ร่างกายเป็นของเปื่อยเน่า มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

91)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เชิญท่านทั้งหลายจงพิจารณาเห็นในกายว่าไม่งาม  มีความสำคัญในอาหารว่าเป็นของปฏิกูล  มีความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าไม่น่ายินดี  พิจารณาเห็นในสังขารทั้งปวงว่าเป็นของไม่เที่ยงอยู่เถิด.

(80.18/690 หรือ 45.12/496  มารตัชชนียสูตร)

      (292)  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เปรียบเหมือนฝีที่เกิดขึ้นหลายปี  ฝีนั้นพึงมีปากแผล 9 แห่ง  มีปากแผลที่ยังไม่แตก 9 แห่ง  สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะพึงไหลออกจากปากแผลนั้น  สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็นน่าเกลียด  ทั้งนั้น  สิ่งใดสิ่งหนึ่งพึงไหลเข้า  สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็น  น่าเกลียดทั้งนั้น  ฉันใด.

      คำว่าฝีนี้แล  เป็นชื่อของกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 นี้  มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด  เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด  มีความไม่เที่ยง  ต้องลูบไล้นวดฟั้นมีความกระจัดกระจายเป็นธรรมดา  กายนั้นมีปากแผล 9 แห่ง  มีปากแผลที่ยังไม่แตก 9 แห่ง  สิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมไหลออกจากปากแผลนั้น  สิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็นน่าเกลียดทั้งนั้น  สิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมไหลเข้าสิ่งนั้นเป็นของไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็น  น่าเกลียดทั้งนั้น  ฉันนั้น.

      ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เพราะเหตุนั้นแหละ  เธอทั้งหลาย  จงเบื่อหน่ายในกายนี้.

(80.36/495-496 หรือ 45.23/354-356  คัณฑสูตร)

      (293)  รูปร่างอันไม่น่าพอใจถึงการนับว่าน่าพอใจ  ที่ไม่สะอาด  สมมติว่าเป็นของสะอาด  เต็มด้วยซากศพต่าง ๆ ปรากฏแก่คนพาลผู้ไม่พิจารณา  เห็นว่าเป็นของน่าพอใจ.

      น่าติเตียนกายอันเปื่อยเน่า  กระสับกระส่าย  น่าเกลียด  ไม่สะอาด  มีความป่วยไข้เป็นธรรมดา  เป็นที่ ๆ หมู่สัตว์ผู้ประมาทหมกมุ่นอยู่  ย่อมยังหนทางเพื่อความเข้าถึงสุคติให้เสื่อมไป.

(80.42/164-165 หรือ 45.27/120  กายนิพพินทชาดก)

      (294)  ท่านจงดูร่างกายอันกระสับกระส่าย  ไม่สะอาด  เปื่อยเน่า  จงอบรมจิตให้ตั้งมั่นด้วยดี  มีอารมณ์เป็นหนึ่ง  ด้วยอสุภสัญญา  ร่างกายนี้ฉันใด  ร่างกายของท่านก็ฉันนั้น  ร่างกายของท่านฉันใด  ร่างกายนี้ก็ฉันนั้น.

      ร่างกายเป็นของเปื่อยเน่า  มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป  อันพวกชนพาลปรารถนากันยิ่งนัก

      เมื่อท่านพิจารณาร่างกายอย่างนี้  ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืน  แทงตลอดแล้ว  จักเห็นด้วยปัญญาของตนได้.

      เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท  ค้นคว้าอยู่โดยอุบายอันแยบคาย  จึงเห็นกายนี้ทั้งภายในและภายนอกตามความเป็นจริง  ที่นั้นเราจึงเบื่อหน่ายในกาย  และคลายความกำหนัดในภายใน  เป็นผู้ไม่ประมาท  ไม่เกาะเกี่ยวในสิ่งอะไร  เป็นผู้สงบระงับดีบสนิทแล้ว.

