"เวทีนี้ก็เหมือนการเล่นหมากรุก"... เปิดเบื้องลึก ทีมโค้ชก้อง 'เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์'

ขออนุญาตก๊อปคำสัมภาษณ์ของพี่ก้องเกี่ยวกับเดอะวอยซ์มาให้อ่านกันนะคะ จะได้เข้าใจถึงการตัดสินใจของพี่ก้องมากขึ้นค่ะ

===================================
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 พ.ย. 2557 13:40


หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง มีประเด็นร้อนออกมาได้ไม่เว้นวัน สำหรับรายการเดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ ซีซั่น 3 เกิดเป็นดราม่าหลังจบรายการ เมื่อมีการแสดงความคิดเห็นมากมายถึงกรณี จิมมี่ สุรชัย มาลัยยะ หนึ่งในลูกทีมของโค้ชคิ้ม "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" ไม่ได้เข้ารอบไฟนอล เรื่องนั้นยังไม่ทันซา ก็มีผู้เข้าแข่งขันโพสต์แฉผ่านเฟซบุ๊ก ที่ทำให้โค้ชแสตมป์ อภิวัชร์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กกันยกใหญ่...

โดยก่อนหน้าที่จะมีประเด็นดราม่ารายการเดอะวอยซ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 พ.ย.57) ไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน 'Wacoal' อันทรงเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหลของผู้หญิง ในคอนเซปต์ 'ผู้หญิง...สวยที่สุดจากข้างใน' โดยงานนี้ได้มีโอกาสเจอะเจอ 'หนุ่มก้อง-สหรัถ สังคปรีชา' หรือ 'โค้ชก้อง' แห่งรายการเดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ เราก็ไม่พลาดที่จะถามถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง ต่อเวทีเดอะวอยซ์มาฝากทุกคน

"ผมคิดว่าบางทีการแข่งขันมันเหมือนเล่นหมากรุกนะ ต้องคิด ต้องรอบคอบ แข็งแกร่ง และรู้ทันไหวพริบของอีกฝ่ายจึงจะชนะ ในการแข่งขันเราก็ต้องคัดเลือกให้เหลือนักร้องที่แข็งแกร่งที่สุด ต้องรู้ทันอาวุธ และท่าทีของฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุด เพื่อคว่ำกระดานหมากของอีกฝ่ายให้ได้" โค้ชก้องบอกกับเราแบบนั้น

Q : รู้สึกอย่างไรที่ได้มาเป็นโค้ชให้ The voice ?

รู้สึกเป็นเกียรติมาก และประทับใจตรงที่พี่น้องชาวไทยร้องเพลงกันเก่งเยอะมาก รู้สึกว่าคนเก่งเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนมา พอยิ่งได้มาจัดรายการนี้เป็นปีที่ 3 ก็รู้สึกว่าได้เจอคนไทยที่มีความสามารถในด้านการร้องเพลงเยอะมาก รู้สึกภาคภูมิใจกับคนไทยเรามากๆ



Q : เสน่ห์รายการนี้อยู่ตรงไหน…ทำไมคนต้องดู The voice ?

มันคงได้ความสด สนุกสนานมั้งครับ มันอาจจะเป็นความลงตัวของทุกๆ อย่าง ทั้งเคมีของตัวโค้ชทั้ง 4 คน นักร้องที่เข้ามาสมัครก็เก่ง ทีมงานแสง สี เสียงก็ดี เขาทำเสียงออกมาดีจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมว่าทุกฟังก์ชั่นมีส่วนหมดเลย มันคือเสน่ห์ที่ทำให้ชวนติดตามของรายการ ไม่ใช่เป็นเพราะโค้ชที่ทำให้สนุก หรือนักร้องที่เสียงดี หรือเป็นเพราะแสงดี มันต้องแชร์กันใหม่หมด เอาจริงๆ เริ่มตั้งแต่คนที่คิดรายการนี้ขึ้นมาเลยดีกว่า เขาคิดเกมขึ้นมาสนุก พอได้มาทำเจอโปรดักชั่นดี ทีมงานดี ทุกอย่างดี มันก็เลยลงตัว มันต้องบวกๆ กันทุกคน

Q : คนเข้ามาสมัครนับพัน ใช้หลักเกณฑ์ไหนตัดสินผู้สมัคร (เสียงดี หรือเสียงไม่ดียังไง) ?

