สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เพราะสหรัฐมีฐานการผลิตที่ใหญ่ ขนาดเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าเศรษฐกิจขนาดใหญ่ตาม
การมองประเทศ เราไม่ได้สามารถมองได้หรอกว่าเค้าขาดดุลการค้าทุกปีแล้วนั่นคือเหตุผลที่ประเทศอาจจะย่ำแย่
เพราะรายได้ประเทศก็ไม่ได้พึ่งพาแค่การค้าระหว่างประเทศเพียงอย่างเดียว ยังมาจากภาษี การลงทุน
หรือรายได้ส่วนอื่นเช่น กองทุนความมั่งคั่ง (SWF) และอำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจ
ประเทศอะไรก็ตามบนโลกนี้ สามารถพิมพ์เงินเองออกมาตามใจชอบได้หมดแหละ แต่จะมีคนเชื่อถือมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง
เงินมันเป็นแค่กระดาษที่เอาเข้าเครื่องพิมพ์ แปะหน้าคน แปะตัวเลข แล้วบอกว่ามันมีค่า รัฐบาลประเทศต่างๆเป็นผู้รับประกัน
เงินดอลลาร์เอง แม้กระทั่ง Fed Chairman สาขา คลีฟแลนด์ ก็ยังเคยพูดว่า ดอลลาร์มันเป็นความเชื่อล้วนๆ
และเงินกระดาษก็ความเชื่อกันล้วนๆ และทุกวันนี้ก็อย่างที่เห็น ไม่ใช่เฉพาะสหรัฐเท่านั้น ที่ใช้มาตรการพิมพ์เงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
ไม่เว้นแม้แต่ สหภาพยุโรป ที่ล่าสุดมีทั้ง ESM EFSF LTRO หรือมาตรการต่างๆ ก็เกิดจากการพิมพ์เงินยูโรออกมาเพื่อซื้อหนี้ตนเอง
เช่นเดียวกับสหรัฐ ก็มี QE 1, 2, 3 และ Operation Twist มันก็คือมาตรการพิมพ์เงิน ซื้อหนี้ กดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืม
ญี่ปุ่นเองก็กำลังใช้มาตรการดังกล่าวในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ซึ่งนั่นส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างแรง
และต่อให้ประเทศที่ไม่ได้พิมพ์เงินออกมามาก แต่เศรษฐกิจกำลังพัง ขาดดุลการค้า โดยคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ประเทศกำลังหมดความน่าเชื่อถือ และหมดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอย่าง "รัสเซีย" ค่าเงินรูเบิลก็ร่วงลงมาตลอดเช่นกัน
เงินมันเป็นแค่ตัวเรียกความเชื่อมั่นเท่านั้น มันเป็นแค่กระดาษ และบอกว่ามีใครการันตีในตัวมัน
แต่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า นั่นคือขีดความสามารถสูงที่สุดของประเทศนั้นๆ เพราะโอกาสทางเศรษฐกิจ และความแข็งแกร่ง
รวมถึงความเชื่อมั่น ความเข้มแข็งของภาครัฐ และเอกชน เป็นเรื่องที่สำคัญที่ทำให้รัฐที่ยิ่งใหญ่ ยังคงอยู่ได้อย่างยิ่งใหญ่
สหรัฐเองยังมีความน่าเชื่อถือ มีเครดิตในประชาคมโลกอยู่มาก จีนเองยังไงก็ตาม วันหนึ่งก็ต้องขึ้นไปสู่ประเทศ
ซึ่งมี "ขนาด" ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเศรษฐกิจจีนใหญ่ได้เนื่องจากเป็นสเกลของจำนวนประชากร
แต่ถ้าเทียบกันในแง่การวัดเชิงคุณภาพอย่าง GDP PPP หรือ GDP ต่อหัวแล้ว กว่าจีนจะขึ้นไปเท่าสหรัฐ
ก็ยังต้องใช้เวลานานอีกหลายขุม เพราะล่าสุดพี่จีน GDP ต่อหัว พึ่งแซงหน้าไทยไปเมื่อปีสองปีก่อนเท่านั้นเอง
อย่างบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐ เป็นบริษัทที่มี Competitive Advantage สูงมาก และเป็นบริษัทระดับ Global Company
การที่จะหาผู้เข้าแข่งขันทางเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันกับสหรัฐได้ ยังคงเป็นเรื่องยาก