(80.41/673-674 หรือ 45.26/456-457  นันทาเถรีคาถา)

      (295)  ร่างกายนี้  เต็มไปด้วยของอากูลและของอันเป็นมลทินต่าง ๆ มีหลุมคูถใหญ่เป็นที่เกิด  เป็นดุจบ่อน้ำคลำอันมีมานาน  เป็นดุจฝีใหญ่  เป็นดุจแผลใหญ่  เต็มไปด้วยหนองและเลือด  เต็มไปด้วยหลุมคูถ  มีน้ำไหลออกเป็นนิตย์  มีของเน่าไหลออกทุกเมื่อ.

      กายอันเปื่อยเน่านี้  รัดรึงด้วยเอ็นใหญ่ 60 เส้น  ฉาบทาด้วยเครื่องฉาบทา  คือ  เนื้อหุ้มห่อด้วยเสื้อ  คือ  หนัง  เป็นของหาประโยชน์มิได้  เป็นของสืบต่อกันด้วยร่าง  กระดูกเกี่ยวร้อยด้วยด้าย  คือ  เส้นเอ็น  เปลี่ยนอิริยาบถได้เพราะมีเครื่องประกอบพร้อม.

(80.41/503-504 หรือ 45.26/345-346  กัปปเถรคาถา)

      (296)  สัตย์สองเท้านี้เป็นสัตว์ไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็น  เต็มไปด้วยซากศพต่าง ๆ มีของโสโครกไหลออกทั่วกาย  ต้องบริหารอยู่เป็นนิตย์.

(80.41/479 หรือ 45.26/380  สัพพกามเถรคาถา)

      (297)  ท่านจงดูร่างกายอันกระสับกระส่าย  ไม่สะอาด  เนของเปื่อยเน่า  มีของโสโครกไหลเข้าออกอยู่  อันหมู่คนพาลพากันชื่นชมนัก.

(80.41/468 หรือ 45.26/323  กุลลเถรคาถา)

      (298)  ร่างกายนี้เต็มไปด้วยหนอง  เลือดและซากศพเป็นอันมาก  เป็นของอันนายช่างผู้ฉลาดทำไว้  เป็นของเกลี้ยงเกลาวิจิตรงดงามแต่ภายนอก  ภายในเต็มไปด้วยของไม่สะอาด  มีคูถเป็นต้น  ดัง  สมุด  ฉะนั้น.

      คนพาลย่อมไม่รู้สึกว่า  ร่างกายนี้เป็นของเผ็ดร้อน  มีรสหวานเป็นที่ยินดี  เกี่ยวพันด้วยความรัก  เป็นทุกข์  เป็นของฉาบไล้ด้วยสิ่งที่น่าชื่นใจ  เหมือนมีดโกนอันทาแล้วด้วยน้ำผึ้ง  ฉะนั้น.

(80.41/537 หรือ 45.26/369  ปาราสริยเถรคาถา)

      (299)  ร่างกายนี้เป็นของเปื่อยเน่า  ไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไปเป็นของน่ากลัว  ตัวเป็นดุจกระสอบหนังอันเต็มด้วยซากศพ  เต็มด้วยของไม่สะอาด  ไหลออกอยู่เนือง ๆ

      ร่างกายนี้เป็นดุจซากศพอันปฏิกูลอย่างยิ่ง  ฉาบทาไว้ด้วยเนื้อและเลือด  เป็นที่อยู่แห่งหมู่หนอน  เป็นเหยื่อเลือด  กายนี้ไม่นานนักมีวิญญาณไปปราศจากแล้ว  อันหมู่ญาติเกลียดอยู่ย่อมทั้งถมป่าช้าเหมือนท่อนไม้  ฉะนั้น  มารดาบิดาของตนยังเกลียดพากันนำเอาซากศพนั้นไปทิ้งเป็นเหยื่อของสัตว์อื่นในป่าช้า  แล้วกลับไปอาบน้ำ  จะกล่าวไปใยถึงประชุมชนทั่วไป.

