:CEN คาดรายได้เติบโตราว10% จากปีก่อน-ทั้งปีพลิกกลับมีกำไร

กระทู้สนทนา
Update:CEN คาดรายได้เติบโตราว10% จากปีก่อน-ทั้งปีพลิกกลับมีกำไร





    สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(30 กรกฎาคม 2557)--- "วุฒิชัย ลีนะบรรจง" บิ๊ก CEN คาดรายได้เติบโตราว10% จากปีก่อน แย้มเริ่มมีกำไรตั้งแต่Q2/2557 หวังทั้งปีพลิกกลับมีกำไร หลังปีก่อนขาดทุน2.15 ลบ. เล็งซื้อกิจการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง- ธุรกิจใหม่ แย้มคุยหลายราย มีเงินพร้อมซื้อ 300-500 ลบ.


     นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการ บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) CEN เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้เติบโตไม่ถึง10% จากเดิมคาดเติบโต15%โดยต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังก่อนประกอบ และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คาดว่าทั้งปีรายได้เติบโตไม่ถึง10% จากเดิมคาดปีนี้เติบโต15% อย่างไรก็ตาม ในช่ครึ่งปีหลังยังพอมีเวลาอีก 5-6 เดือน โดยคาดสถานการณ์ดีขึ้น และทีมผู้บริหารพยายามทำให้ธุรกิจเติบโต ประกอบกับ CEN เป็นโฮลดิ้ง  ดังนั้นจึงมีผลการดำเนินที่เติบโตจาก บมจ.ระยองไวร์ อินดัสตรียส์ และบมจ.เอื้อวิทยา ทำให้ CEN เติบโตดีขึ้นด้วย ขณะที่ บมจ.เอื้อวิทยา มีการรับงาน และประมูลงานเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพครึ่งปีหลังเติบโต และมั่นใจว่า CEN ครึ่งปีหลังเติบโตกว่าปีก่อน

     ทั้งนี้ บริษัทฯ  เริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส2/2557  โดยทั้งปีคาดจะพลิกกลับมามีกำไร  หลังปีก่อนขาดทุน 2.15 ล้านบาท  เพราะมีการตั้งสำรอง ทำให้มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปีก่อน
                
     "หน้าที่หลักของเราคือลงทุน ตอนนี้ก็มีคนมาชวนเราลงทุนเยอะ โดยหลักๆ เราดูพลังงานโคเจน และพลังงานทางเลือก เพราะดูเเล้วเป็นธุรกิจที่เติบโตดี ซึ่ง เป็นในประเทศ และอยู่ นอกตลาดๆ เราต้องศึกษามากๆ เพราะการทำธุรกิจสมัยนี้มันเสี่ยง ซึ่เงราจะมองสิ่งที่เราถนัด มองเรื่องชิ้นส่วน เเละเรื่องของการเข้าไปลงทุน โดยเลือกดู ธุรกิจอะไรที่ผลตอบแทนที่ดี  ความเสี่ยงต่ำ และมีอัตราผลตอบแทนที่ดี เราเองก็มีวงเงินในการลงทุน วางงบ300-500 ล้านบาท โดย อาจจะเป็นการเข้าไปลงทุน 1-2 บริษัท"นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการ บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) CEN กล่าว


     อนึ่ง บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน)  (CEN) ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน บริษัทมีบริษัทย่อยจำนวน 8  บริษัท  โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.  บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) (RWI) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 77.78  มีทุนจดทะเบียน 300,000,000 บาท และทุนชำระแล้ว 225,000,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 450,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย  (1) ลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยว (PC-wire)   ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้นสำเร็จรูป   (2) ลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดตีเกลียว (PC-Strand)  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น คานสะพาน เสาเข็มขนาดใหญ่ และ  (3)  ลวดเชื่อมไฟฟ้า (Welding Wire)  (4) ลวดอื่นๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเชื่อมโลหะ
2.  บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) (UWC) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 57.80 มีทุนจดทะเบียน 560,015,418 บาท  และทุนจดทะเบียนชำระแล้ว  383,673,599 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 383,673,599 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท   ประกอบธุรกิจผลิตงาน  (1) โครงเหล็กเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง   (2) เสาโทรคมนาคม   (3) โครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย (4) โครงเหล็กทั่วไป  (5) บริการงานชุบสังกะสี  (6) จัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม
3.  บริษัท เอ็นเนซอล  จำกัด  (ENS) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 80.08  มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว  242,000,000  บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 2,420,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100  บาทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อนให้แก่ บริษัท เดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด  และบริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน)
4.  บริษัท ไปป์ ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (PLE)  บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ96 มีทุนจดทะเบียน 150,000,000 บาท และทุนชำระแล้ว  144,000,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,440,000 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท  ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน และงานก่อสร้างอย่างอื่นทุกชนิด
5.  บริษัท เอชทีพี แอนด์ เซ็น คอร์เปอเรชั่น จำกัด (HTP & CEN) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51.00  มีทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท  และทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว  2,500,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 250,000 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท  ประกอบธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งสินค้านวตกรรมไฮเทคทุกชนิด
6.  บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด (THAN)  บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 35  มีทุนจดทะเบียน 120,000,000 บาท  และทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว  102,450,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 10,245,000 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท  ประกอบธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์  โฆษณา  และงานกิจกรรม  ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการออกจากแผนฟื้นฟู
7.  บริษัท ดับเบิ้ลยู เจ ซี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (WJC) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 89.23   มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 80,000,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ประกอบธุรกิจงานบริการก่อสร้างงานโลหะ งานออกแบบและบริการขึ้นรูปโลหะมีโรงงานตั้งอยู่ที่แหลมฉบัง  โดยรับงานโลหะทั้งในและต่างประเทศของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี  อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอื่นๆ
8.  บริษัท พีพีเอส เอนเนอยี แอนด์ มารีน จำกัด  (PPS) บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65.00 มีทุนจดทะเบียน 150,000,000 บาท  และทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว  133,000,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,330,000 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปาและซื้อขายน้ำดิบ
โครงสร้างรายได้     แบ่งเป็น  กลุ่มธุรกิจลวดเหล็ก50.82%     ,  กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและขุดเจาะอุโมงค์   0.67%   ,  กลุ่มธุรกิจผลิตเสาโครงเหล็ก33.88%   ,   กลุ่มธุรกิจกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อน  11.31%    และ  รายได้อื่นๆ   ประกอบด้วย รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลอยได้ ส่วนลดรับจากหนี้ค่าปรับงานล่าช้าตามสัญญา  กำไรจากการขายเงินลงทุน และเงินปันผล   ราว   3.32%

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่