บริษัทต่างๆก็ยังคงมีสมรรถนะสูงในการสร้างผลกำไร การขยายอำนาจ และอิทธิพลของบริษัทให้ใหญ่ขึ้น
ตัวบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐเองก็ใหญ่มหึมามาก ซึ่งนั่นทำให้สหรัฐมีอำนาจการต่อรองในประชาคมโลกพอสมควร
ลองเทียบง่ายๆอย่าง Apple เอาเฉพาะ Market Capitalization ของ Apple บริษัทเดียว ก็ใหญ่กว่า
Market Cap ของตลาดหุ้นไทยทั้งตลาด หรือเทียบกันจริงๆคือ ตลาดหุ้นไทยทั้งตลาด มีมูลค่าเพียง "ครึ่งเดียว"
ของมูลค่าตามราคาตลาดของบริษัท Apple ซึ่งนั่นทำให้การเปรียบเทียบสามารถมองเห็นได้ง่ายมากขึ้น
หรือถ้าเทียบให้น่าดูกว่านั้นอีก เอาเฉพาะเงินสดที่ Apple มีอยู่ในมือเวลานี้กว่า 150,000 ล้านดอลลาร์
ที่เป็นเงินที่ Apple สามารถจะใช้ทำอะไรก็ได้ ถ้าเทียบกันแล้วในเงินสดทั้งหมดที่ Apple มี
สามารถซื้อธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในไทย 3 แห่ง คือ SCB, KBANK, BBL ตามราคาตลาดได้โดยถือหุ้น 100% ด้วย
หรือก็มากพอๆกับจำนวนเงินช่วยเหลือจาก ECB ที่เข้าไปอุ้ม "รัฐบาลกรีซ" เมื่อมีปัญหาทางการเงินได้
ถ้ายังมองไม่ชัด ก็อาจจะพูดได้ว่าเฉพาะเงินที่ Apple มี คืองบประมาณรายจ่ายประเทศไทยทั้งประเทศได้ถึง 2 ปีอย่างสบายๆ
เงินมันเป็นเพียงแค่สิ่งสมมติ อำนาจต่างหากที่เป็นของจริง
การมองประเทศ เราไม่ได้สามารถมองได้หรอกว่าเค้าขาดดุลการค้าทุกปีแล้วนั่นคือเหตุผลที่ประเทศอาจจะย่ำแย่
เพราะรายได้ประเทศก็ไม่ได้พึ่งพาแค่การค้าระหว่างประเทศเพียงอย่างเดียว ยังมาจากภาษี การลงทุน
หรือรายได้ส่วนอื่นเช่น กองทุนความมั่งคั่ง (SWF) และอำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจ
ประเทศอะไรก็ตามบนโลกนี้ สามารถพิมพ์เงินเองออกมาตามใจชอบได้หมดแหละ แต่จะมีคนเชื่อถือมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง
เงินมันเป็นแค่กระดาษที่เอาเข้าเครื่องพิมพ์ แปะหน้าคน แปะตัวเลข แล้วบอกว่ามันมีค่า รัฐบาลประเทศต่างๆเป็นผู้รับประกัน
เงินดอลลาร์เอง แม้กระทั่ง Fed Chairman สาขา คลีฟแลนด์ ก็ยังเคยพูดว่า ดอลลาร์มันเป็นความเชื่อล้วนๆ
และเงินกระดาษก็ความเชื่อกันล้วนๆ และทุกวันนี้ก็อย่างที่เห็น ไม่ใช่เฉพาะสหรัฐเท่านั้น ที่ใช้มาตรการพิมพ์เงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
ไม่เว้นแม้แต่ สหภาพยุโรป ที่ล่าสุดมีทั้ง ESM EFSF LTRO หรือมาตรการต่างๆ ก็เกิดจากการพิมพ์เงินยูโรออกมาเพื่อซื้อหนี้ตนเอง
เช่นเดียวกับสหรัฐ ก็มี QE 1, 2, 3 และ Operation Twist มันก็คือมาตรการพิมพ์เงิน ซื้อหนี้ กดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืม
ญี่ปุ่นเองก็กำลังใช้มาตรการดังกล่าวในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ซึ่งนั่นส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างแรง
และต่อให้ประเทศที่ไม่ได้พิมพ์เงินออกมามาก แต่เศรษฐกิจกำลังพัง ขาดดุลการค้า โดยคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ประเทศกำลังหมดความน่าเชื่อถือ และหมดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอย่าง "รัสเซีย" ค่าเงินรูเบิลก็ร่วงลงมาตลอดเช่นกัน