      ชนทั้งหลายยินดีแล้วในกายอันเปื่อยเน่า  เป็นซากศพ  ไม่มีแก่นสาร  อันมีกระดูก  มีเอ็นเป็นเครื่องผูกรัด  เต็มไปด้วยน้ำลาย  น้ำตา  และเหงื่อไคล   ผู้ใดมาแยกกายนั้นทำให้เห็นทั้งภายในและภายนอก  ผู้นั้นไม่อาจทนต่อกลิ่นกายได้  แม้มารดาของตนก็พึงเกลียด  บัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้โดยอุบายอันแยบคายว่า  ขันธ์  ธาตุ  และอายตนะ  อันปัจจัยปรุงแต่งมีชาติเป็นมูลเหตุ  เป็นทุกข์  ไม่น่าชอบใจ.

(80.41/751-752 หรือ 45.62/508  สุเมธาเถรีคาถา)

      (300)  เราติเตียนร่างกายอันเต็มไปด้วยของน่าเกลียด  มีกลิ่นเหม็นเป็นฝักฝ่ายแห่งมาร  ชุ่มไปด้วยกิเลส  มีช่อง 9 ช่องเป็นที่ไหลออกแห่งของไม่สะอาดเป็นนิตย์.

(80.41/445 หรือ 45.26/307  นันทกเถรคาถา)

      (301)  เชิญท่านดูร่างกายอันมีกระดูก 300 ท่อน  ซึ่งมีเอ็นใหญ่น้อยผูกขึ้นเป็นโครงตั้งไว้  อันบุญกรรมตบแต่งให้วิจิตร  มีแผลทั่วทุกแห่ง  กระสับกระส่าย  คนโง่เขลาพากันดำริเป็นอันมาก  ไม่มีความยั่งยืนตั้งมั่น.

(80.41/592 หรือ 45.26/403  อานันทเถรคาถา)

      (302)  กายประกอบแล้วด้วยกระดูกและเอ็น  ฉาบด้วยหนังและเนื้อปกปิดด้วยผิว  เต็มด้วยไส้  อาหาร  มีก้อนตับ  มูตร  หัวใจ  ปอด  ม้าม  ไต  น้ำมูก  น้ำลาย  เหงื่อ  มันข้น  เลือด  ไขข้อ  ดี  เปลวมัน  อันปุถุชนผู้เป็นคนพาล  ย่อมไม่เห็นตามความเป็นจริง.

      อนึ่ง  ของอันไม่สะอาดย่อมไหลออกจากช่องทั้งเก้าของกายนี้ทุกเมื่อ  คือ  ขี้ตาจากตา  ขี้หูจากหู  และน้ำมูกจากจมูก  บางคราวย่อมสำรอกออกจากปาก  ดีและเสลดย่อมสำรอกออก  เหงื่อและหนองฝีซึมออกจากกาย.

      อนึ่ง  อวัยวะเบื้องสูงของกายนี้เป็นโพลง  เต็มด้วยมันสมอง  คนพาลถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้ว  ย่อมสำคุญกายนั้นโดยความเป็นของสวยงาม.

      ก็เมื่อใด  เขาตายขึ้นพอง  มีสีเขียว  ถูกทิ้งไว้ในป่า  เมื่อนั้นญาติทั้งหลายย่อมไม่ห่วงใย  สุนัขบ้าน  สุนัขจิ้งจอก  หมาป่า  หมู่หนอน  กา แร้ง  และสัตว์เหล่าอื่น  ย่อมกัดกินกายนั้น.

      ภิกษุในศาสนานี้  ได้ฟังพระพุทธพจน์แล้ว  มีความรู้ชัด  เธอย่อมกำหนดรู้กายนี้  ย่อมเห็นตามความเป็นจริงทีเดียว  สรีระที่มีวัญญาณนี้  เหมือนสรีระที่ตายแล้วนั่น  สรีระที่ตายแล้วนั้น  เหมือนสรีระที่มีวิญญาณนี้.

