถอะค่ะมันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่เราเคยทำมา”
       
       ไปไหนมีแต่คนมองด้วยสายตาไม่ดี หาว่าไปโกงเงินคนอื่น จนทำให้ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน
       “ก็สู้คดีมาหลายปีค่ะ หลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างทุกข์ทรมานกับสายตาที่คนมองว่าไปโกงเขา บอกเลยในชีวิตเกิดมาไม่เคยโกงใครเลยมีแต่ให้ความช่วยเหลือคน แต่เรามาถูกตราหน้าว่าฉ้อโกงเขามันเป็นตราบาปมาก การเฉียดคุกเฉียดตะรางมัน (เงียบเริ่มร้องไห้) มันแย่ที่สุดในชีวิตเรามากทำให้ชีวิตเราต้องตกอับ ต้องตกงานไม่มีงานทำ ไม่มีใครอยากว่าจ้างเรา เพราะเขากลัวว่าเราจะไปวุ่นวายไปหกู้หนี้ยืมสินคนอื่น”
       
       “หลายปีมานี้ถามว่าอยู่มาได้ยังไงกับสิ่งที่ถูกตราหน้า คือเอาอย่างนี้ดีกว่าไปกินข้าวไปซื้ออาหาร พูดกับเขา เขายังไม่อยากพูดกับเราเลย ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักตัวตนของเราไม่รู้จักนิสัยเราเลย เรารู้สึกได้ว่าเขามองด้วยสายตาไม่ดี เรารู้สึกได้สายตาที่เขามองทำให้เรารู้สึกกลัวคนไปเลย จากที่เราเป็นคนที่ออกสังคมรู้จักคนสนิทกับคนเยอะมาก แต่ตอนนี้ไม่อยากเจอะเจอใครไม่อยากจะพูดกับใคร ไม่อยากจะออกจากบ้าน ไม่อยากแม้กระทั่งจะโทรหาใคร กลัวว่าเขาจะไม่อยากคุยกับเรา กลัวว่าเขาไม่รับสายเราก็จะเสียความรู้สึก กลัวว่าเขาจะคิดว่าเราจะโทรไปรบกวนเขาก็เลยไม่อยากจะโทรหรือติดต่อใคร ต่อให้อยากออกไปหาคนอื่นก็จะออกไปยังไงเพราะค่ารถเราก็ไม่มี จะออกไปหาเขาทำไม โทรไปหาใครก็ไม่มีใครอยากคุยกับเรา”
       
       “มันทำให้เราไม่ออกจากบ้านไปหาใครเลย เก็บตัวอยู่ในบ้านปิดไฟอยู่เงียบๆ กินไข่ทุกวันจนจะขันได้อยู่แล้ว ต้องกินทุกวันเพราะไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปกินอย่างอื่น เพราะเราไม่มีงานไม่มีเงิน ถามว่าอยากตายไหม ก็เคยคิดนะมมันเป็นความคิดชั่ววูบแต่เราจะทำไปทำไม กว่าจะเกิดมาเป็นคนได้มันแสนยากลำบาก ฉะนั้น ถ้ามีโอกาสได้เกิดมาแล้วก็ต้องทำตัวให้ดี การฆ่าตัวตายมันบาปทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ก็บอกกับตัวเองว่าเราต้องสู้เราจะไม่หนีปัญหาเราจะต้องอยู่ให้ได้ เราจะต้องไม่ถอยเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการบริหารเงินไม่เป็น เกิดจากการที่เราหมุนเงินไม่ถูกต้อง มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้ไขปัญหามันให้ได้”
       