เงินมันเป็นแค่ตัวเรียกความเชื่อมั่นเท่านั้น มันเป็นแค่กระดาษ และบอกว่ามีใครการันตีในตัวมัน
แต่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า นั่นคือขีดความสามารถสูงที่สุดของประเทศนั้นๆ เพราะโอกาสทางเศรษฐกิจ และความแข็งแกร่ง
รวมถึงความเชื่อมั่น ความเข้มแข็งของภาครัฐ และเอกชน เป็นเรื่องที่สำคัญที่ทำให้รัฐที่ยิ่งใหญ่ ยังคงอยู่ได้อย่างยิ่งใหญ่
สหรัฐเองยังมีความน่าเชื่อถือ มีเครดิตในประชาคมโลกอยู่มาก จีนเองยังไงก็ตาม วันหนึ่งก็ต้องขึ้นไปสู่ประเทศ
ซึ่งมี "ขนาด" ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเศรษฐกิจจีนใหญ่ได้เนื่องจากเป็นสเกลของจำนวนประชากร
แต่ถ้าเทียบกันในแง่การวัดเชิงคุณภาพอย่าง GDP PPP หรือ GDP ต่อหัวแล้ว กว่าจีนจะขึ้นไปเท่าสหรัฐ
ก็ยังต้องใช้เวลานานอีกหลายขุม เพราะล่าสุดพี่จีน GDP ต่อหัว พึ่งแซงหน้าไทยไปเมื่อปีสองปีก่อนเท่านั้นเอง
อย่างบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐ เป็นบริษัทที่มี Competitive Advantage สูงมาก และเป็นบริษัทระดับ Global Company
การที่จะหาผู้เข้าแข่งขันทางเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันกับสหรัฐได้ ยังคงเป็นเรื่องยาก
บริษัทต่างๆก็ยังคงมีสมรรถนะสูงในการสร้างผลกำไร การขยายอำนาจ และอิทธิพลของบริษัทให้ใหญ่ขึ้น
ตัวบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐเองก็ใหญ่มหึมามาก ซึ่งนั่นทำให้สหรัฐมีอำนาจการต่อรองในประชาคมโลกพอสมควร
ลองเทียบง่ายๆอย่าง Apple เอาเฉพาะ Market Capitalization ของ Apple บริษัทเดียว ก็ใหญ่กว่า
Market Cap ของตลาดหุ้นไทยทั้งตลาด หรือเทียบกันจริงๆคือ ตลาดหุ้นไทยทั้งตลาด มีมูลค่าเพียง "ครึ่งเดียว"
ของมูลค่าตามราคาตลาดของบริษัท Apple ซึ่งนั่นทำให้การเปรียบเทียบสามารถมองเห็นได้ง่ายมากขึ้น
หรือถ้าเทียบให้น่าดูกว่านั้นอีก เอาเฉพาะเงินสดที่ Apple มีอยู่ในมือเวลานี้กว่า 150,000 ล้านดอลลาร์
ที่เป็นเงินที่ Apple สามารถจะใช้ทำอะไรก็ได้ ถ้าเทียบกันแล้วในเงินสดทั้งหมดที่ Apple มี
สามารถซื้อธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในไทย 3 แห่ง คือ SCB, KBANK, BBL ตามราคาตลาดได้โดยถือหุ้น 100% ด้วย
หรือก็มากพอๆกับจำนวนเงินช่วยเหลือจาก ECB ที่เข้าไปอุ้ม "รัฐบาลกรีซ" เมื่อมีปัญหาทางการเงินได้
ถ้ายังมองไม่ชัด ก็อาจจะพูดได้ว่าเฉพาะเงินที่ Apple มี คืองบประมาณรายจ่ายประเทศไทยทั้งประเทศได้ถึง 2 ปีอย่างสบายๆ
เงินมันเป็นเพียงแค่สิ่งสมมติ อำนาจต่างหากที่เป็นของจริง
crony_p ถูกใจ, KKLL ถูกใจ, WT-NT ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1452663 ถูกใจ, NAI-A SIKHIU ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1547099 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 980028 ทึ่ง, Sleepless In August ถูกใจ, Snowdust ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1348978 ถูกใจรวมถึงอีก 14 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
อเมริกาขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลทุกปีแต่ทำไมเหมือนไม่มีผลกระทบอะไรกับอเมริกาเลย เพราะอะไร