****รีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ****
ทริปนี้คิดกันโดยบังเอิญ เพราะตอนแรกตั้งใจจะไปนั่งรถไฟทัวร์ปราสาทเมืองสิงห์-สายรถไฟมรณะที่กาญจบุรี ของการรถไฟแต่พอโทรไปสอบถามแล้วได้ความว่า โปรแกรมดังกล่าวมีทุกวันเสาร์แรกของต้นเดือน แต่ก็ไน่ค่อยแน่ใจเหมือนกันเพราะเจ้าหน้าที่ดูมึน ๆ เลยเปลี่ยนใจจากทริปรถไฟมาเป็นเมืองโบราณแทน เพราะเห็นว่าใกล้ดีค่ะ พวกเราเลยเข้าไปดูวิธีการเดินทางว่าต้องนั่งรถสายไหน อะไรยังไง เพราะไม่เคยไปกันมาก่อนเลย เข้าไปดู ๆ เว็บสักพักเห็นว่ามีรถบัสมารับฟรีด้วย ทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ และบังเอิญว่าพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสพอดี เอาแล้วไงไปแบบกระทันหัน คืนนั้นพวกเราก็เลยต้องไปช็อปปิ้งเตรียมของกินกันค่ะ
ออกไปซื้อพวกขนมปัง ซอสต่าง ๆ ไข่ไก่ เนื้อหมูมาทำแซนวิชเพื่อเอาไปเป็นอาหารว่างระหว่างการเที่ยวชมเมืองโบราณ กว่าจะได้นอนกันก็เกือบจะตี 1 เช้าวันรุ่งขึ้นเตรียมตัวออกจากบ้านกันประมาณ 9 โมงเพื่อไปนั่งรถบัสของทางเมืองโบราณที่มารอรับตอน 11 โมงค่ะ รถบัสจอดอยู่หน้า Centerpoint studio ในซอยสุขุมวิท 105 เดินเข้ามานิดเดียวก็เจอค่ะ เป็นลานจอดรถกว้าง ๆ หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ลงสถานีแบริ่งค่ะ
รถบัสจะมาจอดตอน 11.00 น ถึง 11.30น จะไปจอด 2 ที่ด้วยกันคือ ช้างเอราวัณสามเศียร จอดตรงนี้ถึง 12.00น ค่ะ ใครอยากทำธุระหนักเบาก็สามารถแวะลงได้ จากนั้นก็ยิงยาวไปยังเมืองโบราณค่ะ ตลอดการเดินทางมีเพียงพวกเรา 3 คนพนักงานบนรถและคนขับเพียงเท่านั้นคะ รู้สึกวังเวง ๆ และหนาวมาก เพราะแอร์เย็นฉ่ำเลย พวกเราถึงที่หมายประมาณ 12.30น ระยะเวลาในการเดินทางนั้นช้าเร็วขึ้นอยู่กับการจราจรบนท้องถนนด้วยนะคะ พอดีวันที่ไปถนนโล่งมากเลยถึงไวกว่าเล็กน้อยค่ะ
แผนที่เมืองโบราณ
แม้ว่าจะมีแค่ 3 คนพนักงานบนรถทัวร์ก็ประสานงานกับเจ้าหน้าที่นำรถกอล์ฟมารับเข้าไปซื้อตั๋วค่ะ ซึ่งระยะทางไม่ได้ไกลกันเลย ถือเป็นบริการที่ดีเยี่ยม ภายในห้องซื้อตั๋วจะมีอัตราค่าบริการต่าง ๆ บอกไว้อย่างชัดเจนค่ะ ก็จ่ายค่าเสียหายกันไปคนละ 350 บาท รวมบริการรถราง บริการเรือ และจักรยาน แถมกับแผนที่คนละ 1 แผ่น แผนที่นั้นจะมีแถบตัวเล็กแบ่งเป็น 3 สีค่ะ สีเขียวเป็นสถานที่จริงที่ถูกรื้อถอดมาไว้ที่นี่ สีแดงเป็นการจำลองสถานที่ของจริงและสร้างจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และสีน้ำเงินเป็นการสร้างจากองค์ความรู้และจินตนาการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
ทางเข้าเมืองโบราณ
ไม่ได้เป็นคนงกนะคะ แต่บริการต่าง ๆ ที่ได้มาพวกเราคิดว่าสำคัญและต้องใช้ให้คุ้มค่า แผนที่จึงเยินอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ สังเกตุดูว่าแผนที่ของเมืองโบราณนั้น เป็นการจำลองแผนที่ประเทศไทยด้วยค่ะ โดยแบ่งเขตเมืองจำลองออกเป็น ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ
เมื่อเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ตลาดน้ำเมืองโบราณ