       ประทังชีวิตด้วยการกินไข่ทุกวันตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนแทบจะขันได้
       “พอเป็นข่าวหนทางมันมืดมนงานก็ไม่มีใครจ้าง คนที่จะจ้างก็กลัวว่าถ้าเราไปอยู่กองถ่ายจะไปหายืมเงินใครหรือเปล่า ก็เรียกว่าไม่มีงานไม่มีเงินเลยที่อยู่มาได้ ก็เพราะว่าลูกสาวที่อยู่เมืองนอกส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 4,000 บาท ถามว่ามันน้อยไหมมันก็น้อยเงิน 4,000 จะอยู่ยังไงได้ จะต้องผ่อนหนี้เขาเดือนละ 2,000 เหลือไว้ใช้เดือนละ 2,000 ไหนจะของใช้ในบ้านไหนจะของกิน ก็มีเท่าไหร่ก็กินเท่านั้นไม่มีก็ไม่กิน แต่ไม่อยากรบกวนลูกสาวมากเพราะตอนที่เราประสบปัญหาเราก็ไปทำให้เขาเดือดร้อนเหมือนกัน เพราะเราเอาเขาไปเซ็นค้ำประกันให้ พอเราไม่มีเงินจ่ายพวกนอกระบบเราก็ไปทำให้เขาวุ่นวายเหมือนกัน ซึ่งเราเองก็ผิดที่ไปทำแบบนั้นโดยไม่ได้ตั้วใจเราไม่คิดว่ามันจะบานปลายแบบนี้ ลูกสาวเองก็ไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านมีลูก 3 คน เราก็รบกวนเขามาเยอะแล้วไม่อยากไปรบกวนเขาอีก เราหมุนเงินในทางที่ผิดเอาเขามาพัวพันด้วยมันก็แย่แล้ว เราก็มีสองมือหนึ่งสมองเรารอจังหวะรอความเมตตาของคน”
       
       เผยชีวิตสุดลำบาก ไม่มีแม้กระทั่งเงินค่ารถจะไปขึ้นศาล
       “ทุกครั้งที่ขึ้นศาลจะร้องไห้ทุกครั้ง (ร้องไห้) รู้สึกว่ามันเป็นตราบาปของชีวิตมากเลยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตมันเฉียดคุกเฉียดตะรางมา แล้วเรารอดพ้นมาได้เราภูมิใจมาก มันเป็นเครื่องการันตีว่าเราไม่ได้ไปฉ้อโกงใคร แต่เราก็ผิดที่ไปหมุนเงินแบบนั้น วันที่ศาลตัดสินว่าเราไม่ได้ฉ้อโกงเขาดีใจมาก ร้องไห้เลยน้ำตาไหลเลย แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะอุทธรณ์หรือเปล่าแต่เขาก็อุทธรณ์ กระทั่งอุทธรณ์ตัดสินชนะ เราก็คิดว่าจะจบแต่เขาก็ฎีกามา ก็เป็นสิทธิ์ของเขาก็หวั่นๆ เหมือนกัน แต่ทางทนายเขาให้กำลังใจบอกว่า พี่สีดาไม่ต้องกังวลนะเราชนะมา 2 ศาลแล้ว ความถูกต้องก็คือความถูกต้อง แต่ถ้าผิดผมก็ช่วยพี่ไม่ได้ ทนายดีมากๆ เราไม่เสียเงินซักสลึงเลย แถมเวลาไปขึ้นศาลเขายังให้เงินค่ารถมาด้วย เพราะเราไม่มีแม้กระทั่งค่ารถจะไปขึ้นศาล”
       
       อยากมีงานทำต่อให้เป็นคนใช้ก็เอา
       “ชีวิตเหมือนคนจมน้ำว่ายน้ำไม่เป็นหาขอนไม้จะเกาะยังไม่มีเลย เหมือนนกตัวนึงที่เกาะบนกิ่งไม้ที่มันไม่มีใบที่จะหลบแดดกันฝนให้เราได้เลย มันท้อไปหมด ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่มีงานไม่มีเงินจะไปทำอะไรได้ล่ะคะ และเราก็เก็บของที่เรามีขายประทังชีวิต ก็เอาพวกกระเป๋าของใช้ที่เราเคยซื้อแพงๆ เมื่อสมัยมีเงินก็เอาไปขาย ให้เขาเอาพระไปปล่อยก็ถูกเขาโกงไปอีก และก็มีเงินที่ลูกส่งมาให้เดือนละ 4,000 ที่เราเหลือใช้เดือนละ 2,000 ก็ต้องบริหารให้ดีของใช้ในบ้านหมดก็ต้องซื้อก่อน บัตร “สีดา” ร่ำไห้ชนะคดีฉ้อโกง 3 ศาล เผยชีวิตที่ผ่านมาโดนตราหน้าโกงจนไม่กล้าไปเจอผู้คน เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ชื่อเสียงเสียหายไม่มีใครกล้าจ้างงาน ไม่มีเงินไม่มีงานกินไข่ทุกวัน 3 ปี ล่าสุด โผล่เป็นเด็กเสิร์ฟดีใจได้กินหมูบ้าง
       