      ภิกษุพึงคลายความพอใจในกายเสียทั้งภายในและภายนอก  ภิกษุนั้นมีความรู้ชัดในศาสนานี้  ไม่ยินดีแล้วด้วยฉันทราคะ  ได้บรรลุอมฤตบท  สงบ  สดับ  ไม่จุติ.

     กายนี้มีสองเท้า  ไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็น  อันบุคคลบริหารอยู่  เต็มไปด้วยซากศพต่าง ๆ ถ่ายของไม่สะอาด  มีน้ำลาย  และน้ำมูก  เป็นต้นให้ไหลออกจากทวารทั้งเก้า  และขับเหงื่อไคลให้ไหลออกจากขุมขนนั้น ๆ  ผู้ใดพึงสำคัญเพื่อยกย่องตัวหรือพึงดูหมิ่นผู้อื่น  จักมีอะไรนอกจากการไม่เห็นอริยสัจ.

(80.39/494-495 หรือ 45.25/331-332  วิชชยสูตร)

      (303)  เธอจงพิจารณาอัตภาพกระดูก 300 ท่อนยกขึ้นแล้วอันกระสับกระส่ายไม่สะอาด  เป็นของเปื่อยเน่า  จงอบรมจิตให้ตั้งมั่น  มีอารมณ์เดียวด้วยอสุภภาวนา  อนึ่ง  เธอจงอบรมจิตให้หานิมิตมิได้ และบรรเทาซึ่งอนุสัยคือมานะ  เพราะการละมานะเสียได้  แต่นั้นจักเป็นผู้สงบเที่ยวไป.

(80.41/659 หรือ 45.26/447  นันทเถรีคาถา)

      (304)  ท่านจงพิจารณากายนี้อันไม่สะอาด  เปื่อยเน่ามีกลิ่นเหม็น  เบื้องต้นตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไป  เบื้องต่ำตั้งแต่ปลายผมลงมา  เราพิจารณาอยู่อย่างนี้ ถอนราคะทั้งปวงได้แล้ว  ตัดความเร่าร้อนขาดแล้ว  เป็นผู้มีใจเย็น  ดับสนิทแล้ว.

(80.41/662 หรือ 45.26/449  อภยมาตาเถรีคาถา)

      (305)  ร่างกายนี้เป็นของไม่เที่ยง  เป็นรังแห่งโรค  คือ  ความตายถูกความตาย  และความเสื่อมโทรมบีบคั้นแล้ว.

(80.41/606 หรือ 45.26/413  ตารปุปุฏเถรคาถา)

      (306)  อัคคิเวสสนะ  ก็กายนี้มีรูป  เป็นที่ประชุมมหาภูตทั้งสี่  มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด  เจริญด้วยข้าวสุกและขนมสด  ต้องอบและขัดสีกันเป็นนิจ  มีความแตกกระจัดกระจายเป็นธรรมดา  ท่านควรพิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  เป็นโรค  เป็นดังหัวฝี  เป็นดังลูกศร  เป็นความลำบาก  เป็นความเจ็บไข้  เป็นดังผู้อื่น  เป็นของทรุดโทรม  เป็นของว่างเปล่า  เป็นของมิใช่ตน.

      เมื่อท่านพิจารณาเห็นกายนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  เป็นโรค  เป็นดังหัวฝี  เป็นดังลูกศร  เป็นความลำบาก  เป็นความเจ็บไข้  เป็นดังผู้อื่น  เป็นของทรุดโทรม  เป็นของว่างเปล่า  เป็นของมิใช่ตนอยู่  ท่านย่อมละความพอใจในกาย  ความเยื่อใยในกาย  ความอยู่ในอำนาจของกายในกายได้.

(80.19/310 หรือ 45.13/226  ทีฆนสูตร  พระผู้มีพระภาคตรัสกับปริพาชก  ชื่อทีฆนขะ)

     (307)  จงมาดูอัตภาพอันวิจิตร  มีกายเป็นแผล  อันคุ้มกันอยู่แล้ว  กระสับกระส่าย  เป็นที่ดำริของชนเป็นอันมาก  ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง.

