จักรวาลในพระไตรปิฏก

คำว่า "จักรวาล" เป็นสถานที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์ทั้งมวล ตั้งแต่สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน มนุษย์ เทวดา และพระพรหม ความรู้เรื่องจักรวาลนี้อาจจะเกินความรู้ความสามารถของมนุษย์ทั่วไปสักหน่อย เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มีตาเนื้อมองเห็นเฉพาะวัตถุหยาบ ๆ และมองเห็นได้ไม่ไกลนัก จึงมองเห็นแค่คน สัตว์ สิ่งของ ดิน หิน ภูเขา ท้องฟ้า และต้นไม้ใบหญ้า ส่วนที่ละเอียด เป็นทิพย์ เช่น เทวดา หรือสวรรค์วิมานเบื้องบน มนุษย์ทั่วไปไม่อาจจะมองเห็นได้เลย ทำให้เกิดการถกเถียงกันระหว่างคนตาทิพย์กับคนตาถั่วอยู่บ่อย ๆ พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเรื่องของจักรวาลเป็นอจิณไตย ไม่ควรคิด เพราะจะทำให้เป็นบ้าไปเสียเปล่าๆ แต่แม้จะเป็นเรื่องอจิณไตยพระพุทธองค์ก็ยังตรัสถึงเรื่องของจักรวาลไว้มากพอสมควรทีเดียว

พระพุทธองค์ตรัสว่าจักรวาลมีมากมายนับไม่ถ้วน เรียกว่า อนันตจักรวาล แต่ละจักรวาลมีขอบเขตแน่นอนล้อมรอบด้วยภูเขาจักรวาล หลายๆ จักรวาลที่มาอยู่ประชิดติดกันเรียกว่าโลกธาตุ โลกธาตุขนาดเล็กคือกลุ่มจักรวาลพันจักรวาล โลกธาตุขนาดกลางคือกลุ่มจักรวาลล้านจักรวาล และโลกธาตุขนาดใหญ่คือกลุ่มจักรวาลแสนโกฏิจักรวาล ด้วยพระญาณของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงแทงตลอดในแสนโกฏิจักรวาล แต่สำหรับมนุษย์ทั่วไปแค่เศษเสี้ยวของจักรวาลก็ยังเห็นไม่ชัด

ใน "อรรถกถา" ขุทกนิกายอธิบายว่าจักรวาลหนึ่งๆ มีลักษณะเป็นวงกลม มีปริมณฑล ๓,๖๑๐,๓๕๐ โยชน์ ล้อมรอบด้วยภูเขาจักรวาล เบื้องบนเป็นอากาศ เบื้องล่างเป็นปฐพี ใต้ปฐพีรองรับด้วยน้ำ ใต้น้ำรองรับด้วยลม และใต้ลมเป็นความว่างเปล่า
ชั้นพื้นปฐพีมีความหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์
ชั้นน้ำหนา ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์ ชั้นลมหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์

ในพระคิริมานนทสูตร อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับจักรวาลไว้ว่า เบื้องล่างสุดใต้ชั้นลมลงไปเป็นความว่างเปล่าหาที่สุดมิได้ และเบื้องบนสุดเหนือพรหมโลกขึ้นไปก็เป็นความว่างเปล่าหาที่สิ้นสุดมิได้เช่นกัน
ในแต่ละจักรวาลประกอบด้วยทวีปใหญ่ทั้ง ๔ กับทวีปน้อย ๒ พัน มีมหานรก ๘ ขุม และนรกบริวาร มีสวรรค์ ๖ ชั้น มีพรหมโลกที่เป็นชั้นรูปภูมิ ๑๖ ชั้น และชั้นอรูปภูมิอีก ๔ ชั้น เหมือนกันทุกจักรวาล โลกมนุษย์ของเราเป็นเพียงทวีปหนึ่งใน ๔ ทวีปใหญ่เท่านั้น เรียกว่า ชมพูทวีป หรือบางทีก็เรียกว่า โลกชมพู
ภูเขาจักรวาลที่โอบล้อมรอบนอกสุดของจักรวาลนั้นเป็นภูเขาทิพย์ สูง ๘๒,๐๐๐ โยชน์ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกรวมอะไรๆ ที่อยู่ในวงรอบของภูเขาลูกนี้ว่า จักรวาล และเนื่องจากมีจักรวาลจำนวนมากเบียดกันอยู่ จึงมี ๓ จักรวาลที่เอาขอบเขาจักรวาลมาสัมผัสกัน เหมือนวงกลมสัมผัสกัน ๓ วง ระหว่างจักรวาลทั้งสามนั้นจึงมีช่องว่าง