       ชีวิตผกผันสุดๆ สำหรับ “สีดา พัวพิมล” อดีตนักแสดงและผู้จัดละคร หลังตกเป็นข่าวถูก “โก้ ธีระศักดิ์ พันธุจริยา” ฟ้องร้องคดีฉ้อโกงเงิน หลังจากต่อสู้คดีมาหลายปี ตอนนี้ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ก็ได้ตัดสินให้สีดาพ้นผิดแล้ว ถึงจะพ้นผิดแต่ชีวิตของสีดาก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะถูกตราหน้าจากสังคม ไปไหนก็มีแต่คนมองด้วยสายตาไม่ดี จนทำให้สีดาไม่กล้าไปเจอหน้าผู้คนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ชีวิตตกอับไม่มีคนจ้างงาน ต้องกินไข่ทุกวันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พึ่งจะมาเสิร์ฟอาหารช่วยเพื่อนทำให้ได้กินเนื้อหมูบ้าง
       
       “ตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ ว่างตกงาน ก็อยู่แบบติดๆ ขัดๆ จากที่เป็นคดีความนี่แหละที่ทำให้เราต้องหายไป เพราะทำให้เราคิดว่า คงไม่มีใครอยากจะเจอเราอยากจะพบเรา คงจะกลัวว่าเราจะไปรบกวนเขา เราก็เลยเฟดตัวเองมาดีกว่าเพื่อความสบายใจของเราและเขา ก็เก็บตัวเงียบไม่เจอใครก็พึ่งจะเริ่มออกมาไม่เท่าไหร่ ก็ไปบวชอยู่บ้านก็สวดมนต์ไหว้พระ”
       
       “สำหรับเรื่องคดีความตอนนี้ก็สบายใจ เพราะชนะหมดแล้วทุกศาล ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ชนะหมดแล้วค่ะ พอชนะก็เลยทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นมาหน่อย คือเรามีเอกสารครบและมีพยานรู้เห็นว่าเราได้ทำงานจริงๆ เราไม่ได้ไปโกหกใครหรือหลอกลวงอะไรใครทั้งนั้นตามที่เป็นข่าว ไม่ได้ไปฉ้อโกงใคร”
       
       “ชนะไป 3 ศาลแล้ว แต่ไม่ค่อยมีข่าวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ตอนที่เขาฟ้องก็เป็นข่าวกันมากมาย พออุทธรณ์ตัดสินก็ไม่มีนักข่าวไปทำข่าว ฎีกาก็ไม่มีไป แต่ตัวเราเองก็ไม่ได้แจ้งใครหรอก เราคิดว่าความเป็นจริงมันจะเปิดเผยมาให้เห็นเอง ตอนนี้เราก็โอเคพ้นผิดแล้ว เพราะมันเป็นตราบาปของชีวิตมาก ชีวิตไม่เคยเจอแบบนี้ แต่ช่างมันเถอะค่ะมันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่เราเคยทำมา”
       
       ไปไหนมีแต่คนมองด้วยสายตาไม่ดี หาว่าไปโกงเงินคนอื่น จนทำให้ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน
       “ก็สู้คดีมาหลายปีค่ะ หลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างทุกข์ทรมานกับสายตาที่คนมองว่าไปโกงเขา บอกเลยในชีวิตเกิดมาไม่เคยโกงใครเลยมีแต่ให้ความช่วยเหลือคน แต่เรามาถูกตราหน้าว่าฉ้อโกงเขามันเป็นตราบาปมาก การเฉียดคุกเฉียดตะรางมัน (เงียบเริ่มร้องไห้) มันแย่ที่สุดในชีวิตเรามากทำให้ชีวิตเราต้องตกอับ ต้องตกงานไม่มีงานทำ ไม่มีใครอยากว่าจ้างเรา เพราะเขากลัวว่าเราจะไปวุ่นวายไปหกู้หนี้ยืมสินคนอื่น”
       