ตลาดน้ำเมืองโบราณ
พวกเราจึงตัดสินใจที่จะนั่งรถรางเพื่อชมรอบ ๆ ก่อน เลยเดินไปสอบถามตารางรถรางกับเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ข้าง ๆ กับที่ซื้อตั๋ว พี่เขาเลยพาเอารถกอล์ฟไปส่งพวกเราที่สถานีตลาดน้ำ เพื่อรอขึ้นรถรางในรอบบ่ายโมง ดังนั้นเลยมีเวลาเหลือเล็กน้อยในการเดินดูตลาดน้ำ
เป็นการจำลองวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมแบบโบราณเอาไว้บรรยากาศเหมือนได้กลับไปยังสมัยรัชกาลที่ 5 เลย บ้านเรือนเป็นแบบทรงไทย มีการจำลองบ้านนายช่างเรือ และวิถีการใช้ชีวิตแบบอดีต ผสมผสานกับร้านอาหาร ร้านรวงขายของชำเป็นระยะ ๆ จุดสถานีตลาดน้ำมีบริการลงเรือพาย เพื่อสัมผัสความเป็นตลาดน้ำมากยิ่งขึ้น แต่พวกเราไม่ได้ลงค่ะเพราะเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ T_T
รถรางที่คอยให้บริการ
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นรถรางค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นรถชมไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไร ที่ไหนได้มีไกด์คอยแนะนำด้วยค่ะ เป็นบริการที่ประทับใจมาก คือตั้งแต่เข้ามานี่ประทับใจในบริการตลอดเลยค่ะ ไกด์คนส่วนชื่อลูกโซ่ค่ะ นางแนะนำว่าจะแวะพัก 3 จุดสำคัญที่ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือค่ะ โดยสถานที่ที่รถผ่านก็จะแนะนำให้ข้อมูลไปด้วย จุดแรกที่จอดเป็นภาคกลางที่ตลาดโบราณ ไกด์แนะนำถึงประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณค่ะ เล่าว่าสถานที่แห่งนี้สร้างโดยคุณเล็กและคุณประไพ วิริยะพันธุ์ ซึ่งใช้เวลาในการเตรียมงานและเก็บข้อมูลสถานที่ในประเทศไทยนานถึง 10 ปี ใช้เวลาในการสร้างอีก 10 ปีค่ะ กว่าจะออกมาเป็นเมืองโบราณแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน
ปราสาทสัจธรรม
ข้าง ๆ กันนั้นเป็นแบบจำลองของปราสาทสัจธรรมที่พัทยาค่ะ จำลองมาเหมือนและสวยมากเลยค่ะ เป็นปราสาทไม้ที่แฝงไว้ด้วยข้อคิด ของศีลธรรมและจริยธรรมอันดีงามที่มนุษย์พึงจะมี ถัดไปนิดหน่อยเป็นศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรีค่ะ แต่เดิมนั้นเป็นตำหนักที่อยู่ในพระบรมมหาราชวังกรุงศรีอยุธยา ภายหลังได้รื้อถอนมาไว้ที่เพชรบูรี ภายในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปนักท่องเที่ยวสามารถกราบสักการะได้
ตลาดโบราณ เมืองโบราณ
ตลาดโบราณ เมืองโบราณ
ไหว้พระกันเสร็จแล้ว ก็รีบไปตลาดโบราณต่อเลยค่ะ เพราะพี่ไกด์ให้เวลาเดินชมรอบ ๆ 20 นาทีก่อนจะไปจุดต่อไป ตลาดโบราณ สถานที่นี้ไม่ใช่การจำลองนะคะ แต่เป็นการรื้อถอนจากของจริงมาไว้ที่เมืองโบราณค่ะ อารมณ์จะคล้าย ๆ กับวิถีชีวิตในเรื่องตี๋ใหญ่ค่ะ รุ่นๆ นั้นเลย ที่คุณพ่อคุณแม่ใส่กระโปรงฟูฟ่อง ทำผมสั้นตีโป่ง ภายในตลาดโบราณจะมี โรงเชิดหนัง บ่อนพนัน ร้านตัดผม รวมถึงร้านค้าในสมัยก่อนด้วยค่ะ บางมุมนั้นคุ้นมาก ๆ ประหนึ่งว่าเคยมาแต่ชาติแต่ปางก่อน พอพี่ไกด์บอกว่ามีหนังหลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่ ก็ถึงบางอ้อเลยค่ะ 5555