ช่องตรงนั้นแหละเรียกว่า "โลกันตนรก" แปลว่า "นรกที่อยู่ระหว่างโลกธาตุ" พวกที่มีมิจฉาทิฏฐิดิ่งลึกจนสวรรค์ไม่ต้อนรับ นรกยังยิ้มไสไล่ส่ง จะพากันมาห้อยโหนกันอยู่ตรงนี้ เพราะอยู่ภายในจักรวาลไม่ได้ ในโลกันตนรกมืดสนิทมาก แม้เพียงแสงน้อยนิดจากก้นหิ่งห้อยก็ยังไม่มี เพราะอยู่ไกลเกินกว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงไปถึง อีกทั้งยอดเขาจักรวาลนั้นก็สูงกว่าดวงอาทิตย์อยู่มาก จึงเป็นไม่ได้เลยที่แสงอาทิตย์จะส่องสว่างไปถึงด้วยเหตุนี้โลกันตนรกจึงเยือกเย็น น่าสะพรึงกลัว นานเท่านาน เมื่อมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้องค์หนึ่งนั่นแหละ จึงจะมีโอภาสจากบุพนิมิต ๓๒ ประการ ปรากฏให้เห็นเพียงแว่บเดียวชั่วฟ้าแล่บ แล้วก็กลับมืดมิดลงเหมือนเดิม

สัตว์ในโลกันตนรกที่ห้อยโหนอยู่นั้นเป็นเปรต แต่เพราะมีความเป็นอยู่ที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสจึงเรียกว่าสัตว์นรกด้วย (และนับว่าบริเวณนี้เป็นมหานรกขุมที่ ๙ ไปด้วย) สัตว์นรกทุกตัวปีนป่ายมองอะไรไม่เห็น หิวโหยเพราะไม่มีอะไรกิน พอเข้ามาใกล้กันคว้าจับกันได้ก็นึกว่าเป็นอาหาร จึงปล้ำจับกันกินเป็นอาหารน่าเวทนานัก

ความรู้เรื่องจักวาลบางส่วนในพระไตรปิฏก
นอกจากสัตว์นรกแล้ว นอกขอบเขาจักรวาลนี้ไม่มีเทวดาหรือสัตว์อื่นอาศัยอยู่เลย แต่บริเวณขอบเขาจักรวาลนี้แหละที่เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว มีเทวดาจากหมื่นโลกธาตุมาชุมนุมกันเนืองแน่น เผ่นหนีพระยามาราธิราชที่ไปขัดขวางพระโพธิสัตว์คืนวันตรัสรู้มารอชมพระบารมีกันอยู่ตรงนี้จักรวาลหนึ่งโดยยาวและโดยกว้าง 1,203,450 โยชน์ โดยรอบ 3,610,350 โยชน์.(อ.เสลสูตร) 47/531/9
http://www.tripitaka91.com/91book/book47/501_550.htm#531

เทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา อยู่ท่ามกลางเขาสิเนรุ พวกอยู่ตามภูเขาก็มี อยู่ในอากาศก็มีอยู่ต่อๆ กันไปถึงจักรวาลบรรพต เทวดาเหล่านี้คือ พวกขิฑฑาปโทสิกะพวกมโนปโทสิกะ พวกสีตวลาหกะ พวกอุณหวลาหกะ จันทิมเทพบุตร สุริย-เทพบุตร ทั้งหมดนี้อยู่เทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา. (อ.คุหัฏฐกสุตตนิทเทสที่ ๒)
http://www.tripitaka91.com/91book/book65/301_350.htm#343

พระวิปัสสีโพธิสัตว์อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต ตลอด 576 ล้านปี (อ.มหาปทานสูตร) 13/95/5
http://www.tripitaka91.com/91book/book13/051_100.htm#95

โลกันตรนรก อยู่ในระหว่างจักรวาลทั้ง 3 ดุจช่องว่าง ในท่ามกลางล้อเกวียน 3 ล้อ ผู้กระทำความผิด ต่อมารดาบิดา และสมณพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมและ ทำกรรมร้ายกาจ มีฆ่าสัตว์ทุกวัน ย่อมเกิดในนรกนี้ (อ.มหาปทานสูตร) 13/102/1 http://www.tripitaka91.com/91book/book13/101_150.htm#102

ท้าวจาตุมหาราชในแต่ละจักรวาล มีจักวาลละ 4 องค์ (อ.มหาปทานสูตร) 13/103/9
http://www.tripitaka91.com/91book/book13/101_150.htm#103

มารมีอานุภาพมาก เป็นใหญ่ในสวรรค์ ชั้นกามาพจร 6 ชั้น. (อ.ปสูรสุตตนิทเทส) 65/794/11    http://www.tripitaka91.com/91book/book65/751_800.htm#794

พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมในจักรวาล อื่น (อ.มหาปรินิพพานสูตร) 13/396/19
http://www.tripitaka91.com/91book/book13/351_400.htm#396