      จงมาดูรูปอันวิจิตรด้วยแก้วมณีและกุณฑล  มีกระดูกอันหนังหุ้มห่อไว้  งามพร้อมด้วยผ้า (ของหญิง) เท้าที่ย้อมด้วยสีแดงสด  หน้าที่ไล้ด้วยจุณ  พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้  แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือนิพพานไม่ได้.

      ผมที่แต่งงาม  ตาที่ยิ้มด้วยยาหยอด  กายเน่าอันประดับด้วยเครื่องอลังการ  ประดุจทนานยาหยอดอันใหม่วิจิตร  พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้  แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือนิพพานไม่ได้.

      ท่านเป็นดังพรานเนื้อวางบ่วงไว้  แต่เนื้อไม่ติดบ่วง  เมื่พรานเนื้อกำลังคร่ำครวญอยู่  เรากินแต่อาหารแล้วก็ไป

(80.20/459 หรือ 45.13/333  รัฐปาลสูตร)

      (308)  นรชนผู้ยังคลุกคลีอยู่ในกามคุณ  เป็นผู้ตระเตรียมไปสู่ความตายเป็นนิตย์  เป็นผู้ตั้งอยู่ในที่ใกล้มัจจุราช  จักต้องทิ้งร่างกายไว้ในโลกนี้เอง.

      กายอันอวิชชาหุ้มห่อแล้ว  ผูกรัดด้วยเครื่องผูก 4 ประการ  จมอยู่ในห้วงน้ำ   คือ  กิเลส  ปกคลุมไว้ด้วยข่าย  คือกิเลส  อันนอนเนื่องอยู่ในสันดาน  ประกอบแล้วในนิวรณ์ 5   เพรียบพร้อมด้วยวิตก  ประกอบด้วยรากเหง้าแห่งภพ  คือ  ตัณหา  ปกปิดด้วยเครื่องปกปิด    คือ  โมหะ  หมุนไปด้วยเครื่องหมุน  คือ  กรรม.

      ร่างกายนี้ย่อมมีสมบัติกับวิบัติเป็นคู่กัน  มีความเป็นต่าง ๆ เป็นธรรมดา  ปุถุชนคนอันธพาลเหล่าใด  มายึดถือร่างกายนี้ว่าเป็นของเรา  ย่อมยังสงสารอันน่ากลัวให้เจริญ  ปุถุชนเหล่านั้น  ย่อมถือเอาภพใหม่อีก.

      กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิตเหล่าใด  ละเว้นร่างกายนี้อันฉาบทาแล้วด้วยคูถ  ดังบุรุษผู้ประสงค์ความสุข  อยากมีชีวิตอยู่  เห็นอสรพิษแล้วหลีกหนีไป  ฉะนั้น.

      กุลบุตรเหล่านั้นละอวิชชาอันเป็นรากเง่าแห่งภพแล้ว  เป็นผู้ไม่มีอาสวะ  จักนิพพาน.

(80.41/504-505 หรือ 45.26/346  กัปปเถรคาถา)

      (309)  ความพอใจในเมถุนธรรม  ไม่ได้มีแก่เรา  เพราะได้เห็นนางตัณหา  นางอรดี  และนางราคาเลย  ความพอใจในเมถุนธรรมอย่างไรจักมี  เพราะได้เห็นสรีระแห่งธิดาของท่านอันเต็มไปด้วยมูตรและคูถเล่า  เราไม่ปรารถนาจะถูกต่องสรีระแห่งธิดาของท่านนั้นแม้ด้วยเท้า.

(80.39/666 หรือ 45.25/443  มาคันทิยสูตร  พระผู้มีพระภาคตรัสกับมาคันทิยพราหมณ์)

     (310)  เราติเตียนกระท่อม  คือ  สรีระอันสำเร็จด้วยโครงกระดูกอันฉาบทาด้วยเนื้อ  ร้อยรัดด้วยเส้นเอ็น  เต็มไปด้วยของไม่สะอาด  มีกลิ่นเหม็นน่าเกลียด  ท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่