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมืองโบราณ
ไปที่จุดต่อไปกันเลยค่ะ เป็นส่วนของภาคกลาง แบบจำลองพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในตกแต่งได้สมจริงมาก ๆ แม้แต่บานประตูก็เหมือนกับในวัดพระแก้วค่ะ พี่ไกด์บอกว่ามีจุดที่ต่างกันตรง 4 จุด แต่จุดที่น่าสนใจคือเสา 4 ต้นที่ในมหาปราสาทไม่มีแล้วในปัจจุบันค่ะ ซึ่งได้รื้อออกไปในสมัยรัชกาลที่ 6 เนื่องจากเกะกะและกินพื้นที่ค่ะ เสา 4 ต้นที่สร้างขึ้นนี้เพื่อเอาไว้คานน้ำหนัก แต่เมื่อลองให้วิศวกรในสมัยนั้นคำนวณดูแล้วเสาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการคานน้ำหนักจึงรื้อออกไปค่ะ พี่ไกด์บอกว่า ในหลวงเสด็จมาทอดพระเนตรการสร้างด้วยพระองค์เป็นระยะ ๆ ด้วย
วัดพระศรีสรรเพชญจำลองตามแบบปัจจุบัน
วัดพระศรีสรรเพชญ สร้างตามข้อมูลจากบันทึกที่หลงเหลือยู่ทั่วโลก
จบจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราทสาทแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อมายังพื้นที่ข้าง ๆ ที่ดูเหมือนมีแต่ซากเสา นั่นคือวัดพระศรีสรรเพชญ อยุธยา ที่โดนเผาจนวอดวาเมื่อครั้นเสียกรุงให้แก่พม่าค่ะ ข้าง ๆ กันนั้นจะเป็นวัดพระศรีสรรเพชญที่สร้างขึ้นมาจากบันทึกต่าง ๆ ทั่วโลก และจากภาพวาดค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าแค่จากบันทึกที่เหลืออยู่น้อยมาก ๆ จะสร้างออกมาได้สวยขนาดนี้ ตัววัดเป็นวัดสีขาว ส่วนหลังคาสร้างจากดีบุก ฐานของวัดจำลองวัดแบบมาจากของจริงที่มีฐานแบบโค้ง ด้านในนั้นกำแพงจำลองแบบกระจกและทองคำ อ้างอิงจากบันทึกของฝรั่งเศสค่ะ จากคำบอกเล่าของพี่ไกด์ได้ความว่า เมื่อไม่นานมานี้ ปีที่แล้วหรือไงนี่แหละ สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อรับรองเอกอัคราชทูตนำเสร็จโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยค่ะ
มณฑปพระพุทธบาท สระบุรี
เนื่องจากใช้เวลาที่จุดนี้นานสักหน่อย เราเลยแค่ผ่านมณฑปพระพุทธบาท สระบุรีค่ะ ไหน ๆ ก็ผ่านแล้วสักหน่อยแล้วกันนะค่ะ ตามประวัติแล้วมณฑปแห่งนี้เป็นที่พระดิษฐานรอยพระพุทธบาท ซึ่งค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม แห่งกรุงศรีอยุธยา
วิหารวัดเชียงของ เชียงราย
และพวกเราก็นั่งรถกันมาเรื่อย ๆ ผ่านสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งพี่ไกด์ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ แนะนำตลอดทางเลยจนถึงจุดสุดท้าย ภาคเหนือมาถึงตรงนี้เริ่มหิวแล้วค่ะ ก่อนจะเดินชมเลยแวะนั่งทานแซนวิชที่เต็มมาก่อน หลังจากทานเสร็จเรียบร้อยก็มาเดินชมวิหารวัดเชียงของ เชียงรายค่ะ สถานที่แห่งนี้ถือรื้อถอนจากสถานที่จริงยกมาไว้เช่นกัน เป็นตัววิหารที่สร้างโดยเครื่องไม้เก่าแก่ ที่ไม่ใช้น็อตในการสร้างเลยค่ะ
เจดีย์เจ็ดยอด เชียงใหม่
ภายในเจดีย์เจ็ดยอด
วิวจากยอดบนเจดีย์