ในหมื่นจักรวาลนี้ พระพุทธเจ้า จะทรงเกิดขึ้นในประเทศส่วนกลางแห่งชมพู- ทวีป ในจักรวาลนี้เท่านั้น (อ.มหาโควินทสูตร) 14/54/1
http://www.tripitaka91.com/91book/book14/051_100.htm#54

พวกเทวดาหมื่นจักรวาล ประชุมกัน (อ.สมยสูตร) 24/212/14
http://www.tripitaka91.com/91book/book24/201_250.htm#212



ฤๅษีชื่อโรหิตัสสะมีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศได้ เดินทางก้าวละจักรวาล เพื่อหาที่สุดโลกตลอด 100 ปี ก็ยังไม่ถึงที่สุดโลก แต่ตายก่อน (โรหิตัสสสูตร) 24/381/19
http://www.tripitaka91.com/91book/book24/351_400.htm#381

โรหิตัสสฤๅษีเกิดในยุคที่มนุษย์มีอายุยืน แต่เริ่มเดินทางหาที่สุดโลก เมื่ออายุขัย เหลือ 100 ปี จึงตายแล้วมาบังเกิดในจักรวาลนี้อีก (อ.โรหิตัสสสูตร) 24/383/19
http://www.tripitaka91.com/91book/book24/351_400.htm#383

อนันตะ (สิ่งไม่มีที่สุด) 4 อย่าง คือ อากาศ จักรวาล หมู่สัตว์ พุทธญาณ.(อ.จิตตุปปาทกัณฑ์) 75/433/20
http://www.tripitaka91.com/91book/book75/401_450.htm#433

โลกันตริยนรก อยู่ในระหว่าง จักรวาล 3 จักรวาล กว้างใหญ่ ประมาณ8,000 โยชน์ (อ.ขัชชนิยสูตร) 27/192/4
http://www.tripitaka91.com/91book/book27/151_200.htm#192

โลกันตริกนรก ตั้งอยู่ในระหว่างทุกๆ สามจักรวาล สัตว์นรกมีอัตภาพ 3 คาวุต.(อ.ขันธวิภังคนิเทศ) 77/25/18
http://www.tripitaka91.com/91book/book77/001_050.htm#25

ในคราวกัปพินาศ เมื่อมหาชนพากันเกิดในพรหมโลก บุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดอันดิ่ง) ไม่เกิดในพรหมโลกนั้น แต่กลับเกิดที่หลังจักรวาล เมื่อ จักรวาลถูกไฟไหม้อยู่ในโอกาสแห่งหนึ่งในอากาศ (อ.สูตรที่ ๓) 33/195/19
http://www.tripitaka91.com/91book/book33/151_200.htm#195

http://www.tripitaka91.com/91book/book34/401_450.htm#431
พระพุทธเจ้าทรงแสดง โลกธาตุอย่างเล็กมี 1,000 จักรวาล มีทวีปทั้ง 4 อย่าง ละ 1,000 มีมหาราช อย่างละ 4,000 มีสวรรค์ 6 ชั้น และพรหมโลกชั้นละ 1,000 จนถึงแสนโกฏิจักรวาล และตรัสว่า พระอานนท์จะปรินิพพานในชาติปัจจุบัน. (จูฬนีสูตร) 34/431/19

พระพุทธเจ้าเสด็จไป แสดงธรรมในจักรวาลอื่น เพื่อเป็นนิสัยวาสนาในอนาคต แก่เขา (อ.ปริสสูตร) (ปริสาสูตร) 37/612/13
http://www.tripitaka91.com/91book/book37/601_650.htm#612

จักรวาลหนึ่งๆ จะมีทวีปใหญ่ 4 ทวีป และทวีปน้อย 2 พันทวีป (อ.รตนสูตร) 47/35/20
http://www.tripitaka91.com/91book/book47/001_050.htm#35

ชาวอุตตรกุรุทวีปมีอายุ 1,000 ปีเท่ากันหมด เมื่อตายแล้วย่อมเกิดในสวรรค์ เท่านั้น (อ.ฐานสูตร) 37/791/11
http://www.tripitaka91.com/91book/book37/751_800.htm#791

เมื่อจักรวาลพินาศ แม้สัตว์นรกก็ไปเกิดในพรหมโลก (อ.บุพเพนิวาสานุสติญาณนิทเทส) 68/1006/10
http://www.tripitaka91.com/91book/book68/1001_1050.htm#1006

พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ทรงพิจารณาเห็นคนผู้ควรตรัสรู้ แล้วก็เสด็จไปประทานโอวาทในพันแห่งจักรวาล (เหมกเถราปทาน) 71/980/16
http://www.tripitaka91.com/91book/book71/951_1000.htm#980

ขอขอบคุณ
บล็อคของนายอังคาร
Bloggang.com : oddy.freebird : ที่สุดขอบเขาจักรวาล
www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dhamma-dd&month...

พระไตรปิฏกฉบับ 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย
http://www.tripitaka91.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่