ง่ายๆ เลย ก็เอาผมนี่แหละเป็นตัวกำหนด ผมมีมาตรฐานนักร้องไว้อยู่แล้ว (หัวเราะ)



Q : วางมาตรฐานนักร้องเสียงดี มีคุณภาพไว้ในระดับไหน ?

อันนี้ผมเอาตัวผมเป็นตัวกำหนดนะ แค่ร้อง หรือเล่นดนตรีแล้วทำให้คนมีความสุข พอฟังแล้วยิ้มตามได้ อาจจะไม่ต้องร้องเก่งมากมาย แต่ก็ไม่ได้ห่วยมากเหมือนกัน ให้มันอยู่ในสแตนดาร์ด (standard) ที่ฟังแล้วเพลิน ยิ้มตามแบบมีความสุข มันก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ

Q : พันกว่าคนที่เข้ามาสมัคร เห็นการร้องเพลง หรือได้ยินเสียงร้องครั้งแรกแล้วรู้สึก 'ใช่' เลยรึเปล่า ?

ก็ที่กดหันมาส่วนใหญ่ก็ใช่หมดแหละ (หัวเราะ) ยิ่งคนไหนที่โค้ชกดหันมา 4 คนพร้อมกัน คนนี้ยิ่งตัวแสบเลย



Q : มีตัวแปรไหนในการคัดเลือกเพลงที่ใช้แบทเทิลระหว่างเด็กในทีมด้วยกัน ?

ส่วนใหญ่ผมจะปรึกษากับตัวเด็กก่อน คือตัวผมเองคงไม่รู้หรอกว่าเด็กแต่ละคนชอบอะไร ชอบแนวไหน เพราะเราเพิ่งเจอได้ไม่กี่ครั้ง ดีที่สุดคือให้เขาบอกผมเองว่าชอบแนวไหน เป็นยังไง แล้วค่อยมาเบลนด์ (blend) กัน ช่วยๆ กันระดมสมอง ระดมกำลังกับทีมมิวสิก ไดเรคเตอร์ กับตัวโค้ช และตัวเด็กเอง ผมจะไม่เผด็จการว่าผมชอบแบบนี้ ต้องร้องเพลงแบบที่ผมชอบ ต้องร้องแนวนี้ มันจะไม่เป็นแบบนั้น ...

Q : สอนเทคนิคการร้องเพลงให้ลูกทีมยังไง ?

จริงๆ เทคนิคลึกๆ ไม่ค่อยได้สอนแล้ว เพราะเข้ามาถึงจุดนั้นได้เนี่ยแต่ละคนเก่งมาเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ผมแค่จะสอนเรื่องการลงจังหวะ และน้ำหนักของคำร้องบางช่วงมากกว่า อย่างตรงนี้ควรจะหนัก-เบา-สั้น-ยาว หรือตรงนี้น้อยๆ หน่อย ไม่ต้องใส่เยอะ หรือตรงนี้เต็มที่ได้ เริ่มจากน้อยๆ แล้วค่อยเยอะขึ้นประมาณนี้

แล้วก็จะบอกวิธีการควบคุมความตื่นเต้น การควบคุมอารมณ์ เพราะบางทีเวลาซ้อมนี่ดีมากนะ แต่พอขึ้นไปร้องจริงปุ๊บเสียคะแนนไปเยอะ ยิ่งเป็นเวทีใหญ่ๆ อย่าง The voice คนดูเป็นล้านด้วยแล้ว ยิ่งตื่นเต้น ประหม่า ก็ต้องควบคุมสติและอารมณ์ให้ได้ อันนี้สำคัญเลย ผมพยายามบอกเด็กทุกคนว่าอย่าคิดว่ามันเป็น The voice หรือรายการทีวีการแข่งขัน ร้องเพลงมันคือศิลปะ มันคือการจรรโลงใจทำให้คนฟังมีความสุข อย่าคิดว่ามันเป็นการห้ำหั่น หรือคิดแต่จะเอาชนะอย่างเดียว เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คิดแต่เรื่องนี้ก็จะทำให้จิตใจขุ่นมัว กังวล และแสดงศิลปะออกมาได้ไม่ดีทันที



Q : สอนเทคนิคการคุมโทนเสียง (เสียงสูง-เสียงต่ำ) ยังไงบ้าง ?

