คุณคิดอย่างไรกับการศึกษาในปัจจุบันและอยากให้การศึกษาไทยพัฒนาไปยังไง

ตลอดเวลาหลายปีที่เรียนมา จขกท มีความรู้สึกหลายๆ อย่างกับการศึกษาไทย จึงอยากแลกเปลี่ยนความเห็น ความคิด และทัศนคติในเรื่องต่างๆ ค่ะ
ปล. จขกท อยู่สายวิทย์ค่ะ หากเขียนถึงสายการเรียนวิชาอื่นๆ ได้ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงเนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจ ต้องขออภัยอย่างสูงค่ะ

1. การศึกษาในสายสามัญ(ม.4-ม.6) ที่จขกท. รู้ ถูกแบ่งออกเป็นสามสายการเรียนใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
     - สายวิทย์-คณิต
     - สายศิลป์คำนวน
     - สายศิลป์ภาษา
     ซึงการศึกษาในแต่ละสายนั้น มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง คือ สายวิทย์คณิตนั้นมีจุดเด่นที่วิทย์และคณิต ส่วนทางศิลป์ภาษามีจุดเด่นอยู่ที่การเรียนภาษาที่สาม แต่ศิลป์คำนวนล่ะ? จุดเด่นของวิชาศิลป์คำนวนคืออะไร จะบอกว่าเป็นคณิตศาสตร์มันก็ไม่ใช่ เพราะคณิตศาสตร์ของศิลป์คำนวนมันก็ยังสู้สายวิทย์ไม่ได้อยู่ดี จะบอกว่าเป็นสายศิลป์ที่ไม่ต้องเรียนคณิต แต่ก็ยังไม่มีจุดเด่นในเรื่องของคณิตศาสตร์อยู่ดีเมื่อเทียบกับสายทั้งหมดในสายสามัญ
     และนั่นทำให้จขกท.คิดว่าน่าจะมีการเพิ่มความพิเศษให้สายศิลป์คำนวนค่ะ ก็  ปกติแล้ว คณะที่สายศิลป์คำนวนสามารถเข้าได้และเมื่อเข้าไปแล้วน่าจะต้องใช้คณิตศาสตร์ต่อยอด ได้แก่คณะบริหาร(พวกการเงิน บัญชี) สถาปัตยกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น ถ้าหากเราเสริมความรู้ด้านคณิตศาสตร์ที่ต้องใช้ในคณะเหล่านี้ให้ศิลป์คำนวนแล้วล่ะก็ ศิลป์คำนวนก็จะมีจุดเด่นทางด้านคณิตศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังช่วยเบาแรงในการเรียนมหาวิทยาลัยได้อีกด้วยค่ะ

2. เรื่องการเรียนค่ะ คืออย่างที่พวกเราทราบกันว่า นักเรียนสมัยนี้เรียนพิเศษกันเป็นบ้าเป็นหลัง เรียนตั้งแต่ศูนย์ติวเปิดยันศูนย์ติวปิด จขกท.ไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้(ซึ่งจขกท. ก็ได้ทำ แล้วจึงรู้ว่า มันไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร่ เพราะสุดท้ายก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี) ซึ่งส่วนหนึ่ง จขกท. คิดว่ามันน่าจะมาจากตัวส่วนหลักสูตรจากส่วนกลางที่เอาเนื้อหามากมายมาใส่ไว้ในหลักสูตรจนเหลือเวลาเรียนเรื่องละไม่กี่คาบ และเด็กก็ขาดความเข้าใจ เพราะมันไม่เหลือเวลาให้ได้ซักถามอะไรกับคุณ เพียงแค่สอนอย่างเดียวก็จบเกือบไม่ทันเวลาแล้ว
     พอเป็นอย่างนั้นแล้ว จขกท. ก็เลยคิดว่า เราน่าจะลดเนื้อหาที่นักเรียนต้องเรียนลง และให้เรียนเฉพาะเรื่องที่ต้องใช้ต่อในมหาวิทยาลัยเท่านั้น เพื่อเป็นการลดภาระทางด้านเนื้อหา ที่มีมากเกินจนจำกันแทบไม่ไหวค่ะ คือ จขกท. จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าในมหาวิทยาลัยเขาเรียนเรื่องอะไรกันบ้าง... แต่ที่แน่ๆ ที่ จขกท เชื่อเลยคือ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ คงไม่ได้เจอในการเรียนแพทย์ เภสัช พยาบาล หรือ เทคนิคการแพทย์แน่ๆค่ะ (หรือถ้าเจอ อาจจะเป็นแค่การทบทวนเนื้อหา ม ปลาย) ทำให้จขกทคิดว่า สำหนับการเรียน ใน ม.ปลาย ให้ตัดเรื่องที่พบในคณะส่วนน้อยออก เช่นฟิสิกส์นิวเคลียร์อาจจะเจอแต่ในคณะวิศวะ หรือ คณะวิทยาศาสตร์ ก็ให้ตัดออก หรือเรื่อง พืช(ในชีววิทยา) ที่ใช้ต่อยอดในคณะเภสัชหรือคณะวิทยาศาสตรก็ให้ตัดออก รวมไปถึง วิชาภาษาไทยและสังคมที่สายวิทย์เอาไปใช้ต่อยอดได้ไม่เยอะ ก็ให้ลดจำนวนเรื่องที่ต้องเรียนลง อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ประมาณว่า เรื่องไหนที่ใช้ต่อยอดได้หลายคณะกว่า ก็เอาเรื่องนั้นมาเรียนตอน ม ปลาย แล้วค่อยไปเจาะลึกต่อในระดับมหาวิทยาลัยค่ะ