เดินถัดไปสักหน่อยก็เจอกับเจดีย์เจ็ดยอด เชียงใหม่ เป็นปติมากรรมที่สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายวิจิตรจากปูนปั้นค่ะ มีลักษณะคล้าย ๆ กับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยาจากอินเดีย ตอนที่ไปถึงนั้นเวลาประมาณ 3 โมงแต่มองเข้าไปภายในมืดมาก ๆ ค่ะ ลองใจกล้าเดินขึ้นไปรู้สึกว่าน่ากลัวมาก ๆ แอบขนลุก ><
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
[CR] เที่ยวเมืองโบราณ ตามรอยอารยธรรมไทย
ทริปนี้คิดกันโดยบังเอิญ เพราะตอนแรกตั้งใจจะไปนั่งรถไฟทัวร์ปราสาทเมืองสิงห์-สายรถไฟมรณะที่กาญจบุรี ของการรถไฟแต่พอโทรไปสอบถามแล้วได้ความว่า โปรแกรมดังกล่าวมีทุกวันเสาร์แรกของต้นเดือน แต่ก็ไน่ค่อยแน่ใจเหมือนกันเพราะเจ้าหน้าที่ดูมึน ๆ เลยเปลี่ยนใจจากทริปรถไฟมาเป็นเมืองโบราณแทน เพราะเห็นว่าใกล้ดีค่ะ พวกเราเลยเข้าไปดูวิธีการเดินทางว่าต้องนั่งรถสายไหน อะไรยังไง เพราะไม่เคยไปกันมาก่อนเลย เข้าไปดู ๆ เว็บสักพักเห็นว่ามีรถบัสมารับฟรีด้วย ทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ และบังเอิญว่าพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสพอดี เอาแล้วไงไปแบบกระทันหัน คืนนั้นพวกเราก็เลยต้องไปช็อปปิ้งเตรียมของกินกันค่ะ
ออกไปซื้อพวกขนมปัง ซอสต่าง ๆ ไข่ไก่ เนื้อหมูมาทำแซนวิชเพื่อเอาไปเป็นอาหารว่างระหว่างการเที่ยวชมเมืองโบราณ กว่าจะได้นอนกันก็เกือบจะตี 1 เช้าวันรุ่งขึ้นเตรียมตัวออกจากบ้านกันประมาณ 9 โมงเพื่อไปนั่งรถบัสของทางเมืองโบราณที่มารอรับตอน 11 โมงค่ะ รถบัสจอดอยู่หน้า Centerpoint studio ในซอยสุขุมวิท 105 เดินเข้ามานิดเดียวก็เจอค่ะ เป็นลานจอดรถกว้าง ๆ หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ลงสถานีแบริ่งค่ะ
รถบัสจะมาจอดตอน 11.00 น ถึง 11.30น จะไปจอด 2 ที่ด้วยกันคือ ช้างเอราวัณสามเศียร จอดตรงนี้ถึง 12.00น ค่ะ ใครอยากทำธุระหนักเบาก็สามารถแวะลงได้ จากนั้นก็ยิงยาวไปยังเมืองโบราณค่ะ ตลอดการเดินทางมีเพียงพวกเรา 3 คนพนักงานบนรถและคนขับเพียงเท่านั้นคะ รู้สึกวังเวง ๆ และหนาวมาก เพราะแอร์เย็นฉ่ำเลย พวกเราถึงที่หมายประมาณ 12.30น ระยะเวลาในการเดินทางนั้นช้าเร็วขึ้นอยู่กับการจราจรบนท้องถนนด้วยนะคะ พอดีวันที่ไปถนนโล่งมากเลยถึงไวกว่าเล็กน้อยค่ะ
แม้ว่าจะมีแค่ 3 คนพนักงานบนรถทัวร์ก็ประสานงานกับเจ้าหน้าที่นำรถกอล์ฟมารับเข้าไปซื้อตั๋วค่ะ ซึ่งระยะทางไม่ได้ไกลกันเลย ถือเป็นบริการที่ดีเยี่ยม ภายในห้องซื้อตั๋วจะมีอัตราค่าบริการต่าง ๆ บอกไว้อย่างชัดเจนค่ะ ก็จ่ายค่าเสียหายกันไปคนละ 350 บาท รวมบริการรถราง บริการเรือ และจักรยาน แถมกับแผนที่คนละ 1 แผ่น แผนที่นั้นจะมีแถบตัวเล็กแบ่งเป็น 3 สีค่ะ สีเขียวเป็นสถานที่จริงที่ถูกรื้อถอดมาไว้ที่นี่ สีแดงเป็นการจำลองสถานที่ของจริงและสร้างจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และสีน้ำเงินเป็นการสร้างจากองค์ความรู้และจินตนาการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
ไม่ได้เป็นคนงกนะคะ แต่บริการต่าง ๆ ที่ได้มาพวกเราคิดว่าสำคัญและต้องใช้ให้คุ้มค่า แผนที่จึงเยินอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ สังเกตุดูว่าแผนที่ของเมืองโบราณนั้น เป็นการจำลองแผนที่ประเทศไทยด้วยค่ะ โดยแบ่งเขตเมืองจำลองออกเป็น ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ
เมื่อเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก
พวกเราจึงตัดสินใจที่จะนั่งรถรางเพื่อชมรอบ ๆ ก่อน เลยเดินไปสอบถามตารางรถรางกับเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ข้าง ๆ กับที่ซื้อตั๋ว พี่เขาเลยพาเอารถกอล์ฟไปส่งพวกเราที่สถานีตลาดน้ำ เพื่อรอขึ้นรถรางในรอบบ่ายโมง ดังนั้นเลยมีเวลาเหลือเล็กน้อยในการเดินดูตลาดน้ำ
เป็นการจำลองวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมแบบโบราณเอาไว้บรรยากาศเหมือนได้กลับไปยังสมัยรัชกาลที่ 5 เลย บ้านเรือนเป็นแบบทรงไทย มีการจำลองบ้านนายช่างเรือ และวิถีการใช้ชีวิตแบบอดีต ผสมผสานกับร้านอาหาร ร้านรวงขายของชำเป็นระยะ ๆ จุดสถานีตลาดน้ำมีบริการลงเรือพาย เพื่อสัมผัสความเป็นตลาดน้ำมากยิ่งขึ้น แต่พวกเราไม่ได้ลงค่ะเพราะเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ T_T
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นรถรางค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นรถชมไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไร ที่ไหนได้มีไกด์คอยแนะนำด้วยค่ะ เป็นบริการที่ประทับใจมาก คือตั้งแต่เข้ามานี่ประทับใจในบริการตลอดเลยค่ะ ไกด์คนส่วนชื่อลูกโซ่ค่ะ นางแนะนำว่าจะแวะพัก 3 จุดสำคัญที่ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือค่ะ โดยสถานที่ที่รถผ่านก็จะแนะนำให้ข้อมูลไปด้วย จุดแรกที่จอดเป็นภาคกลางที่ตลาดโบราณ ไกด์แนะนำถึงประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณค่ะ เล่าว่าสถานที่แห่งนี้สร้างโดยคุณเล็กและคุณประไพ วิริยะพันธุ์ ซึ่งใช้เวลาในการเตรียมงานและเก็บข้อมูลสถานที่ในประเทศไทยนานถึง 10 ปี ใช้เวลาในการสร้างอีก 10 ปีค่ะ กว่าจะออกมาเป็นเมืองโบราณแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน
ข้าง ๆ กันนั้นเป็นแบบจำลองของปราสาทสัจธรรมที่พัทยาค่ะ จำลองมาเหมือนและสวยมากเลยค่ะ เป็นปราสาทไม้ที่แฝงไว้ด้วยข้อคิด ของศีลธรรมและจริยธรรมอันดีงามที่มนุษย์พึงจะมี ถัดไปนิดหน่อยเป็นศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรีค่ะ แต่เดิมนั้นเป็นตำหนักที่อยู่ในพระบรมมหาราชวังกรุงศรีอยุธยา ภายหลังได้รื้อถอนมาไว้ที่เพชรบูรี ภายในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปนักท่องเที่ยวสามารถกราบสักการะได้
ไหว้พระกันเสร็จแล้ว ก็รีบไปตลาดโบราณต่อเลยค่ะ เพราะพี่ไกด์ให้เวลาเดินชมรอบ ๆ 20 นาทีก่อนจะไปจุดต่อไป ตลาดโบราณ สถานที่นี้ไม่ใช่การจำลองนะคะ แต่เป็นการรื้อถอนจากของจริงมาไว้ที่เมืองโบราณค่ะ อารมณ์จะคล้าย ๆ กับวิถีชีวิตในเรื่องตี๋ใหญ่ค่ะ รุ่นๆ นั้นเลย ที่คุณพ่อคุณแม่ใส่กระโปรงฟูฟ่อง ทำผมสั้นตีโป่ง ภายในตลาดโบราณจะมี โรงเชิดหนัง บ่อนพนัน ร้านตัดผม รวมถึงร้านค้าในสมัยก่อนด้วยค่ะ บางมุมนั้นคุ้นมาก ๆ ประหนึ่งว่าเคยมาแต่ชาติแต่ปางก่อน พอพี่ไกด์บอกว่ามีหนังหลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่ ก็ถึงบางอ้อเลยค่ะ 5555