เราจะให้เด็กๆ ลองฝึกร้องดูก่อน ถ้าขึ้นเสียงสูงสุดไม่ได้ ร้องไม่ถึง หรือลงต่ำแล้วเสียงทุ้มเกินไป ผมก็ต้องเปลี่ยนคีย์เลย เปลี่ยนคีย์ดนตรีทั้งเพลง อย่างผมฟังแล้วตัวโน้ตสูงสุดเขาร้องสูงเกินไป ผมก็ลดคีย์ดนตรีลง สมมติเพลงนี้คีย์เอ ผมก็ลดลงมาให้เหลือ เอ แฟลช เพื่อให้ตัวสูงสุดเขาร้องได้สบาย มันไม่จำเป็นต้องเค้นบังคับเอาให้ถึง ขึ้นสูงไม่ไหวก็ลดคีย์ลงมาเท่านั้นเอง (ยิ้มกว้าง)

Q : ช่วงเวลาในการตัดสินคัดคนออกจากทีมเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกลัว และกังวลใจมากที่สุด เราเอาเกณฑ์ไหนเป็นตัววัดในการตัดสิน ?

มันต้องดูภาพรวมในการจะเลือกใครอยู่ ใครไป อย่างเช่น ต่อไปผมกับลูกทีมจะต้องเจอกับอะไรอีก ผมจะเหลือใคร คู่แข่งลูกทีมผมที่ต้องเจอเป็นใคร แล้วจะสู้กับเขาเหล่านั้นได้รึเปล่า ดูโค้ชคนอื่นๆ ประกอบว่าเขามีใครเป็นอาวุธจะมาสู้กับคนของผม แล้วผมจะงัดเอาไม้เด็ด หรือลูกทีมคนไหนมาเป็นอาวุธสู้กลับ ผมจะมองแค่ด้านเดียวไม่ได้ที่ว่าใครเสียงดีกว่า การแสดงสีหน้าอารมณ์ดีกว่าก็ผ่านเข้ารอบ เพราะอย่างที่บอกมาถึงจุดนั้นทุกคนเก่งหมด ร้องเพลงได้มาตรฐานคุณภาพหมด บางทีผมรู้สึกมันเหมือนการจัดทัพนะ ผมเป็นแม่ทัพ แล้วผมต้องมีคนแม่นปืน ต้องมีพลม้าเร็ว ผมต้องดูด้วยว่าฝ่ายตรงข้ามมีพลอะไรบ้าง แล้วผมจะส่งลูกทีมมือดีคนไหนโต้กลับไป



Q : รู้สึกสงสารไหมเวลาที่ต้องสละใครทิ้งไป ?

ความรู้สึกสงสารนี้มีหมดครับ ผมเชื่อว่าเกิดขึ้นกับโค้ชทุกคนทั่วโลกด้วย เพราะเราทำงานมาด้วยกัน อยู่ด้วยกัน สอนกันมา ผมก็อยากให้ทุกคนดีหมด ได้เข้าไปอยู่ในรอบคัดเลือกหมด แล้วทุกคนมีความตั้งใจสูงมาก เห็นแล้วผมก็รู้สึกสงสารและเสียดาย ผมไม่อยากตัดใคร แต่โดยกฎกติกาที่เขาวางมา ผมก็ต้องตัดตามนั้น

ในฐานะที่โค้ชก้องเป็นนักร้องมืออาชีพ และเป็นโค้ชกิตติมศักดิ์ให้กับ The voice มานานถึง 3 ปี อยากให้เผยเคล็ดลับการร้องเพลงบนเวทีให้ได้ดีจนชนะใจกรรมการ ทั้งเสียงร้อง และการแสดงออกทางอารมณ์ต่างๆ รวมถึงข้อควรระวังในการร้องเพลง …