       “หลายปีมานี้ถามว่าอยู่มาได้ยังไงกับสิ่งที่ถูกตราหน้า คือเอาอย่างนี้ดีกว่าไปกินข้าวไปซื้ออาหาร พูดกับเขา เขายังไม่อยากพูดกับเราเลย ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักตัวตนของเราไม่รู้จักนิสัยเราเลย เรารู้สึกได้ว่าเขามองด้วยสายตาไม่ดี เรารู้สึกได้สายตาที่เขามองทำให้เรารู้สึกกลัวคนไปเลย จากที่เราเป็นคนที่ออกสังคมรู้จักคนสนิทกับคนเยอะมาก แต่ตอนนี้ไม่อยากเจอะเจอใครไม่อยากจะพูดกับใคร ไม่อยากจะออกจากบ้าน ไม่อยากแม้กระทั่งจะโทรหาใคร กลัวว่าเขาจะไม่อยากคุยกับเรา กลัวว่าเขาไม่รับสายเราก็จะเสียความรู้สึก กลัวว่าเขาจะคิดว่าเราจะโทรไปรบกวนเขาก็เลยไม่อยากจะโทรหรือติดต่อใคร ต่อให้อยากออกไปหาคนอื่นก็จะออกไปยังไงเพราะค่ารถเราก็ไม่มี จะออกไปหาเขาทำไม โทรไปหาใครก็ไม่มีใครอยากคุยกับเรา”
       
       “มันทำให้เราไม่ออกจากบ้านไปหาใครเลย เก็บตัวอยู่ในบ้านปิดไฟอยู่เงียบๆ กินไข่ทุกวันจนจะขันได้อยู่แล้ว ต้องกินทุกวันเพราะไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปกินอย่างอื่น เพราะเราไม่มีงานไม่มีเงิน ถามว่าอยากตายไหม ก็เคยคิดนะมมันเป็นความคิดชั่ววูบแต่เราจะทำไปทำไม กว่าจะเกิดมาเป็นคนได้มันแสนยากลำบาก ฉะนั้น ถ้ามีโอกาสได้เกิดมาแล้วก็ต้องทำตัวให้ดี การฆ่าตัวตายมันบาปทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ก็บอกกับตัวเองว่าเราต้องสู้เราจะไม่หนีปัญหาเราจะต้องอยู่ให้ได้ เราจะต้องไม่ถอยเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการบริหารเงินไม่เป็น เกิดจากการที่เราหมุนเงินไม่ถูกต้อง มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้ไขปัญหามันให้ได้”
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ตอนฟ้องเขาเรียกนักข่าวทำข่าวใหญ่โต พอศาลตัดสินศาลชั้นต้นแพ้ ก็ไม่หยุด ไปอุธรณ์ต่อ อุธรณ์แพ้อีกไม่หยุด ไปฎีกาต่อ ก็แพ้อีก นี่กะเอาให้ชนะให้ได้เลยใช่ไหม ช่างไร้น้ำใจจริงๆ โก้ ธีรศักดิ์
ความคิดเห็นที่ 14
แล้วคุณโก้เค้าผิดตรงไหน  เค้าฟ้องเค้าก็ต้องหวังจะชนะคดีอยู่แล้วหรือเปล่าล่ะ มันก็ต้องสู้จนถึงที่สุด  แล้วการที่ไม่ผิดฉ้อโกงไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เอาเงินเค้าไปนี่ มันก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งได้อีก  แต่ถ้าฟ้องแพ่งชนะคดีไปกับคนที่ไม่มีทรัพย์สินอะไร  ชนะไปก็คงได้แต่กระดาษเปล่าๆ  คุณโก้ซวยสุดๆอุตส่าห์ให้ยืมเพราะหวังช่วยเหลือ สุดท้ายเงินสูญไปฟรีๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่