3. เรื่องการย้ายสายเมื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน มันเป็นเรื่องปกติที่สายวิทย์จะเข้ามาสอบในคณะสายศิลป์ได้โดยไม่มีข้อตำหนิใดๆ แต่ในทางกลับกัน เด็กสายศิลป์ที่สอบคณะของทางสายวิทย์ได้กลับโดนเด็กสายวิทย์เขม่นเอา ซึ่งจขกท. มองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง การสอบเอนท์นั้น มันน่าจะอยู่ที่ว่า ใครพร้อมกว่ากัน หากนักเรียนสายศิลป์คนนั้นทำคะแนนได้ดีกว่าสายวิทย์คนอื่นๆ เขาก็สมควรจะได้เรียนในคณะนั้นเพราะเขาเตรียมตัวมาพร้อมกว่า
     แต่ก็นั่นแหละ มันก็จะมีกรณีขึ้นมาว่า เรียนไม่หนักเท่าบ้างอะไรบ้าง ซึ่งจขกท คิดว่า หากในการสอบเอนท์ เราเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้เลือกในคณะที่อยากเข้าโดยไม่เกี่ยงสาย(แต่ข้อสอบก็เป็นข้อสอบเฉพาะของแต่ละคณะไป) แต่ เมื่อเข้าไปแล้ว เด็กคนที่มาจากสายอื่นที่สามารถสอบติด เรียนเสริมในวิชาเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ในคณะนั้นไป (เช่นเด็กศิลป์คำนวนติดแพทย์ก็ให้เรียนชีวะเพิ่มเติมเป็นพื้นฐานไปพร้อมๆ กับเรียนวิชาอื่นๆ) เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างแท้จริงให้กับเนื้อหาที่นักเรียนคนนั้นไม่ได้เรียนในช่วง ม ปลาย ค่ะ

4. เรื่องคุณครูสอนผิดแต่ไม่ยอมรับ คือในปัจจุบัน มีคุณครูหลายท่านที่สอนผิดในห้องเรียนแต่ไม่ยอมรับพอเราเอาเนื้อหาที่เรารู้ไปอธิบายกับท่าน ครูก็ไม่ฟังบอกว่า "ก็ฉันบอกว่าแบบนี้ยังไงล่ะ" หรือคุณครูบางท่านก็เอาข้อมูลเก่ามาสอนนักเรียนซึ่งบางทีมันก็ล้าหลังและเก่ากึก จนใช้อะไรไม่ได้ในยุคปัจจุบัน
     จขกท. เลยคิดว่า หากเรามีการสอบวัดระดับคุณครู เหมือนที่ สทศ มีการสอบ ONET บ้าง น่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้คุณครูค้นหาข้อมูลใหม่ๆ ที่ถูกต้อง เพื่อเตรียมพร้อมในการสอบวัดระดับ และมันจะมีผลประโยชน์ตกมาถึงนักเรียนเพราะคุณครูก็จะมีข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น สามารถสอนนักเรียนได้อย่างถูกต้อง รวมถึงจะมีแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เป็นกลางเพื่อใช้ในการยืนยันว่าเนื้อหาที่สอนนั้นถูกต้องหรือไม่

5. เรื่องคุณครูสอนกั๊ก เก็บความรู้และข้อสอบไว้ให้เฉพาะเด็กที่เรียนพิเศษด้วย เป็นกรณีที่ถือได้ว่ามีเยอะมากๆ มีเด็กนักเรียนหลายๆ คนที่ตามไปเรียนกับคุณครู เพราะว่าอยากได้ข้อสอบและเกรด ไม่ใช่ความรู้จริงๆ ที่ครูสมควรให้
     เพราะแบบนั้น จขกท. จึงคิดว่า ถ้ามีกฏขึ้นมาว่า ห้ามคุณครูที่สอนนักเรียนชั้นไหนในโรงเรียน รับเด็กนักเรียนที่อยู่ในชั้นนั้นไปเรียนพิเศษด้วย เช่น คุณครูเอ สอนเด็กนักเรียนห้อง ม.4/3 คุณครูเอ ก็ห้ามสอนพิเศษให้กับเด็กชั้นม.4/3 แต่สามารถสอนพิเศษให้กับชั้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชั้น ม.4/3ได้ วิธีการนี้น่าจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ค่ะ

---------------------------------------------------------
นี่คือความเห็นของ จขกท. ค่ะ
จขกท อยากเห็นความคิดของคนอื่นๆ บ้างค่ะ
ปล. ขอเป็นการแสดงความคิดเห็น งดเรื่องดราม่า เช่น เรียนๆ ไปเถอะ อย่ามาตั้งคำถาม หรืออะไรทำนองนี้ นะคะ
ขอบคุณค่ะ

แทคสยามสแควร์ เพราะเป็นเรื่องของการเรียน โรงเรียน และ วัยรุ่นค่ะ ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่