โค้ชก้อง บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะร้องเพลงอะไรก็แล้วแต่ หรือไม่ว่าจะขึ้นประกวดเวทีไหนก็ตาม ถ้าอยากจะให้ผลงานออกมาดีที่สุด เราก็ต้องควบคุมสติ ณ โมเมนต์นั้นให้ได้มากที่สุด ห้ามเขิน ห้ามอาย และต้องควบคุมอารมณ์เวลาร้องให้ได้ดีที่สุด เป็นไปอย่างธรรมชาติตามที่เราฝึกร้องมา ตัดความกังวล และความกลัวออกไปให้หมด อย่าให้ใครเห็น … เมื่อขึ้นไปบนเวทีแล้วต้องทำทุกอย่างให้โปรเฟสชั่นแนล ควบคุมความตื่นเต้น และร้องเพลงให้ออกมาจากอินเนอร์ข้างในให้มากที่สุด กรรมการจะรับรู้ความรู้สึกจากบทเพลงที่เราถ่ายทอด และมองเห็นภาพรวมจากสิ่งที่เราแสดงตรงนั้น

ส่วนในเรื่องข้อระวังในการร้องเพลงนั้น โค้ชก้องก็ยังคิดว่าความตื่นเต้นนี่แหละสำคัญที่สุด เพราะเมื่อทุกคนไปถึงจุดนั้น ทุกคนเก่งและมีความสามารถล้นอยู่แล้ว ซึ่งความเก่งแน่นอนว่ามันโอเคอยู่แล้ว เพียงแต่โมเมนต์นั้นจะควบคุมอะไรได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง



Q : เทคนิคเตรียมตัวก่อนแข่งขันประกวดร้องเพลง ?

ทำจิตใจนิ่ง ลดความตื่นเต้นและควบคุมความประหม่าให้ได้มากที่สุด รวมถึงเลือกเพลงให้เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด ถ้าคุณชอบเพลงลูกทุ่ง ชอบนักร้องลูกทุ่ง คุณก็เลือกเพลงในแนวลูกทุ่งมาเลยที่คุณคิดว่าร้องดี และถนัดที่สุดในชีวิต ไม่ต้องดัดจะเอาอาร์แอนด์บีมาร้อง แสดงความเป็นตัวตนของคุณให้ชัดเจน เป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด แค่นี้พอละ

Q : สุดท้ายเชิญชวนคนที่มีความฝันให้กล้าออกมาตามฝันของตัวเองกันหน่อย ?

ผมว่ารายการ The voice เป็นรายการที่เปิดกว้างมากที่สุดสำหรับคนที่ชอบร้องเพลง อย่าลืมว่าก่อนคัดเลือกเข้ามาในทีม โค้ชทั้ง 4 คนไม่เห็นหน้า ผมเชื่อว่าหลายๆ คน ร้องเพลงดี ร้องเพลงเก่ง แต่อาจติดตรงที่กังวล หรืออายกับรูปลักษณ์ของตัวเอง เตี้ย ล่ำ ดำ อ้วน ไม่กล้ามา เพราะรายการอื่นๆ จะต้องเห็นรูปลักษณ์ แต่บอกเลยว่ารายการนี้ไม่สนอะไรเลย เพราะโค้ชทั้ง 4 จะไม่มีสิทธิ์เห็นคุณเลย ขอให้คุณเสียงดีอย่างเดียว ร้องเพลงดีอย่างเดียว ชอบร้องเพลงอย่างเดียว มาเถอะครับ ถึงคุณจะเตี้ย ล่ำ ดำ อ้วนยังไงก็มาได้หมด...มาลองดู  !

ขอบคุณภาพจากแฟนเพจ TheVoiceThailand

=====================================

ออกตัวไว้ก่อนเลยนะคะว่าเราเป็นแฟนคลับของพี่ก้อง เลยอยากจะขอใช้กระทู้นี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับโค้ชพี่ก้องของเราด้วยนะคะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่