ไปที่จุดต่อไปกันเลยค่ะ เป็นส่วนของภาคกลาง แบบจำลองพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในตกแต่งได้สมจริงมาก ๆ แม้แต่บานประตูก็เหมือนกับในวัดพระแก้วค่ะ พี่ไกด์บอกว่ามีจุดที่ต่างกันตรง 4 จุด แต่จุดที่น่าสนใจคือเสา 4 ต้นที่ในมหาปราสาทไม่มีแล้วในปัจจุบันค่ะ ซึ่งได้รื้อออกไปในสมัยรัชกาลที่ 6 เนื่องจากเกะกะและกินพื้นที่ค่ะ เสา 4 ต้นที่สร้างขึ้นนี้เพื่อเอาไว้คานน้ำหนัก แต่เมื่อลองให้วิศวกรในสมัยนั้นคำนวณดูแล้วเสาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการคานน้ำหนักจึงรื้อออกไปค่ะ พี่ไกด์บอกว่า ในหลวงเสด็จมาทอดพระเนตรการสร้างด้วยพระองค์เป็นระยะ ๆ ด้วย
จบจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราทสาทแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อมายังพื้นที่ข้าง ๆ ที่ดูเหมือนมีแต่ซากเสา นั่นคือวัดพระศรีสรรเพชญ อยุธยา ที่โดนเผาจนวอดวาเมื่อครั้นเสียกรุงให้แก่พม่าค่ะ ข้าง ๆ กันนั้นจะเป็นวัดพระศรีสรรเพชญที่สร้างขึ้นมาจากบันทึกต่าง ๆ ทั่วโลก และจากภาพวาดค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าแค่จากบันทึกที่เหลืออยู่น้อยมาก ๆ จะสร้างออกมาได้สวยขนาดนี้ ตัววัดเป็นวัดสีขาว ส่วนหลังคาสร้างจากดีบุก ฐานของวัดจำลองวัดแบบมาจากของจริงที่มีฐานแบบโค้ง ด้านในนั้นกำแพงจำลองแบบกระจกและทองคำ อ้างอิงจากบันทึกของฝรั่งเศสค่ะ จากคำบอกเล่าของพี่ไกด์ได้ความว่า เมื่อไม่นานมานี้ ปีที่แล้วหรือไงนี่แหละ สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อรับรองเอกอัคราชทูตนำเสร็จโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยค่ะ
เนื่องจากใช้เวลาที่จุดนี้นานสักหน่อย เราเลยแค่ผ่านมณฑปพระพุทธบาท สระบุรีค่ะ ไหน ๆ ก็ผ่านแล้วสักหน่อยแล้วกันนะค่ะ ตามประวัติแล้วมณฑปแห่งนี้เป็นที่พระดิษฐานรอยพระพุทธบาท ซึ่งค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม แห่งกรุงศรีอยุธยา
และพวกเราก็นั่งรถกันมาเรื่อย ๆ ผ่านสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งพี่ไกด์ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ แนะนำตลอดทางเลยจนถึงจุดสุดท้าย ภาคเหนือมาถึงตรงนี้เริ่มหิวแล้วค่ะ ก่อนจะเดินชมเลยแวะนั่งทานแซนวิชที่เต็มมาก่อน หลังจากทานเสร็จเรียบร้อยก็มาเดินชมวิหารวัดเชียงของ เชียงรายค่ะ สถานที่แห่งนี้ถือรื้อถอนจากสถานที่จริงยกมาไว้เช่นกัน เป็นตัววิหารที่สร้างโดยเครื่องไม้เก่าแก่ ที่ไม่ใช้น็อตในการสร้างเลยค่ะ
เดินถัดไปสักหน่อยก็เจอกับเจดีย์เจ็ดยอด เชียงใหม่ เป็นปติมากรรมที่สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายวิจิตรจากปูนปั้นค่ะ มีลักษณะคล้าย ๆ กับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยาจากอินเดีย ตอนที่ไปถึงนั้นเวลาประมาณ 3 โมงแต่มองเข้าไปภายในมืดมาก ๆ ค่ะ ลองใจกล้าเดินขึ้นไปรู้สึกว่าน่ากลัวมาก ๆ แอบขนลุก ><
เดี๋ยวมาต่อค่ะ